สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 918

สรุปบท บทที่ 918 งานชุมนุมจอมยุทธ์: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สรุปตอน บทที่ 918 งานชุมนุมจอมยุทธ์ – จากเรื่อง สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย โดย Internet

ตอน บทที่ 918 งานชุมนุมจอมยุทธ์ ของนิยายจีนโบราณเรื่องดัง สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 918 งานชุมนุมจอมยุทธ์

บทที่ 918 งานชุมนุมจอมยุทธ์

จอมยุทธ์หญิงจงกล่าว “พวกเจ้า นางปีศาจจากตำหนักเซิ่งหัว เคยชินกับการล่อลวงจิตใจผู้คน ข้าควรจะจัดการกับพวกเจ้าทั้งหมดเสียตั้งแต่แรก จะได้ไม่เกิดปัญหาในภายหลังเช่นนี้”

ลู่จื่อชิงเบ้ปาก “ก่อนหน้านี้ข้ายังคิดว่าพวกเขาเป็นคนดี ที่แท้… ทั้งน่ารังเกียจและไร้ยางอายยิ่งนัก! พวกเขาทำลายทั้งสำนักของพวกนางแล้ว สิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดคือพวกเขาฆ่าคนได้โดยไม่กะพริบตา แทนที่จะฆ่าสตรีเหล่านั้นจากตำหนักเซิ่งหัว พวกเขากลับทำลายวรยุทธ์ของพวกนาง กรอกยาพวกนางโดยที่พวกนางไม่แม้แต่จะรับรู้สิ่งใด แล้วขายพวกนางออกไปเช่นนี้ สตรีเหล่านั้นเยาว์วัยทั้งยังหน้าตางดงาม จินตนาการได้เลยว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นใด”

สตรีอาภรณ์เขียวเหล่านั้นไม่ได้แข็งแกร่งเท่าสตรีอาภรณ์น้ำเงิน ทว่าพวกนางมีฝีมือมากพอที่จะต่อกรกับลูกน้องจากหยางเจียจวงได้อย่างสบาย ๆ

การต่อสู้สิ้นสุดลง ทุกคนในหยางเจียจวงพ่ายแพ้แล้ว

เมื่อเห็นว่าสตรีอาภรณ์น้ำเงินผู้นั้นกำลังจะตัดแขนเจ้าสำนักหยาง เจ้าสำนักหยางจึงตะโกนถามลู่จื่อชิง “สหายตัวน้อย เงื่อนไขที่เจ้าเพิ่งกล่าวยังเหมือนเดิมอยู่หรือไม่?”

ลู่จื่อชิงมองไปรอบ ๆ แล้วชี้มาที่ตนเอง “ท่านกำลังคุยกับข้าอยู่หรือ?”

“ถูก ตราบใดที่เจ้าช่วยเราผ่านความยากลำบากครานี้ไปได้ กระบี่เลื่องชื่อเล่มนั้นจะเป็นของเจ้า” เจ้าสำนักหยางกล่าวพร้อมกับเหงื่อกาฬที่ไหลรินลงมา “ได้โปรดช่วยข้าด้วยเถิดสหายตัวน้อย”

ลู่จื่อชิงส่ายหน้า “ข้าสู้นางไม่ได้ คำพูดก่อนหน้านี้ ท่านแสร้งทำเป็นว่าไม่เคยได้ยินข้าเอ่ยถึงมาก่อนก็แล้วกัน! ข้าไม่อยากเอาชีวิตน้อย ๆ ไปแลกกับกระบี่เพียงเล่มเดียว”

สตรีอาภรณ์น้ำเงินหัวเราะออกมาเสียงดัง “นังหนูคนนี้ นิสัยเจ้าเหมือนข้ายิ่ง ไม่อย่างนั้น เจ้าติดตามข้าไปดีหรือไม่?”

“ข้าได้ยินว่าหมู่นี้ยุทธภพมีเรื่องน่าสนใจเกิดขึ้นมากมาย ดังนั้นข้าอยากออกไปท่องโลกกว้าง เรียนรู้ให้มากหน่อย ก่อนหน้านี้ข้าเคยท่องป่าเขาลำเนาไพรมาก่อนทว่ากลับไม่เข้าใจอะไรเลย เพียงแต่ครานี้ข้าได้ตระหนักถึงเหตุการณ์แล้ว รู้ว่าพวกเขาผิดต่อพวกท่าน ดังนั้นข้าจะไม่ทำอะไรที่ไม่จำเป็นอย่างแน่นอน พี่สาวคนสวยอาภรณ์น้ำเงินผู้นี้ ท่านสะสางบัญชีเก่าเถอะ พวกเราสองคนเพียงแค่ผ่านมาเท่านั้น”

สตรีอาภรณ์น้ำเงินสะบัดกระบี่ในมือฟันไปทางเจ้าสำนักหยาง

ลู่จื่อชิงเฝ้าสังเกตวิชากระบี่ของสตรีอาภรณ์น้ำเงิน

พลางทำท่าทางตามแล้วเอ่ยว่า “วิชากระบี่ของนางช่างน่าทึ่งจริง ๆ มิน่าเล่า เหตุใดนางจึงบอกว่าสตรีในตำหนักเซิ่งหัวเชี่ยวชาญกระบี่ ดูจากวิถีกระบี่ของนางในตอนนี้ วิชากระบี่ของตำหนักเซิ่งหัวนั้นเยี่ยมยอดจริง ๆ”

เมื่อเห็นว่าลู่จื่อชิงเริ่มหลงใหล ฉินโม่ถงก็ลากตัวนางเหาะเหินจากไป

“ไปเถอะ”

หากไม่จากไป เกรงว่าจะได้เห็นเลือดแล้ว

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่คนหน้าบาง ทว่าก็ยังรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่เห็นคนอื่นคิดบัญชีเก่า หยางเจียจวงพอมีชื่อเสียงในยุทธภพ ดังนั้นการไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้จะดีที่สุด

“กระบี่เลื่องชื่อนั่น…” ลู่จื่อชิงเตะฉินโม่ถง “ข้ายังไม่เคยเห็นกระบี่ที่สุดแสนจะโด่งดังเลยนะ!”

“หากกระบี่ของหยางเจียจวงตกอยู่ในมือของเจ้า ผู้อื่นอาจบอกว่าเจ้าฆ่าคนในหยางเจียจวง เพียงเพื่อกระบี่ที่มีชื่อเสียงเล่มหนึ่ง ไม่คุ้มค่าแม้เพียงนิด”

ลู่จื่อชิงและฉินโม่ถงออกเดินทางต่อไป

สองสามวันให้หลัง นางก็ได้ยินคนในยุทธภพพูดคุยเรื่องหยางเจียจวงในโรงน้ำชา

“คนกว่าร้อยห้าสิบคนในหยางเจียจวง ไม่เหลือรอดแม้เพียงผู้เดียว”

“เจ้าสำนักหยางเล่า?”

“ตายแล้ว”

“เจ้าสำนักหยางมีสหายสนิทหลายคน อีกทั้งปรมาจารย์เหล่านั้นก็ไปแสดงความยินดีในวันเกิดของเขาที่หยางเจียจวงไม่ใช่หรือ?”

“ไม่มีผู้ใดหนีรอดไปได้แม้แต่ผู้เดียว”

ลู่จื่อชิงและฉินโม่ถงมองหน้ากันไปมา

สีหน้าของทั้งสองคนดูเคร่งเครียดขึ้นมา

“สตรีเหล่านั้นหรือ?”

“แม่นางอาภรณ์น้ำเงินผู้นั้นไม่ได้บอกหรือว่า นางจะเอาของที่เป็นของตำหนักเซิ่งหัวกลับไปเพียงเท่านั้น และตัดแขนข้างหนึ่งของเจ้าสำนักหยางเพื่อเป็นการลงโทษ เท่านี้เรื่องก็จะคลี่คลาย เหตุใดไม่ปล่อยแม้กระทั่งบ่าวรับใช้เหล่านั้นไปเล่า?”

หลังจากนั้นไม่นาน ฉินโม่ถงก็กลับมา แต่กลับไม่เห็นเงาของลู่จื่อชิง

เขารีบถามชาวยุทธภพที่ดื่มอยู่กับลู่จื่อชิงเมื่อครู่นี้

“แม่นางที่ซื้อสุราให้พวกท่านเมื่อครู่อยู่ที่ใด?”

“แม่นางผู้นั้นหรือ? เมื่อครู่มีคนผู้หนึ่งวิ่งเข้ามา ดูเหมือนจะปล้นถุงเงินนาง นางจึงไล่ตามไปแล้ว”

ฉินโม่ถงรู้สึกกังวลขึ้นมาจึงถามเส้นทางอย่างรวดเร็ว ก่อนจะไล่ตามไป

ลู่จื่อชิงกำลังไล่ตามขโมยจริง ๆ

นางไล่ตามร่างนั้นไปตามมุมถนนหลายสาย ในที่สุดก็ขวางเอาไว้ในตรอกที่เป็นทางตันแห่งหนึ่งได้

“แม่นางผู้นี้ วิชาตัวเบาเจ้าไม่เลวนี่!” คนผู้นั้นสวมชุดขอทาน อายุรุ่นราวคราวเดียวกับลู่จื่อชิง ดูไปแล้วก็เป็นแม่นางน้อยหน้าตาสะสวยผู้หนึ่ง

“เอาถุงเงินของข้าคืนมา” ลู่จื่อชิงมองนางอย่างเย็นชา “ไม่เช่นนั้นข้าจะหักขาท่าน”

คนผู้นี้ไม่ใช่ขอทานธรรมดาอย่างแน่นอน

ก่อนหน้านี้ นางเคยกล่าวไว้แล้วว่า ยามนี้วิชาตัวเบาของนางดีกว่าทักษะกระบี่ของนาง แต่เพื่อวิ่งไล่ตามคนผู้นี้ลู่จื่อชิงกลับวิ่งผ่านถนนมาหลายสาย แสดงให้เห็นว่าวิชาตัวเบาของคนผู้นี้ก็ไม่เลวเช่นกัน

“โธ่ เจ้ามีเงินมากมายเพียงนั้น อย่าตระหนี่ไปหน่อยเลยน่า!” ขอทานชี้ไปทางด้านหลัง “พี่ใหญ่ ในที่สุดท่านก็มาแล้ว”

ลู่จื่อชิงหันกลับไป

ทันใดนั้น นางก็ต้องจ้องมองร่างที่หนีข้ามกำแพงไปด้วยความโกรธ “ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าหนีไปได้หรอก”

หญิงสาวนั่งอยู่บนกำแพงทำหน้าทะเล้นใส่ “เจ้าก็มาจับข้าสิ! แต่คงจับไม่ได้กระมัง?”

————————————-

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย