สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 610

บทที่ 610 ผู้ใดให้เจ้าทำเช่นนี้

บทที่ 610 ผู้ใดให้เจ้าทำเช่นนี้

คนสองคนกำลังลากเกวียนออกจากประตูพระราชวัง

“หยุด!” ทหารเฝ้าประตูเรียกพวกเขาไว้

ก่อนที่ทหารผู้นั้นจะได้กล่าวสิ่งใด ทหารอีกคนก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน “เจ้ามาใหม่สินะ เห็นผู้ใดจึงล้วนหยุดไว้ คนคนนั้นชื่อเหล่าหลิวโถว ส่วนนั่นเป็นลูกชายของเหล่าหลิวโถว เศษอาหารในวังหลวงล้วนเป็นพวกเขาพ่อลูกจัดการ มีอันใดให้ตรวจสอบกัน ทุกวันล้วนต้องพบหน้าเสมอ”

ทหารมาใหม่ลดมือลง ปล่อยให้ทั้งสองคนผ่านไป

สองพ่อลูกไม่ได้ลากเกวียนบรรทุกเศษอาหารไปยังสถานที่สำหรับทิ้ง แต่กลับลากไปยังประตูข้างของศาลต้าหลี่แทน

เสี่ยวหลิวเคาะลงบนประตู

ประตูเปิดออกจากข้างใน ชายหนุ่มรูปร่างผอมบางผู้หนึ่งมองมาที่เขา

“เรื่องที่ใต้เท้าให้จัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ”

“เอาละ ทิ้งคนไว้ที่นี่” ชายหนุ่มร่างผอมผู้นั้นโยนถุงเงินออกมา

เสี่ยวหลิ่วรีบยื่นมือออกไปรับ จากนั้นก็หมุนตัวกลับไปช่วยเหล่าหลิวโถวลากตัวขันทีออกมาจากถังเศษอาหาร

ครึ่งชั่วยามต่อมา ขันทีผู้หนึ่งร่างโชกไปด้วยเลือดถูกรีดเค้นข้อมูลนับไม่ถ้วน เนื้อหาในคำสารภาพถูกจดบันทึกไว้ และส่งต่อไปยังโต๊ะทำงานของลู่อี้

ลู่อี้อ่านข้อมูลในหนังสือรายงานแล้วเอ่ยว่า “ดังนั้น นี่เป็นการกระทำของหยางไท่เฟยในวังหลังที่จงใจส่งคนไปวางเพลิงโถงพระเล็กเพื่อแก้แค้นไทเฮา ฮูหยินจึงติดร่างแหไปด้วยหรือ?”

“ขันทีผู้นั้นสารภาพออกมาเช่นนี้ขอรับ” เจี่ยเฉิงผิงเอ่ย “ใต้เท้ายังมีข้อสงสัยอันใดอีกหรือไม่? ท่านคิดว่าคนผู้นั้นไม่ได้กล่าวความจริงหรือ? เช่นนั้นข้าน้อยจะส่งคนไปไต่สวนเขาอีกรอบ”

จือเชียนเข้ามาจากข้างนอกและรายงาน “ใต้เท้า ขันทีผู้นั้นตายแล้วขอรับ”

“ตายได้อย่างไร?” เจี่ยเฉิงผิงถาม

“ร่างกายของเขาอ่อนแอเกินไป ทนทัณฑ์ทรมานไม่ไหว จึงถูกตีจนตายแล้ว” จือเชียนเอ่ย “ข้าน้อยตรวจสอบไม่พบร่องรอยการสังหาร ผู้ลงทัณฑ์เองก็ทำตามกฎปกติขอรับ”

“ตรวจสอบหยางไท่เฟยผู้นี้”

“นี่ไม่ต้องตรวจสอบ ข้ารู้ขอรับ” เจี่ยเฉิงผิงเอ่ย “ครั้งหยางไท่เฟยยังเยาว์ นางเป็นปฏิปักษ์กับไทเฮา ตอนนั้นนางได้รับความโปรดปราน ให้กำเนิดโอรสสองพระองค์และธิดาหนึ่งพระองค์ อยู่มาวันหนึ่งโอรสและธิดาของนางล้วนตายในกองไฟทั้งหมด ไม่มีผู้ใดรอดแม้แต่คนเดียว ขันทีผู้นั้นกล่าวว่าหยางไท่เฟยเป็นคนสั่งให้เขาทำ ดังนั้นเขาอาจไม่ได้โกหก หยางไท่เฟยรู้สึกมาโดยตลอดว่าไทเฮาทำร้ายโอรสธิดาของนางจึงคิดจะใช้วิธีเดียวกันสังหารไทเฮาโดยให้ดูเหมือนเป็นเรื่องไม่คาดคิด”

“การต่อสู้แย่งชิงในวังหลังไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา แต่พวกเขากลับดึงฮูหยินของข้าเข้าไปพัวพัน เช่นนั้นเราไม่อาจไม่เกี่ยวข้องได้แล้ว” ลู่อี้เอ่ย “ข้าจะกลับไปตรวจสอบให้แน่ชัดเอง”

คืนนั้นลู่อี้เอ่ยเรื่องความแค้นระหว่างหยางไท่เฟยและไทเฮา อีกทั้งร่องรอยที่เขาตรวจสอบออกมาได้

“หยางไท่เฟยที่ท่านเอ่ยถึง…” มู่ซืออวี่ซุกซบอยู่ในอ้อมแขนของสามี “ข้าไม่เคยพบ ทว่าหากนางเกลียดไทเฮามากเพียงนั้น เหตุใดนางต้องรอจนกระทั่งตอนนี้เล่า? ผ่านมาหลายปีเพียงนี้แล้ว นางย่อมต้องมีโอกาสมากมายที่จะทำร้ายไทเฮา! หากก่อนหน้านี้ไม่มีโอกาส เหตุใดตอนนี้จึงมีโอกาสขึ้นมา? ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผล”

“นี่คือจุดที่ข้ารู้สึกว่าแปลก เหตุใดเมื่อก่อนไม่มีโอกาส แต่พอเจ้าเข้าไปในวังแล้วนางจึงมีโอกาสขึ้นมา ทุกอย่างเป็นเพียงความข้างเดียวของขันทีผู้นั้น แต่ขันทีผู้นั้นกลับตายไปแล้ว คนตายไม่อาจให้การได้” ลู่อี้ลูบผมนางเบา ๆ “เรื่องเหล่านี้ไม่ทำให้ข้ากังวล ข้าจะจัดการเอง เจ้าเพียงทำเรื่องของเจ้าให้เสร็จแล้วปลีกตัวออกมาก็พอ”

ลู่อี้ไม่อยากให้มู่ซืออวี่ต้องมาเสี่ยง เขาต้องการให้นางถอยห่างออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่นางจะปลีกตัวออกมาได้ดั่งใจนึกจริง ๆ หรือ?

ในตำหนักข้างที่ถูกทิ้งร้าง บริเวณที่เดิมทีรกร้างเต็มไปด้วยวัชพืชถูกขุดศพขึ้นมามากมายหลายศพ

ขันทีกรมวังหวาดกลัวจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว

ที่นี่คือวังหลวง กินคนไม่คายกระดูก*[1] หากขุดศพขึ้นมาเพียงไม่กี่ศพยังไม่น่าหวาดกลัวเท่าใดนัก อย่างไรก็ตาม ของเช่นนี้ไม่อาจทำอย่างเปิดเผย ที่นี่ยิ่งรู้มากเท่าใดยิ่งตายเร็วเท่านั้น

“ฮูหยิน ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?” ถังฝูเอ่ยถาม

“สั่งให้คนเก็บศพพวกเขาออกไปฝังเถอะ!” มู่ซืออวี่เอ่ย “พวกเราเพียงแค่สร้างโถงพระเล็กให้ไทเฮา เรื่องอื่นพวกเราไม่รู้ทั้งสิ้น”

“อย่างนี้จะได้หรือขอรับ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย