สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 656

สรุปบท บทที่ 656 สถานการณ์ในเมืองหลวง: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สรุปเนื้อหา บทที่ 656 สถานการณ์ในเมืองหลวง – สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย โดย Internet

บท บทที่ 656 สถานการณ์ในเมืองหลวง ของ สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย ในหมวดนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 656 สถานการณ์ในเมืองหลวง

บทที่ 656 สถานการณ์ในเมืองหลวง

“ตอนนี้เขาเป็นเสนาบดีกรมพระคลัง คิดจะแตะต้องเขาไม่ได้ง่ายดายเพียงนั้น” เซี่ยคุนเอ่ย “นอกจากนี้ คนในราชสำนักบางคนก็เป็นของเรา ไม่ว่าเซวียนอ๋องอยากแตะต้องเขาเพียงใดก็ไม่มีโอกาส”

มู่ซืออวี่เข้าใจแล้ว คำว่าไม่ได้ทำได้ง่ายดายนั่นหมายความว่า เซวียนอ๋องคิดจะกำราบเขาจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลู่อี้ไม่ได้อยู่ในราชสำนัก นี่เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่เซวียนอ๋องจะลงมือ

หลายวันต่อมา เซี่ยคุนจึงขอกลับไปเมืองหลวงเที่ยวหนึ่ง

จากเมืองซานหลินถึงเมืองหลวง ควบม้าเร็วเพียงห้าวันก็ถึงแล้ว อันที่จริงก็ไม่ได้ห่างไกลเพียงนั้น

มู่ซืออวี่เข้าใจว่าเมืองหลวงเกิดเรื่องขึ้นแล้ว เขาย่อมต้องรุดกลับไปช่วย นางไม่รู้ว่าลู่อี้สั่งให้เขาทำอะไร ทั้งหมดที่นางทำได้ในตอนนี้คือให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ด้วยการสนับสนุนเรื่องเงินให้เขา

พลังของเงินนั้นไม่อาจดูถูกเป็นอันขาด เงินที่นางหามาได้ตลอดหลายปีที่ผ่านมานั้นช่วยลู่อี้ได้เป็นอย่างมาก เหนือสิ่งอื่นใด ผู้คุ้มกันลับฝีมือยอดเยี่ยมเหล่านั้นล้วนใช้เงินเลี้ยงดู

มู่ซืออวี่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง มองดูใบเฟิงที่ร่วงหล่นลงมาในสวน

นางเอ่ยกับฉานอี “อากาศหนาวแล้ว มอบเงินห้าร้อยอีแปะให้แต่ละครอบครัวไปซื้อถ่านเถอะ!”

“เช่นนั้นพวกเขาคงมีความสุขมาก” ฉานอีเอ่ย “ทุกคนล้วนรู้สึกโชคดีที่ได้ทำงานกับฮูหยิน ใช้เวลาไม่นาน ทุกคนก็เชื่อในตัวฮูหยินแล้ว ทั้งยังชื่นชมไม่หยุดปาก เพียงแต่คนเรือผู้นั้นที่หยาบคายเล็กน้อย ทั้งยังมีท่าทีลำพองตน เหตุใดฮูหยินจึงเก็บเขาไว้เล่าเจ้าคะ?”

“คนมีความสามารถมักจะมีอารมณ์ร้อน นอกจากนี้เขาไม่ได้กล่าวเกินจริงจนเกินไป แม้ว่าเขาจะพูดไม่เก่ง แต่ทุกคำที่เขาพูดก็ตรงจุดเสมอ พวกเราเป็นมือใหม่ในด้านนี้ ต้องเรียนรู้จากเขาจริง ๆ ข้าเห็นว่าเขามีความสามารถจึงส่งคนไปตรวจสอบ เจ้าคิดว่าข้าตรวจสอบได้ความว่าอย่างไร?”

“อย่างไรเจ้าคะ?”

“เมื่อก่อนเขาเคยอยู่ในอาณาจักรเหลียง ทั้งยังเคยมีส่วนร่วมในการต่อเรือจริง ๆ”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ คนเช่นเขาหาได้ยากจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทั้ง ๆ ที่เขาหยาบคายเพียงนี้ เหตุใดฮูหยินถึงยังสุภาพต่อเขา”

“ข้าไม่ใส่ใจ ประการแรกเขามีความสามารถมีความรู้ที่แท้จริง ประการที่สอง ข้ารู้ว่าสิ่งที่เขากล่าวล้วนสมเหตุสมผล ประการที่สาม ข้าให้เกียรติผู้มีความสามารถ นั่นจะทำให้ผู้อื่นที่กำลังจับตามองข้ามีความมั่นใจในตัวข้ายิ่งขึ้น ”

ครั้นได้เงินค่าถ่านมา คนเรือก็ล้วนยินดีเป็นอย่างยิ่ง

เดิมทีพวกเขาเป็นเพียงชาวประมงที่อยู่อาศัยละแวกนี้ ต้องพึ่งพิงทะเลเลี้ยงชีพ ทั้งยังต้องดูว่าสวรรค์ประทานโชคให้พวกเขาเพียงใด ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ไม่ต้องเสี่ยง อีกทั้งค่าแรงยังค่อนข้างดี

ขณะที่ลู่จื่ออวิ๋นกำลังออกมาจากห้องบัญชีก็เห็นเฉินซิ่วเดินถือถังที่มีปลาและกุ้งผ่านไปจึงเรียกนางไว้

“ช้าก่อน”

เฉินซิ่วชะงักฝีเท้า “คุณหนู”

เฉินซิ่วรู้แล้วว่าน้องหญิงหน้าตางดงามผู้นี้เป็นบุตรสาวของเถ้าแก่เนี้ย ‘นาวีกรุ่นฝัน’

“เจ้าจะเอาปลาและกุ้งพวกนี้ไปที่ใดหรือ?”

“ข้าจะเอาไปขายในตลาด”

“เท่าใดหรือ?”

“สิบอีแปะเจ้าค่ะ”

“ทั้งถังนี้ราคาเพียงแค่สิบอีแปะหรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นประหลาดใจ “เอาอย่างนี้ เจ้ายกไปไว้ในห้องครัว บอกว่าข้าซื้อมา นอกจากนี้ที่บ้านเจ้ายังเหลืออีกหรือไม่ นำมาเพิ่มอีกสักสามสี่ถังเป็นอย่างไร”

“มีเจ้าค่ะ ข้ากับพี่ชายข้าจับปลาจับกุ้งเก่งมาก” เฉินซิ่วเอ่ยด้วยท่าทีมีความสุข “เช่นนั้นข้าจะไปนำมาประเดี๋ยวนี้”

ลู่จื่ออวิ๋นยังมีเรื่องที่ต้องทำ ดังนั้นนางจึงปล่อยเรื่องนี้ไว้ข้างหลัง

ขอเพียงแค่เฉินซิ่วนำมา แม่ครัวในครัวจะต้องจ่ายเงินให้ ไม่ละโมบโกงเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ของนางเป็นอันขาด

ยามกลางวัน ในที่สุดแม่ครัวก็ยกอาหารเข้ามา

ลู่จื่ออวิ๋นเบี่ยงกายหลบ “เจ้าค่อย ๆ พูดจากันดี ๆ เถิด อย่าได้อาแต่คุกเข่าอยู่เสมอ ข้าไม่ชิน”

“วันนี้หากไม่ใช่เพราะคุณหนู เกรงว่าข้าคงถูกท่านคหบดีจางจับไปเป็นอนุแล้ว” เฉินซิ่วกล่าว “ขอบคุณคุณหนู!”

“บ้านเมืองไม่มีขื่อมีแปหรืออย่างไร? หากเจ้าไม่ต้องการ เขามีสิทธิ์อะไรมาจับตัวเจ้า?”

“ในเมืองซานหลินเรา คหบดีจางนับว่าเป็นฮ่องเต้ไปแล้วครึ่งหนึ่ง ขุนนางท้องถิ่นคือน้าของเขาซึ่งปกครองที่นี่มาหลายปีแล้ว เขากล่าวว่าเขาจะรับข้าเป็นอนุ ทว่าไม่มีผู้ใดในครอบครัวข้าตกลง เขาจึงส่งคนไปฉุดข้ามา ท่านแม่โกรธมากจนเป็นลม พี่ชายของข้าถูกตีจนลุกไม่ได้ แต่คุณหนู ท่านช่วยข้าไว้แล้ว ลูกน้องพวกนั้นจะต้องไปรายงานคหบดีจางแน่นอน”

“ไม่ต้องกังวล” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ข้าไม่กลัวเขา”

บ้านของเฉินซิ่วอยู่ใกล้ ๆ ลู่จื่ออวิ๋น ลู่จื่ออวิ๋นได้ยินว่านางน่าอดสูเพียงนี้จึงตามไปดู

“ท่านแม่… ท่านพี่…”

ติงเซียงมองดูบ้านที่วุ่นวาย จากนั้นจึงเห็นคราบเลือดที่อยู่บนพื้น นางขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า “นึกไม่ถึงว่าคหบดีเล็ก ๆ คนหนึ่งจะกำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้”

“ท้ายที่สุดแล้วยังเป็นเพราะเขามีคนข้างบนหนุนหลัง” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “วันนี้ข้าจะเขียนจดหมายถึงท่านอาเวิน การเลื่อนตำแหน่งขุนนางเป็นเรื่องของกรมขุนนาง คนผู้นี้อนุญาตให้ญาติของเขากลั่นแกล้งคน จะต้องไม่ใช่ขุนนางที่ดีอย่างแน่นอน ข้าจะให้คนของกรมขุนนางตรวจสอบ”

ณ จวนสกุลจาง เมื่อคหบดีจางได้ยินสิ่งที่ลูกน้องบอก เขาก็โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ

“ดีจริง ๆ กี่ปีแล้วที่ไม่มีผู้ใดกล้าล่วงเกินพวกเราเช่นนี้”

“นายท่าน ใต้เท้าไม่ได้บอกแล้วหรือว่าอย่าได้ไปยุ่งกับฮูหยินที่มาใหม่? คนผู้นั้นสามารถดำเนินกิจการเดินเรือใหญ่โตเพียงนี้ได้ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง”

“เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง? หากมีเงินอยู่ในมือ ใคร ๆ ก็คือเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งได้ ท่านน้าข้าขี้ขลาดราวกับหนู หากไม่ใช่เพราะข้า เขาจะใช้ชีวิตรุ่งเรืองเช่นนี้ได้หรือ? อย่าได้เห็นว่าเป็นขุนนางแล้วมีเกียรติมีอำนาจ แท้จริงแล้วเขายากจนแม้กระทั่งเงินจะซื้อบ้านยังไม่มีด้วยซ้ำด้วยซ้ำ สตรีผู้นั้นจะมีอำนาจเพียงใดก็เป็นเพียงสตรีผู้หนึ่งไม่ใช่หรือ ไม่เคยได้ยินว่านางมีสามี นางคงจะเป็นม่ายแน่ เช่นนี้ก็ฉวยประโยชน์จากนางได้พอดี”

“นางยังมีบุตรสาวหน้าตางดงามผู้หนึ่งด้วยขอรับ”

“ลูกสาวนางบังเอิญปล่อยอนุข้าไปคนหนึ่ง ฉะนั้นก็นำตัวนางเองมาชดใช้เสีย!” รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของคหบดีจาง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย