สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 771

บทที่ 771 ทัพหนุนมาถึงแล้ว

บทที่ 771 ทัพหนุนมาถึงแล้ว

การบุกโจมตีเต็มกำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว

เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น โจวเสียงเฟยและทหารของเขาราวกับเป็นสัตว์ป่าดุร้าย พวกเขากระตือรือร้นที่จะบุกโจมตีเมืองฮู่เป่ยและเข้าขย้ำชาวเมืองทันที

โจวเสียงเฟยยังพอมีความสามารถอยู่บ้าง

ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้ เขายังปลุกขวัญกำลังใจของทหารขึ้นมาได้

แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ในเมื่อไร้ทางเลือกอื่น พวกเขาย่อมต้องทุ่มหมดหน้าตัก

เสียงต่อสู้ฆ่าฟันดังมาจากทางประตูเมือง ทหารร่วงลงมาที่พื้นคนแล้วคนเล่า ทหารชุดใหม่ก็ทยอยเข้าสู่สนามรบ ผู้ใดได้รับบาดเจ็บถอยไปรักษาบาดแผล

มู่ซืออวี่ยืนอยู่บนกำแพงเมือง ยกมือส่งสัญญาณ

หินจำนวนมากถูกเขวี้ยงออกมาโดยกลไก

นี่เป็นกลไกที่มู่ซืออวี่ใช้เวลาในการออกแบบมากที่สุดกลไกหนึ่ง

ครั้งก่อนไม่ได้ใช้อาวุธนี้ เนื่องจากเป็นการเผชิญหน้ากันครั้งแรก ยังไม่ได้ประเมินฝ่ายศัตรู บัดนี้เมื่อเข้าใจพวกเขาอย่างถ่องแท้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจอีกต่อไป ฝั่งมู่ซืออวี่เริ่มเปิดทำงานกลไกบดเพื่อขยี้พวกเขา เมื่อฆ่าได้หนึ่งคนก็ฆ่าต่ออีกหนึ่งคน

เมื่อพวกทหารของโจวเสียงเฟยไต่บันใดขึ้นมาบนกำแพงเมือง พวกเขาก็เห็นเพียงของเหลวไหลลงมาจากประตูเมือง ทันทีที่แตะของเหลวนั้น เนื้อพวกเขาพลันเป็นแผลพุพองทันที

“อ๊ากกก!”

ไม่นานนัก ของเหลวนั้นพลันหายไป กลายเป็นคมดาบแหลมพุ่งออกมาแทน

อันที่จริงนับไม่ได้ว่าเป็นคมดาบ พวกมู่ซืออวี่จะมีเหล็กในการสร้างอาวุธมากมายเพียงนั้นได้อย่างไร?

ดังนั้นบางส่วนจึงเป็นคมมีดที่ทำจากของใช้ในครัว และบางส่วนเป็นซี่ไม้ไผ่ที่เหลาให้คม

โจวเสียงเฟยมองภาพตรงหน้า แล้วสบถด้วยความโมโห “คนแซ่มู่ผู้นั้น เก่งนักก็ออกมาสู้กันตัวต่อตัวสิ มีที่ใดใช้แต่วิธีที่น่ารังเกียจเช่นนี้?!”

มู่ซืออวี่มองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย

เขาช่างไร้ยางอายเสียจริง!

แม่ทัพร่างกายแข็งแรงบึกบึนผู้หนึ่ง กลับท้าสตรีอ่อนแอผู้หนึ่งไปสู้กัน เขาไม่กลัวว่าตนจะกลายเป็นตัวตลกของทั้งใต้หล้าหรืออย่างไร?

ไม่สิ ตอนนี้เขาได้กลายเป็นตัวตลกไปแล้ว…

“ถอย!” ไม่ว่าโจวเสียงเฟยจะไม่ยินดีเพียงใด เขาก็ทำได้เพียงถอนทัพเท่านั้น

ได้ยินมานานแล้วว่าฮูหยินลู่รู้เรื่องกลไก ทว่าไม่มีผู้ใดเห็นเป็นจริงเป็นจัง ในความคิดของทุกคน สตรีผู้หนึ่งจะเข้าใจอะไรได้? ที่บอกว่า ‘รู้’ น่ะเป็นเพียงการกล่าวเกินจริงเท่านั้น ผู้คนในใต้หล้าเพียงแค่อยากเอ่ยถ้อยคำดี ๆ เพื่อประจบประแจงนาง

วันนี้โจวเสียงเฟยจึงได้รู้ความจริงข้อหนึ่งที่ว่า อย่าได้ดูแคลนสตรีเป็นอันขาด!

ทัพกบฏหนีหัวซุกหัวซุนด้วยความสิ้นหวังอีกครั้ง

ทหารเมืองฮู่เป่ยยืนอยู่บนกำแพงเมืองส่งเสียงร้องไชโยด้วยความยินดี

ตอนนี้ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้พวกเขารู้สึกประสบความสำเร็จได้เทียบเท่ากับการปกป้องบ้านเกิดของตนอีกแล้ว

หลี่กู่หยวนเอ่ยว่า “อาจารย์ ข้าอยากเรียนรู้เรื่องกลไกจากท่าน”

มู่ซืออวี่เอ่ยนิ่ง ๆ “นั่นคือเหตุผลที่ข้ารับเจ้าเข้ามา ข้ามีลูกศิษย์ไม่น้อย พวกเขาติดตามเรียนการออกแบบเครื่องเรือนและเรือรบจากข้า ทว่าพวกเขาเรียนได้เพียงพื้นฐานเท่านั้น แม้กระทั่งเฟิงเจิงที่คล่องแคล่วกระฉับกระเฉงที่สุดยังไม่อาจฝึกปรือจนเชี่ยวชาญได้ ข้าเห็นว่าเจ้าหัวไว เจ้าจะต้องเป็นคนมีพรสวรรค์มากเป็นแน่ แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือ ข้าต้องการหาคนสืบทอดวิชาจากข้า มิเช่นนั้น หากลานหรรษามีเรื่องอะไรผู้ใดจะจัดการได้เล่า? ยังมีกิจการอื่น ๆ ของข้าอีกที่ต้องมีคนคอยดูแลจัดการ”

ตอนนี้ในมือนางไม่ได้ขาดคนที่ใช้ได้ ทว่าคนเหล่านี้ หากเป็นผู้ช่วยนั้นไม่เป็นปัญหา ทว่าไม่มีผู้ใดที่สามารถลงมือเพียงผู้เดียวได้เลย

“ข้าจะต้องติดตามเรียนรู้จากอาจารย์อย่างแน่นอน”

“กู่หยวน เจ้าชอบเมืองฮู่เป่ยหรือไม่?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม

หลี่กู่หยวนตอบ “ก่อนหน้านี้ข้าอย่างไรก็ได้ ขอแค่เพียงข้าหาเงินได้ ที่ใดล้วนไปได้ทั้งสิ้น แต่ตอนนี้ข้ารู้สึกว่ามันเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในใต้หล้านี้”

“หลังจากมหันตภัยนี้จบลง เมืองฮู่เป่ยจะยิ่งดีขึ้นกว่านี้อีก” มู่ซืออวี่เอ่ย “ราษฎรที่นี่เป็นปึกแผ่นกว่าราษฎรในเมืองหลวง ข้าเชื่อว่าสักวันหนึ่งจะต้องมีชาวบ้านที่อยากมาอยู่อาศัยที่นี่มากขึ้น”

“ดูเหมือนข้าต้องเร่งเก็บเงินซื้อบ้านและซื้อให้มาก ๆ แล้ว เช่นนี้ข้าจะได้หาเงินได้” หลี่กู่หยวนพึมพำกับตนเอง

มู่ซืออวี่ “…”

เรื่องแบบนี้ เจ้าช่างคิดได้เร็วนัก

ไม่เสียแรงที่เป็นศิษย์ปิดประตูที่นางรับมา

สงครามในครั้งนี้ล้วนต่อสู้ด้วยแรงใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย