สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 765

สรุปบท บทที่ 765 คารวะนางเป็นอาจารย์: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

ตอน บทที่ 765 คารวะนางเป็นอาจารย์ จาก สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 765 คารวะนางเป็นอาจารย์ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายจีนโบราณ สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 765 คารวะนางเป็นอาจารย์

บทที่ 765 คารวะนางเป็นอาจารย์

ลู่จื่ออวิ๋นมองหลี่กู่หยวนที่คุกเข่าอยู่ตรงนั้นและยกชาให้มู่ซืออวี่ ขณะเดียวกันก็เอ่ย ‘ท่านอาจารย์ เชิญดื่มชา’ พลันรู้สึกว่าทั้งหมดนี้แปลกยิ่งนัก

ก่อนหน้านี้ไม่นาน หลี่กู่หยวนยังเป็นเพียงคนเลี้ยงหนอนไหม ต่อมาเขาอยากติดตามทำงานกับนาง เมื่อนางตอบตกลง เขาจึงติดตามนางมาชั่วเวลาหนึ่ง บัดนี้เขากลับกลายเป็นลูกศิษย์ของมารดานางแล้ว คนผู้นี้ก้าวหน้ารวดเร็วเกินไปหรือไม่?

อย่างไรก็ตาม ลู่จื่ออวิ๋นเห็นนานแล้วว่ามู่ซืออวี่ชื่นชมสติปัญญาของหลี่กู่หยวน โดยเฉพาะเมื่อเขาทำงานทุกอย่างที่ได้รับมอบหมายในระยะนี้ได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องเอ่ยถึงมารดา แม้กระทั่งนางยังคิดว่าหลี่กู่หยวนผู้นี้ไม่เลวทีเดียว

“ศิษย์น้อง ภายหน้าได้โปรดชี้แนะข้าด้วย” หลี่กู่หยวนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

ลู่จื่ออวิ๋นยิ้มบาง ๆ “ศิษย์พี่ไม่ต้องเกรงใจ”

มู่ซืออวี่ยอมรับหลี่กู่หยวนแล้ว เรื่องหลังจากนี้เขาจึงเข้ามามีส่วนร่วมค่อนข้างมาก แนวคิดของเขาชัดเจนยิ่งและมักจะสร้างแรงบันดาลใจให้มู่ซืออวี่มากมายหลายอย่าง

ซางจือและฉานอีกำลังยุ่งอยู่กับทหารหญิง สาวใช้สองคนที่ปรนนิบัติมู่ซืออวี่อยู่ขณะนี้มีชื่อว่าชิงไต้และเจ๋อหลาน

“ชิงไต้ คุณหนูรองและคุณชายรองระยะนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

ชิงไต้ถอดสายคาดเอวของมู่ซืออวี่ออกแล้วเอ่ยตอบ “คุณหนูรองไม่อาจอยู่นิ่งได้ นางจึงโวยวายเล็กน้อยเพราะอยากออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก คุณชายหลี่จึงพาคุณหนูรองออกไปพักหนึ่ง จากนั้นนางก็หยุดสร้างปัญหาแล้วเจ้าค่ะ”

“หลี่กู่หยวนหรือ?”

“เป็นเขาเจ้าค่ะ”

“เขาทำได้อย่างไร?” มู่ซืออวี่หัวเราะออกมา “ดูเหมือนลูกศิษย์ของข้าจะเป็นอัญมณีชั้นยอดจริง ๆ ยังมีหลายสิ่งที่ข้าไม่รู้และค้นพบจากเขา”

บนถนน มีคนหลายคนรายล้อมหลี่กู่หยวน

“เจ้าคนแซ่หลี่ ข้าได้ยินว่าเจ้าปีนขึ้นสู่กิ่งไม้สูงใหญ่แล้ว” ชายอ้วนจ้องมองหลี่กู่หยวนแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มเหยียดหยัน “คนสารเลวอย่างเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะปีนป่ายกิ่งไม้สูงใหญ่เพียงใดก็ยังเป็นได้เพียงโคลนตมบนพื้นเท่านั้น อาจารย์ของเจ้าผู้นั้นรู้หรือไม่ว่าเจ้าเคยทำอะไรมา? หากเขารู้ว่าเจ้าเคยเป็นกระต่าย*[1] จะไม่มองว่าเจ้าน่ารังเกียจหรือ?”

สายตาของหลี่กู่หยวนฉายแววเหี้ยมโหดออกมา

เมื่อชายอ้วนผู้นั้นเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มก็ดึงกริชออกมาจากแขนเสื้อแทงไปที่อีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล

“อ๊ากกกกก”

ทุกคนล้วนต้องตกตะลึง

รอยยิ้มบนใบหน้าของชายอ้วนแข็งค้าง ก่อนจะมองหลี่กู่หยวนด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

“เจ้ากล้า… ฆ่าข้า…”

หลี่กู่หยวนมองชายอ้วนผู้นั้นด้วยสีหน้าดำทะมึน “ข้ารู้ว่าเจ้าคิดจะทำอะไร เจ้าอยากข่มขู่ข้าใช่หรือไม่? แต่กับคนอย่างเจ้า ข้าจะไม่ให้แม้แต่อีแปะเดียวเพื่อปิดปาก!”

“ฆ่าคนแล้ว… ฆ่าคนแล้ว…”

รถม้าคันหนึ่งหยุดลงตรงหน้าฝูงชน

คนเหล่านั้นวิ่งไปที่รถม้าแล้วตะโกนว่า “หลี่กู่หยวนฆ่าคนแล้ว!”

คนในรถม้าเปิดม่านขึ้น

เมื่อหลี่กู่หยวนเห็นคนในรถม้า ทั่วทั้งร่างเขาพลันแข็งทื่อ

กริชในมือชายหนุ่มร่วงหล่นลงบนพื้น ส่งเสียงดังกังวาน ราวกับเสียงของหัวใจเขาที่ถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้น ๆ

คุณหนูใหญ่สกุลลู่

คุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่สว่างไสวราวกับจันทร์กระจ่างผู้นั้น

“ท่านยังรออะไรอยู่อีก? มารดาข้าเชิญท่านไปทานอาหารเย็น ตอนนี้ก็ใกล้จะไม่ทันการแล้ว เหตุใดยังไม่รีบขึ้นรถ?”

จนกระทั่งหลี่กู่หยวนขึ้นไปบนรถม้าแล้วเขาก็ยังคงตกอยู่ในภวังค์

นาง…

ไม่ได้จากไปหรือ?

มิหนำซ้ำยังให้เขาขึ้นรถม้าด้วย?

ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยกับคนขับ “ดูซิว่าคนผู้นั้นตายหรือยัง?”

คนขับรถม้าหันกลับไปมองแล้วเอ่ย “คุณหนูใหญ่ขอรับ คนผู้นั้นไม่เป็นอะไร เพียงแค่บาดเจ็บเท่านั้น”

“เช่นนั้นก็ส่งเขากลับไป แล้วเชิญท่านหมอมาตรวจดู” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “หมู่นี้มีเรื่องราวมากมาย อย่าสร้างปัญหาโดยไม่จำเป็น จัดการเรื่องนี้ให้ดี”

“ขอรับ”

“ท่านอาจารย์ ได้ยินศิษย์น้องเอ่ยว่าท่านกำลังหาหินเหล็กหรือขอรับ” หลี่กู่หยวนเอ่ย “ข้ารู้จักคนผู้หนึ่ง ในมือเขามีสินค้าอยู่เป็นจำนวนมาก”

“เช่นนั้น เรื่องนี้มอบให้เจ้าจัดการ” มู่ซืออวี่เอ่ย “เรื่องเงินพูดกันง่าย เพียงแค่ช่วยข้าหาสินค้าเหล่านั้นได้ก็พอ”

“ท่านอาจารย์วางใจ ศิษย์จะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”

“วันนี้เจ้าพบปัญหายุ่งยากอะไรหรือไม่?” มู่ซืออวี่เหลือบมองบนร่างกายชายหนุ่ม “ข้าเห็นว่ามีเลือดเปื้อนอยู่”

หลี่กู่หยวนนึกไม่ถึงว่ามู่ซืออวี่จะเอาใจใส่เพียงนี้ เขาก้มศีรษะลงมอง เป็นดังคาด เลือดบางส่วนกระเซ็นใส่หน้าอกเขา

“อาจารย์ เหตุใดท่านจึงรับข้าเป็นศิษย์ของท่านเล่า?”

“นั่นเพราะเจ้าฉลาดหลักแหลม”

“คนฉลาดหลักแหลมนั้นมีมากมาย”

“จริงอยู่ที่คนฉลาดหลักแหลมมีมาก ทว่าบางคนคิดว่าตนเองฉลาด แต่แท้จริงแล้วกลับโง่เขลา เจ้าฉลาดทั้งยังรู้วิธีคว้าโอกาสเอาไว้ ไม่ได้ทำให้ข้ารังเกียจแม้แต่น้อย”

“ข้าเป็นเพียงชนชั้นต่ำผู้หนึ่ง”

“ฮ่องเต้และขุนนางเป็นกันได้ตั้งแต่กำเนิดหรือ? บรรพบุรุษผู้ใดไม่ได้เป็นชาวไร่ชาวนาบ้าง?” มู่ซืออวี่เอ่ย “จริงสิ วันนี้เจ้ายังไม่ได้เห็นแม่เจ้ากระมัง? สุขภาพของนางดีขึ้นมากแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกินไปนัก”

“ขอบคุณอาจารย์!” หลี่กู่หยวนดีใจเป็นอย่างยิ่ง “วันนี้ข้าไม่รบกวนท่านอาจารย์แล้ว วันหลังจะมาพบใหม่”

หลังจากหลี่กู่หยวนออกไป ลู่จื่ออวิ๋นก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้มารดาฟัง

หลังจากมู่ซืออวี่ได้ยินเรื่องนี้ สีหน้าก็ยังคงดูปกติ

“ท่านแม่ ตอนนั้นเขาดูโหดเหี้ยมทีเดียวนะเจ้าคะ”

“ข้ารู้” มู่ซืออวี่เอ่ย “ชีวิตของเขามืดมน ทว่าเขาไม่เคยลืมขีดจำกัดของตนเอง เจ้ารู้หรือไม่ว่าขีดจำกัดของเขาคือสิ่งใด”

“อะไรหรือเจ้าคะ?”

“มารดาของเขา” มู่ซืออวี่เอ่ย “มารดาเขาเป็นม้าผอมผู้หนึ่ง สถานะต่ำต้อยไร้ศักดิ์ศรีที่สุด ส่วนบิดาเขาไม่มีผู้ใดรู้จัก หลี่กู่หยวนต้องเผชิญหน้ากับความมืดมนมาตั้งแต่ยังเล็ก”

[1] กระต่าย หมายถึง โสเภณีชาย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย