สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 830

สรุปบท บทที่ 830 โบกมือลา: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

ตอน บทที่ 830 โบกมือลา จาก สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 830 โบกมือลา คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายจีนโบราณ สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 830 โบกมือลา

บทที่ 830 โบกมือลา

โครม! ชายร่างสูงถูกโยนลงไปที่พื้นอีกครั้ง

เขานอนนิ่งอยู่ตรงนั้น แล้วโบกมืออย่างอ่อนแรง “ไม่แข่งแล้ว ไม่แข่งแล้ว! ข้ายอมแพ้!”

คนอื่นส่งเสียงโห่ฮา

สิงเจียซือยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ลู่ฉาวอวี่ที่เหงื่อออก “เช็ดหน้าสิ”

“ขอบคุณ” ลู่ฉาวอวี่รับไป

“ข้าได้ยินมาว่าท่านกำลังจะไปแล้ว” สิงเจียซือมองเขา “จะไปเมื่อไหร่หรือ?”

“ข้าเพิ่งกล่าวคำอำลากับหัวหน้าเผ่าและจะออกเดินทางพรุ่งนี้” ลู่ฉาวอวี่กล่าว “คนเผ่าถ่าลาดีกับข้ายิ่งนัก จากนี้ หากพวกเขาไปอุดหนุนกิจการของสกุลลู่ของข้า คนเผ่าถ่าลาจะได้รับส่วนลดครึ่งหนึ่ง เมื่อแสดงหลักฐานยืนยันตัวตน”

“พวกเขาจะไม่ออกจากอาณาเขตของชนเผ่าถ่าลาหรอก”

“เรื่องนี้ไม่อาจบอกได้แน่นอน คนจะค่อย ๆ พัฒนา เผ่าถ่าลาตอนนี้ขังตัวเองอยู่ในพื้นที่เล็ก ๆ ซึ่งไม่ดีต่อการเจริญก้าวหน้า บางทีสักวันหนึ่งพวกเขาอาจจะยอมออกไปจากที่นี่ แล้วสิ่งที่ข้ามอบให้ก็จะมีประโยชน์” ลู่ฉาวอวี่กล่าว

“เช่นนั้นก็ต้องขอขอบคุณใต้เท้าลู่น้อยล่วงหน้า” สิงเจียซือกล่าว “ในฐานะเจ้าบ้าน ข้าควรจะต้อนรับแขกผู้มีเกียรติให้ดี ก่อนหน้านี้ ท่านมีอาการบาดเจ็บทำให้ทานอาหารได้ไม่มาก ตอนนี้ท่านหายดีแล้ว ไม่มีของแสลงอีกต่อไป ข้าจะทำอาหารท้องถิ่นแสนอร่อยของเผ่าถ่าลาให้ท่านได้ลองชิมดู ดีหรือไม่?”

“ย่อมได้ ขอบคุณเจ้ามาก”

ตั่วน่าถูกกักบริเวณเป็นเวลาหลายวัน และในที่สุดก็ได้รับการปล่อยตัว

สิงเจียซือกำลังทำอาหารอยู่ ตอนที่ตั่วน่าเดินเข้ามาหา

“เสี่ยวซือ เขากำลังจะไปแล้วหรือ?”

“ใช่แล้ว” สิงเจียซือหยุดทำอาหาร แล้วมองนางด้วยความเป็นห่วง “เจ้าเป็นอันใดหรือไม่?”

“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ได้บอบบางถึงเพียงนั้น พ่อข้าอธิบายให้ข้าฟังแล้ว ข้าจึงเข้าใจว่าข้าไม่อาจเอื้อมของสูงเพียงนั้นได้ แต่เขาหล่อมาก…” เมื่อเอ่ยถึงใบหน้านั้น ตั่วน่าก็น้ำลายไหล

สิงเจียซือไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

“หากเจ้าชอบผู้ชายหน้าตาเช่นนี้ ในอาณาจักรมีค่อนข้างเยอะ แน่นอนว่ามีผู้ชายน้อยมากที่หล่อเหลาเท่าเขา กล่าวได้ว่าแทบจะหาไม่ได้ ถึงกระนั้นก็ยังมีผู้ชายหน้าตาคล้าย ๆ กันอีกไม่น้อย”

“หากข้ามีโอกาส ข้าจะไปดูที่อาณาจักรฮุ่ยแน่นอน” ตั่วน่ามีสีหน้าโหยหา “เจ้าไม่ใช่คนจากอาณาจักรฮุ่ยหรอกหรือ? พาข้าไปสิ!”

สิงเจียซือลำบากใจ

ตั่วน่ารั้งอยู่ได้ไม่นานนัก หัวหน้าเผ่าก็ส่งคนมาเรียก นางจึงต้องตามออกไป

ที่โต๊ะอาหารเย็น ลู่ฉาวอวี่ยื่นซองจดหมายให้สิงเจียซือ

นางสงสัย “นี่คืออะไร?”

“จดหมายแนะนำ” ลู่ฉาวอวี่กล่าว “ข้าเคยพบกับน้องชายเจ้า แม้ว่าเขาจะเข้ากับคนในเผ่าถ่าลาได้ดีแต่ก็ยังดูเหมือนจะไม่ชิน มีสำนักศึกษาอยู่ที่เมืองถงหยาง อาจารย์ที่นั่นล้วนเป็นปรมาจารย์ยอดฝีมือ น้องชายของเจ้าฉลาดมาก ตราบใดที่เขาเรียนหนักก็สามารถเป็นเสาหลักของแคว้นได้ในอนาคต หากท่านตัดสินใจได้แล้วก็รับจดหมายนี้แล้วไปยังเมืองถงหยางที่ลุงของข้าเป็นเจ้าเมืองอยู่เถิด”

“ขอบคุณ”

“นี่สำหรับเจ้า” ลู่ฉาวอวี่ยื่นจี้หยกให้นาง “มันคือสัญลักษณ์ของข้า หากเจ้ามีปัญหาใด ๆ เจ้าสามารถนำไปที่ร้านของสกุลลู่แล้วขอเงินได้เลย”

“ท่านไม่กลัวว่าข้าจะใช้มันทำเรื่องไม่ดีหรือ?”

“นี่ไม่ใช่เหรียญตราทางการที่เกี่ยวข้องกับกำลังคนและทรัพย์สินส่วนใหญ่ เจ้าจะใช้มันทำเรื่องไม่ดีอะไรได้?” ลู่ฉาวอวี่ยิ้มบาง ๆ “หากเจ้ามีความสามารถเช่นนั้น ข้าก็จะชื่นชมมากทีเดียว”

สิงเจียซือเม้มปาก แล้วบ่นพึมพำ “อย่าได้ประมาทผู้อื่นเชียว”

“ผู้ช่วยชีวิต ข้าเสนอให้เจ้าดื่มชาหนึ่งถ้วยแทนสุรา”

เมื่อลู่ฉาวอวี่จากไป

สิงเจียซือยืนอยู่บนยอดเขาเฝ้ามองชายหนุ่มและพรรคพวกขี่ม้าที่ซื้อจากเผ่าถ่าลาออกไป

“พี่หญิง…” น้องชายตัวน้อยสกุลสิงเงยหน้าขึ้นมองนาง “ข้าอยากกลับบ้านแล้ว”

“น้องชาย เจ้าอยากศึกษาเล่าเรียนหรือไม่?” สิงเจียซือถาม “ข้าจะส่งเจ้าไปเรียนที่เมืองถงหยาง”

ไม่กี่เดือนต่อมา ลู่ฉาวอวี่ก็กลับมาที่เมืองหลวง

ทันทีที่เขากลับมาก็ตรงไปที่วังหลวงเพื่อรายงานสถานการณ์เรื่องการส่งตัวเจ้าสาวและเรื่องมือสังหารที่เขาพบระหว่างทาง พวกมือสังหารน่าจะมาจากอาณาจักรเหลียง เรื่องเหล่านี้จำเป็นต้องกราบทูลฝ่าบาท

หลี่กู่หยวนเล่าถึงงานแต่งงานระหว่างลู่จื่ออวิ๋นกับเซี่ยเฉิงจิ่น และวิธีที่เซี่ยเฉิงจิ่นเอาใจใส่นางหลังจากที่พวกเขาแต่งงานกัน

“คู่บ่าวสาวข้าวใหม่ปลามัน แน่นอนว่าผู้ชายย่อมเอาใจใส่ เวลาคือสิ่งที่ทดสอบใจคนได้ดีที่สุด รอดูกันต่อไปเถิด!”

“ท่านอาจารย์พูดถูกต้องขอรับ หากวันนั้นมาถึงจริง ๆ ข้าจะเป็นคนแรกที่ไม่ยอมเด็ดขาด” หลี่กู่หยวนกล่าว

“ฉาวอวี่เข้าไปในวังหลวงแล้วหรือ?”

“ขอรับ”

“เช่นนั้นข้าต้องกลับไปเตรียมตัวแล้ว” มู่ซืออวี่ลุกขึ้นยืน “ตอนเย็นหากเจ้าว่างก็มาทานอาหารเย็นได้ แน่นอนว่าหากแม่ของเจ้าอยากอยู่กับเจ้าก็อย่ามาเลย พรุ่งนี้ค่อยมา”

มู่ซืออวี่นั่งรถม้ากลับไป ก่อนรถม้าจะไปถึงจวนอัครมหาเสนาบดี ปรากฏว่าล้อรถม้าหัก นางจึงต้องเดินกลับ

“ชิงไต้ เจ้าได้ยินอะไรหรือไม่” มู่ซืออวี่ถาม

“ดูเหมือนจะเป็นเสียงของคุณหนูรองเจ้าค่ะ” ชิงไต้ตอบ

เมื่อมู่ซืออวี่เดินตามเสียงนั้นไปก็พบลู่จื่อชิงอยู่ในตรอกที่มีเด็กหลายคน

ในบรรดาเด็กเหล่านั้นมีลูกชายคนเล็กของผู้ตรวจการซ่ง ลู่ฉาวจิ่ง สองแฝดตัวน้อย และเด็กอีกสองสามคนกำลังเผชิญหน้ากับเด็กที่ตัวใหญ่กว่าหลายคน เด็กตัวสูงน่าจะมาจากครอบครัวชาวบ้านธรรมดาเพราะแต่งกายเรียบง่าย

“หากข้าเอาชนะพวกเจ้าได้ ต่อจากนี้ไปข้าจะเป็นหัวหน้าของที่นี่ และพวกเจ้าต้องเรียกข้าว่าพี่หญิงใหญ่” ลู่จื่อชิงยืนเท้าเอวพูดด้วยท่าทางหยิ่งผยอง

เด็กชาวบ้านที่ตัวใหญ่กว่ากล่าวว่า “ได้ ตราบใดที่เจ้าเอาชนะข้าได้ นับจากนี้ไปเจ้าจะเป็นพี่สาวของข้า!”

“เช่นนั้นแน่จริงก็เข้ามาเลย!” ลู่จื่อชิงกระดิกนิ้ว

เด็กตัวใหญ่จึงรีบวิ่งเข้าใส่นาง

เมื่อชิงไต้เห็นดังนั้นก็ตื่นตระหนก อยากจะก้าวเข้าไปหยุด แต่โดนมู่ซืออวี่ห้ามไว้

มู่ซืออวี่มองเหตุการณ์นี้อย่างสงบ ไม่ได้รู้สึกกังวลแม้แต่น้อย

โครม!

เด็กชายตัวใหญ่ถูกลู่จื่อชิงโยนออกไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย