สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 801

บทที่ 801 ผู้ที่โหมกระพือไฟ

บทที่ 801 ผู้ที่โหมกระพือไฟ

ลู่อี้ใช้สายตาราวกับมองคนโง่งม

“แม่ทัพซูเซิ่งโชคไม่ดีถูกสังหาร ราชสำนักกำลังขาดแม่ทัพ ยามนี้หากจัดการแข่งขันวรยุทธ์เพื่อเลือกแม่ทัพมารับตำแหน่ง จักมีปัญหาอะไร?”

“อืม…”

“เพียงแต่ คราวนี้ไม่อาจมอบหมายให้ข้าจัดการและไม่อาจมอบหมายให้ผู้ที่ภักดีต่อฝ่าบาทอย่างเปิดเผยออกหน้าได้ จะดีที่สุดคือเลือกผู้ใต้บังคับบัญชาของเซวียนอ๋อง เช่นนี้จะได้ไม่มีพิรุธ”

“ยืมมือของพวกเขา เพื่อแทรกคนของพวกเราเข้ามาในราชสำนัก วิธีนี้ยังให้พวกเขาคิดว่าคนเหล่านี้ดึงไปเป็นพวกได้ สุดท้ายคนของเราจะกลายเป็นไพ่ลับ”

“ไม่ผิด”

“อัครมหาเสนาบดีลู่หนออัครมหาเสนาบดีลู่ ท่านนี่มันจิ้งจอกเฒ่าจริง ๆ”

“เรียกข้าว่าจิ้งจอกก็ช่างเถิด ข้าปล่อยให้มันแล้ว ๆ ไปได้ แต่ข้าแก่เพียงนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“เจ้าเป็นสุนัขจิ้งจอกเฒ่า ที่บ้านเจ้ายังมีลูกจิ้งจอกอยู่อีกครอกหนึ่ง” ฟ่านหยวนซีเอ่ยด้วยความอิจฉา

เมื่อเอ่ยถึงลู่อี้ สิ่งที่ฟ่านหยวนซีอิจฉาที่สุดคงเป็นลูกจิ้งจอกครอกนั้นของเขากระมัง!

ก่อนหน้านี้ยังไม่รู้สึกว่ามีอะไรให้น่าอิจฉามาก่อน ทว่านับตั้งแต่เจ้าเด็กที่ไร้วาสนามาเกิดผู้นั้นจากไปไม่ทิ้งไว้แม้เพียงร่องรอย จู่ ๆ ฮ่องเต้ผู้นี้ก็รู้สึกอิจฉาความสุขที่ครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้าเช่นนั้นขึ้นมา

บางที…

สุดท้ายแล้วเขาอาจไม่ใช่จงอ๋องผู้นั้นที่ไร้รัก ไร้ใจ ไร้เมตตา หากแต่เป็นฮ่องเต้ฮุ่ยผู้ที่ต้องการมีคนมาทานข้าวด้วยกัน มีคนทุบเขา ทำตัวออดอ้อนราวกับเด็กเอาแต่ใจกับเขา เหมือนอย่างคนธรรมดาทั่วไป

“ฝ่าบาท… ฝ่าบาท…” หวังกงกงเรียกฟ่านหยวนซีที่ตกอยู่ในภวังค์ด้วยท่าทีระมัดระวัง

ฟ่านหยวนซีได้สติกลับคืนมาแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมอง

“ฝ่าบาท นี่ก็ดึกมากแล้ว วันนี้จะเสวยพระกระยาหารเย็นที่ใดพ่ะย่ะค่ะ?”

ฟ่านหยวนซีมองออกไปข้างนอก “ฟ้ามืดแล้วจริง ๆ ฮองเฮาเสวยสิ่งใด?”

“ได้ยินว่าพระนางฮองเฮาเสวยพระกระยาหารจากมาตุภูมิพ่ะย่ะค่ะ” หวังกงกงกล่าวต่อไป “เพียงแต่ สาวใช้หลายคนที่พระนางพามาล้วนปรุงอาหารไม่เป็น บ่าวจึงถือวิสาสะ เชิญพ่อครัวที่เคยอาศัยอยู่ในอาณาจักรเฟิ่งหลินนอกวังมาทำพระกระยาหารที่ไม่เลวสองสามอย่าง ยามนี้คงนำขึ้นถวายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้นก็ไปลองลิ้มรสอาหารที่ฮองเฮาโปรดเถิด!”

ณ ตำหนักจิ่นซิ่ว ซ่างกวนจิ่นซิ่วมองดูอาหารบนโต๊ะแล้วเอ่ยว่า “ล้วนต้องขอบใจหวังกงกงแล้ว ไม่เช่นนั้นไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ข้าจะได้ลิ้มรสอาหารรสเลิศนี้จากดินแดนมาตุภูมิ”

“ดูเหมือนหวังกงกงดูแลฮองเฮาได้ดีทีเดียว” ฟ่านหยวนซีเดินเข้ามาในพระตำหนัก

ซ่างกวนจิ่นซิ่วคุกเข่าลงถวายบังคมฟ่านหยวนซี

“ข้าไม่ให้เจ้าคุกเข่าอีกไม่ใช่หรือ?” ฟ่านหยวนซีพยุงนางขึ้นมา “ภายหน้าอย่าได้คุกเข่าอีก”

ซ่างกวนจิ่นซิ่วก็ไม่ได้อยากคุกเข่าเช่นกัน ทว่าผู้ใดจะล่วงรู้ว่าคราก่อนฟ่านหยวนซีเอ่ยไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบหรือไม่ บัดนี้เห็นเขาสติชัดเจนแจ่มแจ้ง นางจึงตัดสินใจว่าคราหน้าจะไม่คุกเข่าแล้ว ถึงอย่างไรมันก็ยุ่งยากอยู่บ้างจริง ๆ

“หากไม่ใช่ฝ่าบาทกำชับ หวังกงกงคงไม่กล้าถือวิสาสะ ผู้ที่หม่อมฉันควรขอบพระทัยที่สุดคือฝ่าบาทจึงจะถูก” ซ่างกวนจิ่นซิ่วเอ่ย

ฟ่านหยวนซีมองสำรวจฮองเฮาน้อย

“เจ้า… รู้สึกอย่างไรบ้าง?”

“ฝ่าบาทไม่ต้องทรงกังวลพระทัยเกี่ยวกับหม่อมฉัน” ซ่างกวนจิ่นซิ่วมองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง “หม่อมฉันไม่ไม่ใช่กระดาษ ไม่ได้เปราะบางเพียงนั้น มารดาหม่อมฉันเคยกล่าวไว้ว่าสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกับลูกเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ยิ่งนัก หากท่านและเขามีวาสนาต่อกัน เขาย่อมมาเอง หม่อมฉันก็เป็นบุตรีที่มารดารอคอยมานานปีถึงได้มาเกิด ดังนั้นนางและบิดาจึงรักใคร่เอ็นดูหม่อมฉัน หม่อมฉันคิดว่า วาสนาของหม่อมฉันกับเขาคงตื้นเขินเกินไป ยังต้องใช้เวลาฟูมฟัก หากเขาคิดว่าหม่อมฉันเป็นมารดาที่ไม่เลว จะต้องกลับมาอยู่ข้างกายหม่อมฉันแน่นอน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย