สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 806

บทที่ 806 สองปีต่อมา

บทที่ 806 สองปีต่อมา

การมาถึงของมู่เจิ้งหานถือว่าเป็นฝนที่ตกได้ทันกาลสำหรับมู่ซืออวี่

ไม่ว่านางจะมีความสามารถเพียงใดก็คงไม่อาจทำทุกสิ่งที่ตนต้องการได้ ตอนนี้มู่เจิ้งหานนำขุนนางมากมายในกรมต่าง ๆ มาช่วยเหลือ เสมือนดั่งต้นไม้ใหญ่ที่ในที่สุดก็มีกิ่งก้านแผ่สาขาออกมาจึงเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา

บัดนี้เรื่องที่ยากที่สุดสำหรับมู่ซืออวี่คือหุบเขาเทพโอสถและสำนักศึกษาคงจง ถึงแม้หลี่กู่หยวนลูกศิษย์ที่ชาญฉลาดผู้นี้จะออกความคิดเห็นให้นาง ทว่าในเรื่องการดำเนินการยังขาดไปอยู่บ้าง อย่างไรเสียหลี่กู่หยวนก็เป็นลูกศิษย์ ไม่ได้มีอำนาจที่แท้จริงอะไร แต่มู่เจิ้งหานกลับแตกต่างออกไป ตอนนี้เขาเป็นผู้ตรวจการที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากราชสำนัก อยู่ในท้องถิ่นนับว่าเป็นขุนนางท้องถิ่นระดับสูง ตัดสินใจในหลาย ๆ อย่างได้

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

พริบตาเดียวก็ผ่านไปสองปีแล้ว

ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ลู่อี้มาที่เมืองถงหยางและอยู่ที่นี่เป็นเวลาสามเดือน จนกระทั่งมีจดหมายจากระยะทางแปดร้อยลี้มาเร่งให้เขากลับเมืองหลวงถึงห้าฉบับ เขาจึงจำต้องตัดใจจากภรรยาและลูก ๆ ไป

วันนี้เป็นวันสำคัญของเมืองถงหยาง เพราะสำนักศึกษาคงจงที่ทุกคนรอคอยได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว

สกุลหวังแห่งเฝินหยางได้เปลี่ยนชื่อเป็นสกุลหวังแห่งถงหยางอย่างเป็นทางการ สมาชิกทุกคนในสกุลหวังได้เข้าสอนที่สำนักศึกษาคงจง ขั้นตอนการรับสมัครใกล้เสร็จสิ้นแล้ว โดยรับลูกศิษย์ทั้งสิ้นห้าร้อยคน

ลูกศิษย์ทั้งหมดห้าร้อยคนนี้เป็นศิษย์ชั้นยอดที่คัดเลือกจากผู้เล่าเรียนที่มาจากทั่วทั้งอาณาจักรจำนวนสามพันคน โดยผ่านการสอบหลากหลายรูปแบบเป็นเวลาทั้งสิ้นสิบห้าวัน ลูกศิษย์ชั้นยอดถูกเลือกจากผลสอบที่ยอดเยี่ยมในแขนงต่าง ๆ

สำนักศึกษาคงจงได้กำหนดวันสร้างเสร็จอย่างเป็นทางการเมื่อหลายเดือนก่อน แต่เนื่องจากวันนี้เป็นฤกษ์ดีที่หาได้ยากในรอบหลายปีจึงเลือกที่จะจัดพิธีขึ้น

“ราษฎรทุกท่านในเมืองถงหยาง หนึ่งในสัญลักษณ์ที่สำคัญที่สุดของเมืองถงหยางเราคือ สำนักศึกษาคงจง หรือ ‘สำนักบัณฑิตถงหยาง’ ที่ฝ่าบาทประทานให้ ซึ่งเริ่มเปิดอย่างเป็นทางการในวันนี้ บางทีพวกท่านอาจรู้สึกเสียดายไปบ้าง เพราะสำนักบัณฑิตถงหยางรับเพียงผู้เล่าเรียนที่มีอายุสิบสองปีขึ้นไปเท่านั้น ทว่าวางใจได้ เหตุที่เราไม่รับคนอายุน้อยกว่านั้น เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศของที่นี่ซับซ้อน ไม่เหมาะกับเด็กที่ยังเยาว์วัย เมืองถงหยางเราจะสร้างสำนักศึกษาอีกแห่งหนึ่ง เพื่อรับผู้เรียนที่อายุเกินสามขวบ ท่านอาจารย์ที่สอนผู้เล่าเรียนในสำนักศึกษาแห่งนี้ยังคงเป็นสมาชิกของสกุลหวัง”

“เนื่องจากเงื่อนไขการรับสมัครของเราซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง ไม่ใช่ผู้เล่าเรียนทุกคนที่จะสามารถเข้าศึกษาได้ พวกท่านไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะไม่ได้เข้าศึกษา เพราะในสองปีที่ผ่านมานี้ สำนักบัณฑิตในเมืองถงหยางเราได้สร้างเสร็จไปแล้วถึงเจ็ดแห่งด้วยกัน…”

มู่ซืออวี่ยืนอยู่บนกำแพงเมือง พูดคุยกับราษฎรเบื้องหน้า

ระยะเวลาสองปีจะว่านานก็ไม่นาน จะว่าสั้นก็ไม่สั้น ชาวเมืองที่นี่เฝ้ามองเมืองที่ใกล้เสื่อมโทรมแห่งนี้เปลี่ยนแปลงไปทีละเล็กละน้อย แน่นอนว่าพวกเขากระจ่างแก่ใจในเรื่องเหล่านั้นที่มู่ซืออวี่เอ่ย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะรู้ พวกเขาก็ยังชอบฟัง

การพัฒนาเมืองไม่ใช่งานของคนเพียงคนเดียว แต่เป็นผลจากความพยายามของทุกคน บางทีพวกเขาอาจเป็นเพียงช่างก่ออิฐ ช่างไม้ หรือช่างตีดาบ ทว่านั่นก็นับเป็นการร่วมด้วยช่วยกัน

มู่เจิ้งหาน ลู่จื่ออวิ๋น ลู่จื่อชิง และลู่ฉาวจิ่งที่โตขึ้นอีกสองปี ล้วนอยู่ข้างกายมู่ซืออวี่

แม้ว่าฉีเซียวจะไม่ได้อยู่บนกำแพงเมือง เพราะเขากำลังทำหน้าที่พาทหารออกลาดตระเวน แต่เมื่อมองไปทางมู่ซืออวี่ที่เปล่งประกายอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนก็รู้สึกขึ้นมาว่านางนั้นยิ่งใหญ่

ร่างเล็ก ๆ เพียงเท่านี้กลับดูทรงอำนาจ โชคดีที่ในใต้หล้ามีสตรีเช่นนี้เพียงคนเดียว ไม่เช่นนั้นบุรุษจะทำอย่างไร? ใต้หล้านี้เกรงว่าสตรีจะเป็นผู้ควบคุมแล้ว

“สองปีแล้ว เมืองถงหยางเปลี่ยนจากไม่มีสิ่งใดจนกระทั่งมีทุกสิ่งที่ต้องการ มีสำนักศึกษาคงจง มีหุบเขาเทพโอสถ มีโรงจ่ายน้ำที่ใหญ่ที่สุด ผู้คนเพิ่มจากหมื่นเป็นแสน พวกท่านรู้หรือไม่ว่าตอนนี้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองถงหยางมีกี่คน? เจ็ดแสนคน… และจำนวนยังคงมากขึ้นเรื่อย ๆ ยังมีอีก ข้าต้องกล่าวให้ชัดเจน จำนวนนี้ไม่รวมถึงกองทัพของแม่ทัพฉีจำนวนห้าแสนนาย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย