สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 595

บทที่ 595 หากต้องการของย่อมได้ แต่ต้องทิ้งเงินไว้

บทที่ 595 หากต้องการของย่อมได้ แต่ต้องทิ้งเงินไว้

ลู่จื่ออวิ๋นไม่ได้โง่เขลา ถึงจะฟังไม่ออกว่าหยางอีเหรินไม่ได้กล่าวคำพูดดี ๆ แต่กำลังเย้ยหยันครอบครัวนางว่าเป็นพวกค้ากำไรเกินควร เห็นแต่เงินอยู่ในสายตา

ทว่านางไม่มีเวลาว่างมาโต้แย้งกับบรรดาสตรีตรงหน้าในตอนนี้ ถึงอย่างไรเวลาของนางก็ล้ำค่า นางไม่อยากเสียเวลาไปกับคนโง่เขลาน่าเบื่อหน่าย

“อัญมณีเม็ดนี้ราคาห้าหมื่นตำลึงเงิน อีกทั้งยังมีไข่มุกซึ่งแต่ละเม็ดล้วนมีขนาดเท่ากัน กลมอย่างไข่มุกเรียบลื่นดั่งหยก เป็นของล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่ง เครื่องประดับศีรษะนี้ขายในราคาแสนตำลึงเงินแพงที่ใดกัน? หรือพวกท่านนำเงินจำนวนนี้ออกมาไม่ได้? หากกล่าวเช่นนี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จบแล้ว เห็นแก่ทุกคนที่ล้วนคุ้นหน้าคุ้นตากันดี ข้าสามารถลดราคาให้ได้ ท่านเห็นของเหล่านี้แล้วกระมัง? พวกมันล้วนเข้าชุดกับเครื่องประดับศีรษะชิ้นนี้ ของเหล่านี้ข้าคิดพวกท่านเพียงห้าพันตำลึงเงิน เช่นนี้พวกท่านก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว”

“เจ้า…” ชิงเหอจวิ้นจู่ชี้ไปที่ผู้ดูแลที่อยู่ข้าง ๆ “เจ้าว่ามา นางโกหกพวกเราใช่หรือไม่?”

ผู้ดูแลเอ่ยอย่างประจบเอาใจ “คุณหนูลู่ไม่ได้โกหกพวกท่าน อัญมณีเม็ดนี้เป็นของล้ำค่าที่หาได้ยากจริง ๆ มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกเท่านั้น อีกทั้งยังมีไข่มุกเหล่านี้ที่ล้วนเป็นมุกชั้นเลิศจากทะเลบูรพา ทุกเม็ดล้วนมีขนาดเท่ากัน จนกระทั่งบัดนี้ยังไม่เคยพบไข่มุกที่เม็ดใหญ่กว่านี้เลยขอรับ”

แสนตำลึงเงินนั้น อันที่จริงมากเกินไปเล็กน้อย ทว่าผู้ดูแลร้านเป็นคนฉลาด ย่อมไม่เปิดโปงคำโกหกครานี้ของลู่จื่ออวิ๋น ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับว่าทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่พอใจแล้ว

สีหน้าของชิงเหอจวิ้นจู่ไม่น่าดูชมนัก

เครื่องประดับชิ้นนี้งดงามจริง ๆ ทว่าราคานั้นกลับแพงเกินไป

หากกล่าวอย่างไม่น่าฟังนัก ไม่ต้องเอ่ยถึงนาง แม้กระทั่งมารดาของนางอย่างองค์หญิงใหญ่ยังไม่อาจนำแสนตำลึงเงินออกมาเพียงเพื่อซื้อเครื่องประดับชิ้นหนึ่งได้ สกุลลู่นี้ร่ำรวยอู้ฟู่ยิ่งนัก

“ท่านไม่ได้มาที่นี่เพื่อช่วยข้าเลือกของขวัญหรือ?” หยางอีเหรินที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “อีกไม่นานก็จะถึงวันเกิดของท่านอ๋องแล้ว ข้าต้องหาของดี ๆ ไปมอบให้เขา”

“เช่นนั้นพวกเราไปเลือกของขวัญกันเถิด” ชิงเหอจวิ้นจู่หมุนตัวจากไปด้วยความโมโห

หยางอีเหรินเหลือบมองลู่จื่ออวิ๋นแวบหนึ่ง สีหน้าสลับซับซ้อน

ลู่จื่ออวิ๋นไม่ได้สนใจพวกนาง จึงหันไปกล่าวกับผู้ดูแลว่า “ท่านให้คนนำไปส่งที่รถม้าของข้า”

“ขอรับ” ผู้ดูแลรับคำ

ลู่จื่ออวิ๋นลงไปชั้นล่าง

ชิงเหอจวิ้นจู่กระทืบเท้าด้วยความโกรธ “ข้าเกลียดนังเด็กเห็นแก่เงินคนนั้นนัก”

“ไม่จำเป็นต้องลดตัวลงไปทะเลาะกับคนต้อยต่ำเช่นนั้น” หยางอีเหรินเอ่ย “ท่านมีสถานะเช่นใด? นางมีสถานะเช่นใด? หากท่านขุ่นเคืองเพราะคนเช่นนั้น จะไม่เป็นการลดคุณค่าตนเองหรือ?”

“เครื่องประดับชุดนั้นงดงามจริง ๆ” ชิงเหอจวิ้นจู่พึมพำ “บุตรสาวขุนนางเล็ก ๆ คนหนึ่ง มีสิทธิ์อะไรใช้เครื่องประดับที่ล้ำค่าเช่นนั้น? แม้กระทั่งคนที่มีสถานะเช่นพวกเรายังไม่มีเลยนะ!”

“หากท่านโมโหมากจริง ๆ เช่นนั้นก็แค่เพียงระบายโทสะออกมา” หยางอีเหรินเอ่ย “ขอเพียงทำอย่างรอบคอบ การจัดการกับแม่นางน้อยผู้หนึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายดาย”

มุมปากชิงเหอจวิ้นจู่หยักยกขึ้น “กล่าวได้ไม่ผิด หากข้าไม่อาจใช้เครื่องประดับนั้นได้ นางถือสิทธิ์อันใดมาใช้กัน?”

ในรถม้า ลู่จื่ออวิ๋นที่พักสายตาอยู่พลันรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือน

นางค่อย ๆ เลิกผ้าม่านขึ้น มองออกไปข้างนอก เห็นเพียงว่าไม่ใช่คนขับรถม้าคนก่อนหน้านี้ แต่เป็นชายไม่คุ้นหน้าอีกคน

เมื่อหันไปมองรอบ ๆ อีกครั้ง ทิศทางที่ขับไปก็ไม่ถูกต้องเช่นกัน ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการพานางไปที่ใด

นางดึงหน้าไม้ออกมาจากรถม้า เล็งไปที่หลังชายผู้นั้น

ชายผู้นั้นสังเกตได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง จึงหันกลับมามอง

แม้นจะเห็นใบหน้าอ่อนหวานงดงามนั้นแต้มรอยยิ้ม ทว่าดวงตาของนางกลับเย็นชา

นางกดหน้าไม้และยิงลูกดอกออกไปทันที

เกิดเสียง ‘ฟึบ’ ขึ้นหนึ่งครั้ง ลูกดอกตรงไปยังชายผู้นั้นทันที

ชายผู้นั้นเบี่ยงตัวหนึ่งครั้ง หลบลูกดอกลูกนั้นไปได้

อย่างไรก็ตาม ลูกดอกลูกที่สองและลูกที่สามถูกปล่อยออกมาติด ๆ กัน

ชายผู้นั้นหลบได้หนึ่งครั้ง ทว่าไม่สามารถหลบครั้งที่สองและครั้งที่สามพ้น

ลูกดอกที่สองปักเข้าที่ไหล่ของเขา ส่วนลูกดอกที่สามพุ่งไปที่คอ

ชายผู้นั้นเบี่ยงตัวหลบแล้วกระโดดลงไปจากรถม้า

ไม่รู้ว่าคนขับรถม้าตายไปแล้วหรือไม่ อย่างไรเสียเขาก็ไม่อยู่ในรถม้าแล้ว ตอนนี้จึงไม่มีคนคอยบังคับรถและเพราะลูกดอกสามดอกนั้นถูกปล่อยไปติด ๆ กัน ม้าจึงตื่นตกใจและคลุ้มคลั่งขึ้นมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย