สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 630

บทที่ 630 เขามาที่นี่ได้อย่างไร?

บทที่ 630 เขามาที่นี่ได้อย่างไร?

ลู่เซวียนกลับมาบ้านไม่เห็นซูจือหลิ่ว เมื่อถามบ่าวรับใช้ในจวนจึงได้ความว่านางอยู่ที่สกุลเดิมยังไม่กลับมา

“สกุลซูไม่มีเรื่องอะไรกระมัง?” ลู่เซวียนเอ่ยถาม

บ่าวรับใช้ตอบกลับ “ได้ยินว่าที่บ้านมีญาติมาขอรับ”

ลู่เซวียนเปลี่ยนมาสวมชุดอยู่บ้าน สั่งให้พ่อบ้านเตรียมของขวัญ จากนั้นจึงนั่งรถม้าไปยังสกุลซู

ซูเซิ่งก็กลับมาบ้านแล้วเช่นกัน เมื่อเห็นเซี่ยวเจินและได้ยินเรื่องของนางจึงปรึกษากับเซี่ยวซื่อพักหนึ่ง ก่อนจะรับเซี่ยวเจินและสามีเข้ามาอยู่ในจวน

เซี่ยวเจินและสามีมายังเมืองหลวงในครั้งนี้ เหตุผลหลัก ๆ ก็เพื่อหาท่านหมอที่เก่งกาจมาช่วยรักษาสามี พวกเขาไม่มีบ้านอยู่ในเมืองหลวง ในฐานะบุตรหลานของสกุลเซี่ยว เซี่ยวซื่อไม่อาจไม่แยแสพวกเขาได้

“นายท่าน ท่านเขยมาขอรับ” พ่อบ้านพาลู่เซวียนเข้ามา

ซูเซิ่งรีบเข้าไปต้อนรับ “มารับหลิ่วเอ๋อร์ใช่หรือไม่?”

ลู่เซวียนกล่าวยิ้ม ๆ “ได้ยินว่าที่บ้านมีแขก ข้ามาทำความรู้จักขอรับ”

“ถูกแล้ว ๆ เจ้ายังไม่ได้พบญาติสกุลเซี่ยว” ซูเซิ่งพาลู่เซวียนไปที่ห้องรับรองที่เซี่ยวเจินและลั่วเฉินโจวอาศัยอยู่

เซี่ยวซื่อและซูจือหลิ่วกำลังพูดคุยกับเซี่ยวเจินอยู่ที่นั่น เมื่อได้ยินว่าลู่เซวียนมา เซี่ยวซื่อจึงเอ่ยกับซูจือหลิ่ว “ข้าให้เจ้ากลับไปนานแล้ว ลูกเขยกลับมาไม่เห็นเจ้าจะต้องเป็นกังวลแน่ ดูสิ นี่ไม่ใช่ว่าเขามาตามแล้วหรือไร? เจ้าหนอเจ้า ไม่เคยทำให้ผู้อื่นสบายใจจริง ๆ”

“ไม่เป็นไร ท่านแม่” ซูจือหลิ่วเห็นลู่เซวียนเข้ามาก็รีบสาวเท้าเข้าไปหา

ลู่เซวียนส่งยิ้มให้นาง “ได้ยินนานแล้วว่าที่บ้านท่านมีแม่ครัวฝีมือดี ข้ามาขอทานอาหารสักมื้อ”

ซูจือหลิ่วแนะนำเซี่ยวเจินกับลู่เซวียน ส่วนลั่วเฉินโจวผู้ที่นอนป่วยอยู่บนเตียงนั้นจำต้องให้ซูเซิ่งพาเขาไปพบ

“ท่านหมอว่าอย่างไรหรือ?”

“เฮ้อ วัณโรค” ซูเซิ่งเอ่ย “เกรงว่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน”

เมื่อออกมาจากห้องแล้ว ซูเซิ่งจึงเอ่ยความจริง

หลังจากทานอาหารเย็น ลู่เซวียนก็พาซูจือหลิ่วกลับไปที่บ้าน

เซี่ยวเจินเอ่ยกับเซี่ยวซื่อ “นางเป็นญาติผู้น้องที่โชคดี ใต้เท้าลู่เซวียนท่านนั้นรักใคร่นางถึงเพียงนี้ นางคงรู้สึกราวกับตกลงไปในไหน้ำผึ้งอย่างไรอย่างนั้น ไม่เหมือนข้า…”

“เจินเอ๋อร์ เจ้าคิดแล้วหรือยังว่าภายหน้าจะทำเช่นไรต่อไป?” เซี่ยวซื่อเอ่ยถาม

“ข้าและเขาแต่งงานกันมาก็หลายปีกลับไม่มีบุตร หากเขาไปแล้ว ข้าคงไม่กลับไป ข้าคิดจะรั้งอยู่ในเมืองหลวง” เซี่ยวเจินกอดแขนของเซี่ยวซื่อ “ท่านอาหญิง ท่านช่วยข้าด้วยเถิด”

“ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นแม่นางสกุลเซี่ยว ทั้งยังเป็นหญิงที่แต่งเข้าสกุลลั่ว จะอยู่กับอาที่นี่ตลอดไปได้อย่างไร? ข้าแนะนำให้เจ้าปรึกษากับคนที่บ้านก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิด”

“ท่านอาหญิงเพียงแต่ไม่อยากช่วยข้า”

“ข้าไม่อาจตัดสินเรื่องในครอบครัวของเจ้าได้”

ในรถม้า ซูจือหลิ่วขยี้ตา ดูเหนื่อยล้าเป็นอย่างยิ่ง

ลู่เซวียนโน้มศีรษะนางมาพิงไหล่ของเขา “พักหน่อยเถิด ถึงแล้วข้าจะเรียกเจ้า”

ซูจือหลิ่วตอบรับเสียงงึมงำแล้วหลับตาลง

หลังจากหลับตาลง นางก็ไม่อาจฝืนหลับไปได้ ลมหายใจของลู่เซวียนรินรดอยู่บนจมูกของนาง ภายในหัวของนางล้วนผุดภาพที่ลู่เซวียนแสดงความรักต่อกัน

ซูจือหลิ่วนึกถึงจดหมายของฉู่หนิงจูที่ตอบกลับมา

ในจดหมายที่นางตอบกลับมา นางอวยพรให้ แต่ซูจือหลิ่วรู้สึกได้ว่า ความสัมพันธ์พี่หญิงน้องหญิงที่มีมาอย่างยาวนานของพวกนางได้เปลี่ยนไปแล้ว น้ำเสียงที่ใช้ในจดหมายถึงได้ดูห่างเหินนัก

“เหตุใดจึงถอนหายใจ?” ลู่เซวียนเอ่ยถาม

ซูจือหลิ่วนึกไม่ถึงว่าตนจะเผยความรู้สึกออกมาง่ายดายเช่นนี้ อีกทั้งยังถูกเขาสังเกตเห็นเข้าแล้ว แน่นอนว่านางย่อมไม่อาจกล่าวความจริงออกมา หากกล่าวออกมา รังแต่จะทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขากระอักกระอ่วนเปล่า ๆ

“ข้ากำลังกังวลเรื่องพี่เขยของข้า” ซูจือหลิ่วเอ่ย “อาการของเขาไม่สู้ดีนัก”

“ญาติผู้พี่ของเจ้าไร้หนทางแล้วจึงเข้าเมืองหลวงมาเพื่อลองเสี่ยงดวงดูเท่านั้น ข้าเห็นว่าสีหน้านางไร้ร่องรอยความเศร้าโศก คงจะคาดเดาผลลัพธ์นี้ได้”

“อือ”

“ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องหนักอกหนักใจแทนนาง นี่คือชะตากรรมของชีวิต ไม่อาจหลบเลี่ยงได้”

“ท่านพี่” ซูจือหลิ่วมองลู่เซวียน “เหตุใดท่านถึงได้ดีกับข้าเพียงนี้?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย