สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 931

บทที่ 931 คนเหล่านั้นไม่ใช่คนดีอะไร

บทที่ 931 คนเหล่านั้นไม่ใช่คนดีอะไร

“รังแกผู้อื่นเกินไปแล้ว” ลู่จื่อชิงเอ่ยด้วยความโมโห “ข้าว่าพวกเขาไม่ใช่คนดีอะไร ในมือพวกเขาก็ไม่ได้มีเคล็ดวิชาฝึกจิตที่สมบูรณ์ แถมยังให้เจ้าฝึกฝนอีก หากหาวิชาฝึกจิตที่สมบูรณ์ไม่ได้ระหว่างฝึก นั่นจะไม่ทำให้พลังลมปราณปั่นป่วนจนตายหรือ? ชายชราบ้าผู้นั้นหรือแม้กระทั่งเจ้าสำนักต่าง ๆ ล้วนคิดจะเอาเปรียบเจ้า”

“ข้าเพียงแค่อยากใช้พวกเขาหาส่วนที่เหลือ” ซ่งหานจือยิ้มบาง ๆ “ต่างฝ่ายต่างใช้ประโยชน์จากกัน ไม่คุ้มค่าที่จะโกรธเคืองกัน”

“เจ้าต้องการหาวิธีฝึกจิต นั่นเกี่ยวอะไรกับการซ่อนตัวจากข้า ไม่อยากให้ข้าจำได้กัน?” ลู่จื่อชิงไม่ได้ถูก ‘กลยุทธ์ทุกข์กาย’ ของเขาหลอกเอาได้ง่าย ๆ

นางมาหาซ่งหานจือ ประการแรกเพราะอยากรู้แน่ชัดว่าเขาคิดจะเล่นกลอะไร ประการที่สองเพราะต้องการซักไซ้เอาความ หากเขาไม่ให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผล เช่นนั้นก็อย่าได้ตำหนินางที่จะโมโหจนไม่ไว้หน้าผู้ใด

ซ่งหานจือไอค่อกแค่กสองครั้ง

“เป็นอะไร?”

“วันนี้ข้าแน่นหน้าอกเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะวิชาฝึกจิตแกร่งเกินไปหรือไม่จึงไม่คุ้นชิน” ซ่งหานจือกล่าว

“เจ้านั่งลงเดี๋ยวนี้”

ซ่งหานจือนั่งลงอย่างว่าง่าย

ลู่จื่อชิงจับชีพจรเขา รู้สึกได้ถึงพลังลมปราณที่ไม่สงบอยู่ภายในร่างกายเขา สีหน้าจึงไม่น่าดูชมขึ้นมา “ลมปราณในร่างกายเจ้าปั่นป่วนเพียงนี้ ราวกับมีมีดกำลังทิ่มแทงอวัยวะภายใน เจ้ากลับยังทำเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติได้อีก”

“ข้าไม่เป็นไร” ซ่งหานจือเอ่ย “อันที่จริง ขณะที่พลังลมปราณปั่นป่วน ข้ามีวิธีข่มมันไว้ เช่นนี้จะช่วยข้าในการฝึกฝน”

“เจ้าโกหกข้าให้น้อยหน่อย นั่นเพียงป้องกันไม่ให้เจ้าลมปราณแตกซ่านตาย แท้จริงแล้วสถานการณ์ของเจ้าอันตรายยิ่งนัก” ลู่จื่อชิงเอ่ย “หากเจ้าสำนักต่าง ๆ ต้องการให้เจ้าจัดการตำหนักเซิ่งหัวให้พวกเขา แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่อยากให้เจ้าตาย สถานการณ์ของเจ้าอันตรายเช่นนี้ พวกเขาคงไม่อยากเห็นผลลัพธ์กระมัง? มิเช่นนั้น แผนการที่ผ่านมาจะไม่สูญเปล่าหรือ”

“ความหมายของเจ้าคือ…”

“บังคับให้พวกเขาบอกว่าฉบับที่เหลืออยู่ที่ใด”

ซ่งหานจือกล่าว “ได้”

ลู่จื่อชิง “…”

นางมองซ่งหานจือด้วยสายตาจับพิรุธ

“สมองของเจ้าชาญฉลาดกว่าข้า ทุกเรื่องที่ข้าคิดได้ เจ้าย่อมคิดได้เช่นกัน บางทีข้าอาจกังวลในเรื่องไม่จำเป็น อันที่จริงเจ้าวางแผนไว้แล้ว ถูกหรือไม่?”

ซ่งหานจือกล่าว “มิใช่เช่นนั้น สำนักต่าง ๆ ต้องการให้ข้าบุกโจมตีตำหนักเซิ่งหัว ข้าต้องการส่วนแบ่งจากมือของตำหนักเซิ่งหัว”

ณ เมืองหลวง มู่ซืออวี่นั่งอยู่หน้ากระจก มองดูใบหน้าตนเองที่ส่องสะท้อนแล้วกล่าว “เวลาผ่านไปเร็วยิ่งนัก! ดูข้าสิ เริ่มมีริ้วรอยขึ้นมาแล้วจริง ๆ”

“พระชายาดูแล้วเหมือนดรุณีวัยยี่สิบแปด มีริ้วรอยที่ใดกันเพคะ?” ซางจือที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น

“อายุปูนนี้แล้ว ข้ามีอะไรให้รับไม่ได้กัน? เด็ก ๆ ล้วนโตเพียงนี้ ใบหน้าข้าจะมีริ้วรอยบ้างก็เป็นเรื่องปกติ หากข้ายังรักษาความอ่อนเยาว์ในวัยยี่สิบแปดปีได้ ข้าจะไม่ใช่ปีศาจเฒ่าหรอกหรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ยพลางหยิบถ้วยใบเล็กข้าง ๆ ขึ้นมา แล้วทามาส์กลงไปบนใบหน้าตนเอง

เหล่าสาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ แอบหัวเราะคิกคัก

มู่ซืออวี่กล่าวว่า ‘ริ้วรอยเป็นเรื่องปกติของวัยนี้’ ผลที่ได้คือหมู่นี้นางใช้เวลามาส์กหน้านานขึ้นเรื่อย ๆ ไม่อาจทนให้ร่องรอยแห่งกาลเวลาหลงเหลืออยู่ได้

“ทางคุณหนูรองส่งข้อความลับมาเจ้าค่ะ” ฉานอีเดินเข้ามารายงาน

“เจ้าเด็กคนนี้ ยังอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามันแท้ ๆ เหตุใดเจ้าถ่อมาหาข้าได้เล่า? มีอะไรก็ให้ลูกน้องจัดการเถอะ เจ้าควรพักผ่อนให้ดี ใช้วันคืนร่วมกับสามีให้มาก”

ฉานอีเพิ่งแต่งงาน ถัดจากนี้ซางจือก็จะออกเรือนแล้วเช่นกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย