สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 562

บทที่ 562 ไม่ระมัดระวังตัว

บทที่ 562 ไม่ระมัดระวังตัว

แม่นางจากหอซือเป่าไม่เคยไปเรือนพักผ่อนบนภูเขามาก่อน

ทว่าสำหรับชื่อเสียงที่ ‘ดังกึกก้องราวกับฟ้าผ่า’ นี้ พวกนางกลับคุ้นเคยเป็นอย่างดี

เมื่อพวกนางได้อยู่ในห้องที่สุดแสนจะสบาย ได้ทานขนมรสเลิศ ดื่มเครื่องดื่มหวาน ๆ พลันคิดขึ้นมาว่ามีชีวิตเช่นนี้ประหนึ่งได้เป็นเทพเซียนอย่างไรอย่างนั้น

ลู่จื่ออวิ๋นสอนทักษะการเย็บปักให้พวกนางในทุกเช้าและฝึกฝนด้วยกันกับพวกนางในยามบ่าย หากรู้สึกเบื่อขึ้นมาก็ออกไปเดินเล่นหรือแช่น้ำพุร้อน

ดังนั้น ยามบ่ายของทุกวัน ลู่จื่ออวิ๋นจึงว่างเป็นอย่างมาก

ข้างหน้าต่าง แม่สาวน้อยถือผ้าหนึ่งผืนเอาไว้ในมือ ดูมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า แสงแดดทอดกกระทบลงบนใบหน้านั้น

ทุกครั้งที่ย้อมผ้าผืนนี้มักจะล้มเหลว แต่นางกลับไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด

นางค้นพบวิธีย้อมผ้าแบบเก่าแก่นี้ในตำราโบราณเล่มหนึ่ง เห็นได้ชัดว่านางพยายามจะทำ ‘มายาสีชาด’ ทว่าผลลัพธ์ที่ได้กลับยุ่งเหยิงวุ่นวาย

เมื่อเงยหน้าขึ้น ปอยผมของนางก็ย้อยลงมาระผ่านคอขาวราวหยกครั้งแล้วครั้งเล่า

แสงแดดอาบไล้บนใบหน้านาง ราวกับกำลังตั้งใจขับเน้นความโดดเด่นให้ ทำให้ทั้งคนเปล่งประกายเจิดจ้าขึ้นมา

ป๊อก!

กรวดก้อนหนึ่งถูกขว้างมา

ลู่จื่ออวิ๋นมองไปยังฝั่งตรงข้าม

ห้องตรงข้ามที่เดิมทีมักจะว่างเปล่าเสมอ ไม่รู้ว่ามีคนอยู่ตั้งแต่เมื่อใด อีกฝ่ายก็เปิดหน้าต่างเช่นกัน ทั้งยังนั่งอยู่บนหน้าต่างด้วยท่าทีเกียจคร้านจ้องมองมาที่นางอีกด้วย

“ในฐานะที่เป็นเจ้าของตัวน้อยของที่นี่ หากมีแขกไม่พอใจ เจ้าควรรับผิดชอบหน่อยหรือไม่?” เซี่ยเฉิงจิ่นกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ไม่ทราบว่าซื่อจื่อไม่พอใจด้านใดหรือ?”

“ม้าแสนรักของข้าถูกนำมาให้พวกเจ้าดูแลถึงที่นี่ แต่คนของพวกเจ้ากลับให้อาหารมันได้ไม่ดีนัก ตอนนี้มันอดอาหารประท้วงแล้ว”

“ไม่ทราบว่าม้าแสนรักของท่านซื่อจื่ออยู่ที่ใด?”

“แน่นอนว่าอยู่สนามม้า”

“เช่นนั้นข้าจะจัดเตรียมคนสองคน…”

“แม่นางน้อย เจ้าไม่ได้แม้แต่ไปดูก็สั่งการคนสองคนไปดูเพื่อปัดภาระให้พ้นแล้ว ข้าเป็นลูกค้าระยะยาวของเจ้า เจ้าทำเช่นนี้ไม่ดีกระมัง?” เซี่ยเฉิงจิ่นยิ้มบาง ๆ

ลู่จื่ออวิ๋นยิ้มตอบ “ท่านซื่อจื่อกล่าวได้ถูกต้อง เช่นนั้นข้าจะตามไปดูม้าแสนรักของท่านซื่อจื่อเสียหน่อยว่ามันถูกละเลยอย่างไร”

เซี่ยเฉิงจิ่นเดินอยู่ข้างหลัง มองแม่นางน้อยที่เดินกระฟัดกระเฟียดอยู่ข้างหน้า

แม้ว่าตอนที่หันกลับมานางจะยิ้มสดใสเป็นอย่างยิ่ง แต่ตอนที่เขามองไม่เห็น เกรงว่าอีกฝ่ายคงใช้สายตาทิ่มแทงเขาจนพรุนเพราะความโกรธไปแล้ว

ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบา ๆ

เมื่อลู่จื่ออวิ๋นได้ยินเสียงหัวเราะข้างหลัง นางยิ่งรู้สึกว่าท่านซื่อจื่อผู้นี้จงใจเล่นลูกไม้กับนาง

ทว่าเมื่อนางเห็นม้าตัวนั้น กลับไม่ได้รู้สึกเช่นเดิมแล้ว

“เจ้าชาด!” ลู่จื่ออวิ๋นวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปหามัน “เจ้าสูงขึ้นนี่! ทั้งยังดูแข็งแรงกำยำขึ้นด้วย!”

เซี่ยเฉิงจิ่นเห็นมือบอบบางของลู่จื่ออวิ๋นลูบลงบนขนของเจ้าชาด พลันรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

“มันเป็นม้าตัวผู้”

“หืม?” ลู่จื่ออวิ๋นมองเซี่ยเฉิงจิ่นด้วยความสงสัย

“มันเป็นตัวผู้” เขาเอ่ยย้ำ

“แล้วอย่างไรเล่า?” ลู่จื่ออวิ๋นยังไม่เข้าใจ

ถึงแม้มันจะเป็นม้าตัวผู้ แต่ก็ไม่ได้บดบังความสวยงามของมันแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุใดต้องสนใจว่าม้าเป็นตัวผู้หรือตัวเมียด้วย?

“มันไม่ชอบให้คนลูบขนมันเช่นนี้” เซี่ยเฉิงจิ่นกล่าว

ลู่จื่ออวิ๋นมองเจ้าชาดที่แสนอ่อนโยน ชั่วขณะหนึ่งนางไม่รู้ว่าควรเชื่อคำพูดของเขาหรือไม่

“มันไม่กินอะไรจริง ๆ หรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นถามคนเลี้ยงม้าที่ดูแลเจ้าชาด

คนเลี้ยงม้าตอบตามความเป็นจริง “ม้าตัวนี้แปลกมากขอรับ ไม่ว่าพวกเราให้กินอะไรมันล้วนไม่กินทั้งสิ้น”

“มันรู้จักเจ้าของ” เซี่ยเฉิงจิ่นเอ่ยขึ้น “นอกเสียจากคนที่มันรู้จัก ใครให้อะไรมันก็ไม่กินทั้งสิ้น ถึงแม้จะต้องหิวตายก็ตาม”

“เช่นนั้น คนที่ดูแลมันที่สนามม้าก่อนหน้านี้เล่า?”

“ที่นั่นมีคนเลี้ยงม้าที่ช่วยทำคลอดให้มัน ทั้งยังเลี้ยงมันมาตั้งแต่ยังเล็ก บนตัวเขามีกลิ่นมัน มันจึงจำได้ ช่วงนี้คนเลี้ยงม้าคนนั้นกลับไปเยี่ยมญาติ ข้าคิดว่านอกจากเขาก็มีเจ้าที่ให้อาหารมันได้ ข้าได้ยินว่าเจ้าอยู่ที่เรือนพักผ่อนบนภูเขา จึงนำมันมาที่นี่”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย