สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 787

บทที่ 787 เมืองถงหยาง

บทที่ 787 เมืองถงหยาง

ครึ่งเดือนต่อมา รถม้าก็เคลื่อนมาถึงประตูเมืองที่แสนจะทรุดโทรมแห่งหนึ่ง

ใช่ ทรุดโทรม…

บนกำแพงยังมีร่องรอยของสงครามทิ้งเอาไว้

ใช่แล้ว แม่ทัพซูเซิ่งเคยนำทัพมาที่เมืองถงหยางเพื่อกวาดล้างผู้กระทำผิดที่เหลือ เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว รู้สึกว่าสถานการณ์เมืองถงหยางย่ำแย่กว่าที่คิดไว้เสียอีก อีกทั้งคนที่นี่ยังคับข้องใจกับราชสำนักมากกว่าที่คิด

“แม้กระทั่งยามเฝ้าประตูเมืองยังไม่มีสักคน” ลู่ซวิ่นเอ่ย “เมืองถงหยางนี้มีสภาพอนาถอะไรเช่นนี้?”

“เข้าเมืองกันเถอะ!” มู่ซืออวี่เอ่ย “หากเข้าเมืองไปก็ย่อมรู้ทุกอย่างเอง”

หลังจากขบวนรถม้าเข้าไปในเมือง สิ่งที่เห็นมีเพียงถนนรกร้าง ร้านรวงปิดเงียบ ผู้คนกำลังเก็บสัมภาระเตรียมตัวเดินทางไปต่างเมือง

“ท่านลุง พวกท่านจะไปที่ใดหรือ?”

“เมืองถงหยางเป็นเมืองร้างไปแล้ว รั้งอยู่ที่นี่มีเพียงต้องตาย ข้าจะอพยพไปอยู่กับลูกสาวและลูกเขยที่อยู่ไกลถึงเมืองเตียนอวี้โน่นแหนะ” ชายชราถอนหายใจเบา ๆ

“คนที่ราชสำนักส่งมาใกล้ถึงแล้ว ที่นี่ไม่นานก็จะฟื้นคืนมา ท่านอายุมากเพียงนี้ แทนที่จะเดินทางไปไกลถึงเพียงนั้น ไม่สู้รั้งอยู่ที่นี่รอให้มันดีขึ้นเล่า”

“ราชสำนัก? เฮ้อ ข้าแก่แล้ว รอไม่ไหวหรอกนังหนู” สิ้นคำ ชายชราก็เดินจากไปพร้อมกับห่อสัมภาระ

มู่ซืออวี่มองผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา พวกเขาแต่ละคนล้วนมีความสับสนเรื่องอนาคตและความสิ้นหวังต่อเมืองนี้เขียนเอาไว้บนใบหน้า

หากไม่ใช่เพราะไม่มีทางเลือกอื่น ผู้ใดจะยินดีจากบ้านเกิดไปกัน? อย่างไรก็ตาม จากมุมมองของพวกเขา สถานที่แห่งนี้ได้ถูกราชสำนักทอดทิ้งแล้ว ราษฎรที่นี่ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศ

“อีกไม่นาน พวกเขาก็จะกลับมาเอง” ฉีเซียวที่อยู่ในรถม้ามองมู่ซืออวี่ที่อยู่ด้านนอก

“จะต้องเป็นเช่นนั้น”

หน้าประตูศาลาว่าการ ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินย่ำเท้าไปมาอยู่ที่นั่น เมื่อได้ยินเสียงรถม้า เขาจึงเงยหน้าขึ้น แล้วปรี่เข้าไปหาด้วยความตื่นเต้น

“ฮูหยิน ในที่สุดท่านก็มาแล้ว” ชายผู้นั้นเอ่ย “ข้าน้อยเหลิ่งตงเซิงผู้ตรวจการเมืองลี่โจว ทางเมืองถงหยางไม่มีผู้ใดอยู่ ข้าน้อยจึงได้รับมอบหมายให้มาดูแลที่นี่เป็นการชั่วคราว บัดนี้ฮูหยินมาแล้ว ข้าน้อยขอคืนทรัพย์สินให้กับเจ้าของที่แท้จริงและกลับลี่โจว”

มู่ซืออวี่ “…”

นางเพิ่งมา เขาก็แทบรอที่จะกลับไปไม่ไหวแล้ว ทำราวกับกลัวผู้อื่นไม่รู้ว่าที่นี่เป็นเผือกร้อนอย่างไรอย่างนั้น

“ใต้เท้าเหลิ่งรอประเดี๋ยว” มู่ซืออวี่เอ่ย “ถึงแม้ท่านจะต้องการกลับไปก็ควรส่งต่อทุกอย่างให้ข้ากระมัง?”

“ฮูหยิน ข้าน้อยมาถึงที่นี่ก็เป็นเช่นนี้แล้ว ทุกอย่างล้วนวุ่นวายสับสน มีอะไรให้ส่งต่อที่ใดกัน? ที่นี่อยู่ภายใต้เขตอำนาจของฮูหยิน ท่านอยากทำเช่นไรก็ทำเช่นนั้น นี่เป็นพระประสงค์ของฝ่าบาท”

มู่ซืออวี่ยิ้มบาง ๆ “นี่จะให้รักษาม้าตายดั่งม้าเป็นอย่างนั้นหรือ?”

“ฮูหยินชอบล้อเล่นจริง ๆ ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ….” เหลิ่งตงเซิงหัวเราะฝืด ๆ ออกมา

“ข้าเองก็จะไม่ทำให้ท่านลำบากใจ ท่านเพียงบอกเรื่องที่รู้มาให้ข้าก็พอแล้ว” มู่ซืออวี่เอ่ย “พวกเราเหนื่อยกันมามาก วันนี้ยังไม่อยากวุ่นวาย เช่นนั้นก็พักที่นี่เถอะ!”

ภายในศาลาว่าการมีนักการหลายสิบคนยืนเรียงกันสองแถวรอต้อนรับ

เมื่อมู่ซืออวี่เดินเข้าไปพร้อมกับลูกสาวลูกชายได้เพียงครึ่งทาง นางก็หันกลับมามองดูนักการที่พยายามยืดตัวให้ตรง

“เจ้าดื่มสุรามาหรือ?”

“ฮูหยินถาม เหตุใดยังไม่ตอบอีก? ท่านนี้คือฮูหยินอัครมหาเสนาบดี!” ผู้ตรวจการเหลิ่งเอ่ยเตือน

“เรียนฮูหยิน ข้าดื่มไปเพียงสองสามจอกเท่านั้น แหะ ๆ…ข้าเพิ่งได้ลูกสาวหนึ่งคนจึงดีใจมากขอรับ”

“นี่เป็นเรื่องมงคล” มู่ซืออวี่เอ่ย “ทว่าไม่อาจดื่มในเวลาราชการ คราหน้าอย่าได้ดื่มอีก”

“ขอรับ!”

มู่ซืออวี่เดินนำผู้ตรวจการเหลิ่งไปยังห้องตำรา เพื่อรับทราบสถานการณ์ในเมืองถงหยาง

ฉีเซียวเหนื่อยล้าจากการเดินทางเป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้เขาอยากได้ยินเพียงข่าวดีเท่านั้น

กระทั่งวันนี้เอง ใต้เท้าฉีไม่อาจปฏิเสธว่าร่างกายของตนไม่ได้ดีดังแต่ก่อน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย