สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 831

บทที่ 831 ปวดหัว ปวดหัวยิ่งนัก!

บทที่ 831 ปวดหัว ปวดหัวยิ่งนัก!

ณ จวนอัครมหาเสนาบดี เมื่อลู่ฉาวอวี่กลับมาก็เห็นลู่จื่อชิงและลู่ฉาวจิ่งนั่งยอง ๆ อยู่ในลานบ้าน

ลู่จื่อชิงยังคงสบายดี นั่งยอง ๆ สงบนิ่ง

แต่ลู่ฉาวจิ่งโซเซและเกือบจะล้มลงหลายครั้ง โชคดีที่มีบ่าวรับใช้คอยช่วยอยู่ข้าง ๆ จึงยังไม่ล้มลง

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ลู่ฉาวอวี่ถาม

“คุณหนูและนายน้อยทั้งสองทำผิดมาเจ้าค่ะ” บ่าวรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวว่า “ฮูหยินจึงสั่งให้มานั่งยอง ๆ อยู่ที่นี่ จนกว่านายท่านจะกลับมาเจ้าค่ะ”

“ส่งคนไปเรียกนายท่านกลับมาเดี๋ยวนี้” ลู่ฉาวอวี่สั่ง

“เจ้าค่ะ”

ลู่ฉาวอวี่กลับไปที่ห้องของตัวเองเพื่ออาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน จากนั้นจึงไปหามู่ซืออวี่ หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว

มู่ซืออวี่กำลังทำอาหารอยู่ในครัว ตอนลู่ฉาวอวี่เข้ามาหา นางกำลังสับเนื้ออยู่จึงไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของเขา

มีมือยื่นออกมาจากด้านหลัง แล้วจับมีดในมือนาง “ท่านแม่ ให้ข้าทำเองเถิด”

“ฉาวอวี่” มู่ซืออวี่พูด “แม่ทำเองดีแล้ว เจ้าเพิ่งกลับมา เหนื่อยจากการเดินทางมามาก ไปพักผ่อนให้ดีเถอะ”

“ข้าไม่เหนื่อยขอรับ” ลู่ฉาวอวี่กล่าว

“เจ้ายังจะมาบอกว่าไม่เหนื่อยอีกหรือ เจ้าน้ำหนักลดลงมากเพียงนี้” มู่ซืออวี่มองเขาอย่างไม่สบายใจ “แม่ได้ยินกู่หยวนบอกว่าเจ้ากินหรือนอนหลับได้ไม่ค่อยดีตลอดทาง ร่างกายเจ้าซีดเซียวเกินไปแล้ว แม่อยากจะทำของอร่อยที่ช่วยบำรุงร่างกายให้ หลายปีที่ผ่านมา แม่ต้องวิ่งวุ่นไปทั่ว ไม่มีเวลาทำอาหารให้เจ้ากินเลย”

“แม้ว่าท่านจะทำอาหารไว้ให้ข้าที่บ้าน ข้าก็กินไม่ได้อยู่ดี” ลู่ฉาวอวี่พูดขณะที่กำลังสับเนื้อ “ท่านไม่ใช่คนเดียวที่วิ่งวุ่นไปทั่วในช่วงหลายปีที่ผ่านมานะขอรับ”

“ทางน้องสาวของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? แม่ได้ยินกู่หยวนบอกว่า…”

แม่และลูกชายพูดคุยกันขณะทำอาหาร ราวกับว่าได้ย้อนเวลากลับไปตอนอยู่ในชนบท

เมื่อลู่อี้กลับมาก็เห็นภาพนี้เข้าพอดี

น่าเสียดายที่เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ไม่อยู่ที่นี่ด้วย

ลู่อี้ไม่ค่อยมีเวลาซาบซึ้งนานนัก เพราะมีมือเล็ก ๆ ดึงชายเสื้อเขาอยู่

เขามองลูกสาวตัวน้อยที่ตัวสูงขึ้นมาก

“ท่านพ่อ ท่านต้องช่วยข้านะเจ้าคะ” ลู่จื่อชิงทำหน้ามุ่ย “ไม่อย่างนั้นท่านแม่จะต้องลงโทษข้าแน่นอนเจ้าค่ะ”

“แม่ของเจ้าจะโกรธหรือไม่ หากเจ้าไม่พาน้องชายโดดเรียน? แล้วเหตุใดเจ้าจึงเป็นสาวน้อยที่ทะเลาะกับคนอื่นได้เล่า?”

“เรื่องมันเริ่มมาจากครอบครัวของพวกเขาเป็นเจ้าของสำนักคุ้มภัย พวกเด็ก ๆ จึงได้ฝึกทักษะการต่อสู้กับผู้ใหญ่มาตั้งแต่ยังเล็กและมักจะรังแกเด็กคนอื่น ๆ บนถนนสายนั้นเสมอเจ้าค่ะ” ลู่จื่อชิงตบหน้าอกตัวเอง “ข้าเป็นคนปกป้องเด็ก ๆ เหล่านั้น พวกเขาเรียกข้าว่าพี่หญิงใหญ่ แล้วข้าจะปล่อยให้พวกเขาถูกรังแกได้อย่างไร”

“ลู่จื่อชิง” มู่ซืออวี่กัดฟันเรียกชื่อลูกสาวตัวน้อย “หากอิงตามที่เจ้าพูด เจ้าจะชักดาบออกมาช่วยเหลือคนเมื่อเกิดความไม่ยุติธรรมหรือ?”

“พูดได้ดี พูดได้ดีเจ้าค่ะ!” ลู่จื่อชิงประสานมือคำนับ ทำท่าทางเหมือนพวกจอมยุทธ์

มู่ซืออวี่ “…”

ลู่ฉาวจิ่งพูดบ้าง “ท่านแม่ พวกเขาเป็นคนไม่ดี ชอบรังแกคนอื่นเสมอ พี่สาวของข้าไม่ผิด นางแค่พยายามปกป้องคนอื่นขอรับ”

มู่ซืออวี่มองขาที่สั่นเทาของลู่ฉาวจิ่งและไม่สามารถพูดอะไรที่รุนแรงได้

“แม่บอกให้เจ้านั่งยอง ๆ ในท่านั่งอานม้า เจ้าก็นั่งหรือ?” มู่ซืออวี่พูดด้วยสีหน้าหงุดหงิด “เหตุใดพี่หญิงรองของเจ้าไม่สอนวิธีเอาตัวรอดให้เจ้าเลยเล่า?”

“แม่นางน้อย ครั้งต่อไปหากเจอเรื่องเช่นนี้อีก เจ้าไม่จำเป็นต้องลงมือเอง” ลู่ฉาวอวี่กล่าว “เจ้าเป็นคุณหนูรองแห่งสกุลลู่ เหตุใดถึงเอาตัวลงไปแปดเปื้อน ในเมื่อเจ้าสามารถใช้อำนาจจัดการคนอื่นได้?”

ลู่จื่อชิงครุ่นคิดอย่างละเอียดรอบคอบ

ใช่แล้ว! นางเป็นถึงคุณหนูรอง เหตุใดนางถึงต้องไปต่อยตีกับคนอื่นด้วยตัวเอง?

“ครั้งนี้ช่างมันเถอะ ครั้งหน้าอย่าเป็นเช่นนี้อีกก็พอ” ลู่อี้กล่าว “คนที่อวดตัวใช้แรงต่อสู้เพียงอย่างเดียวเป็นเพียงคนป่าเถื่อน บางครั้งเจ้าต้องใช้สมองในการทำสิ่งต่าง ๆ บ้าง”

มู่ซืออวี่เฝ้ามองเด็ก ๆ สกุลลู่คุยกันถึงวิธีการจัดการกับศัตรูที่เสียแรงน้อยที่สุด พวกเขาหารือกันอย่างกระตือรือร้น ถึงขนาดเอายุทธวิธีทางทหารมาใช้ด้วยซ้ำ

“พวกเจ้าออกไปจากที่นี่เถอะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย