สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 939

สรุปบท บทที่ 939 หลังจากผ่านไปหลายปี พี่หญิงกับน้องหญิงก็กลับมาพบหน้า: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

ตอน บทที่ 939 หลังจากผ่านไปหลายปี พี่หญิงกับน้องหญิงก็กลับมาพบหน้า จาก สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 939 หลังจากผ่านไปหลายปี พี่หญิงกับน้องหญิงก็กลับมาพบหน้า คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายจีนโบราณ สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 939 หลังจากผ่านไปหลายปี พี่หญิงกับน้องหญิงก็กลับมาพบหน้า

บทที่ 939 หลังจากผ่านไปหลายปี พี่หญิงกับน้องหญิงก็กลับมาพบหน้า

หลังออกมาจากวัง ฉีเจินก็พาภรรยาและลูก ๆ ของเขาขึ้นรถม้า

ฉีเซียวควบม้าผ่านไป

ฉีเจินร้องเรียกเขาไว้ “น้องเซียว”

ฉีเซียวบังคับม้าให้หยุดลง รูปลักษณ์อันสง่างามของเขายังคงเหมือนดังแต่ก่อน เพียงแต่ภายใต้รัตติกาลอันหนาวเหน็บกลับยิ่งดูลึกลับขึ้นหลายส่วน ประหนึ่งเทพเซียนใต้แสงจันทร์ก็มิปาน

ฉีซืออี้เปิดม่านออก มองดูบุรุษผู้นั้นที่กำลังพูดคุยกับบิดาของนางด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“เขาเป็นท่านอาหรือ?”

ฉู่หนิงจูกำลังเหม่อลอยจึงไม่ได้ฟังคำพูดของลูกสาว

ฉีเว่ยฟางก็อยากรู้อยากเห็นพอ ๆ กัน จึงมองออกไปข้างนอกแล้วกล่าวว่า “เป็นเขา ก่อนที่คุณชายใหญ่ลู่จะกลายเป็นบุรุษที่หล่อเหลาที่สุดในเมืองหลวง ท่านอาของเราเป็นบุรุษที่หล่อเหลาที่สุดมาก่อน เพียงแต่ข้าได้ยินว่าเขาถ่อมตนเป็นอย่างมากจึงสวมหน้ากากมานานหลายปี”

“มีคนบอกว่าข้าดูเหมือนเขา” ฉีซืออี้เอ่ย

“ไม่นับว่าเหมือนมากนัก” ฉีเว่ยฟางเหลือบมองฉีซืออี้แวบหนึ่ง

“เขากับท่านพ่อไม่ใช่พี่น้องกันหรือ? เหตุใดจึงรู้สึกห่างเหินยิ่งนัก?”

“เขาคงนิสัยเช่นนี้กระมัง ได้ยินว่าเขาเคยควบคุมหน่วยลับ รู้จักหน่วยลับหรือไม่?” ฉีเว่ยฟางโน้มตัวลงไปกระซิบสองสามคำข้างหูของฉีซืออี้

“ร้ายกาจยิ่ง”

ฉีเจินและฉีเซียวพูดคุยกันเพียงสองสามคำ จากนั้นฉีเจินก็กลับเข้าไปในรถม้า ฉีเซียวจึงขี่ม้าจากไป

“ท่านพ่อ ตอนนี้ท่านอาอยู่ในตำแหน่งใดหรือเจ้าคะ?” ฉีซืออี้เอ่ยถามขึ้นมา

“เขาเป็นสหายร่วมงานของข้า ขณะเดียวกันก็มีหน้าที่ดูแลกรมกลาโหม” ฉีเจินกล่าว “เพียงแต่เขาไม่ค่อยเข้าไปยุ่งอะไรมากมายนัก ปกติก็ไม่ค่อยเข้ากรม”

ฉีเจินสังเกตเห็นว่าฉู่หนิงจูกำลังเหม่อลอยจึงเอ่ยเบา ๆ “เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?”

ฉีซืออี้เขย่าตัวฉู่หนิงจูเบา ๆ

ฉู่หนิงจูจึงรู้สึกตัว “หืม?”

“ได้ยินว่าเจ้ากับพระชายาลู่และฮูหยินรองลู่ล้วนเป็นสหายสนิทกัน” ฉีเจินกล่าว “ไม่ได้พบกันหลายปีแล้ว ยังคงคิดถึงอยู่ใช่หรือไม่?”

“หลังจากสตรีออกเรือน ล้วนให้ความสำคัญกับครอบครัวสามีมาเป็นอันดับแรก เรื่องก่อนหน้านี้มากมายล้วนหลงลืมไป ครานี้ได้กลับมาพบพวกเขาอีกครั้ง ทุกอย่างล้วนดูแปลกยิ่งนัก ข้ารู้สึกไม่คุ้นชินอยู่บ้าง”

“ท่านอ๋องลู่เป็นขุนนางที่ฝ่าบาทให้ความไว้ใจที่สุด มีความสัมพันธ์กับครอบครัวพวกเขาเป็นเรื่องดี หากเจ้ารู้สึกไม่คุ้นเคย อาจเป็นเพราะไม่ได้พบกันนาน บัดนี้กลับมายังเมืองหลวงแล้ว ผ่านไปสักพักย่อมคุ้นเคยกับพวกเขาอย่างแน่นอน”

“ท่านแม่ทัพกล่าวได้ถูกต้อง”

มู่ซืออวี่ได้รับข้อความจากฉู่หนิงจูในวันรุ่งขึ้น

ฉู่หนิงจูพาลูกสาวของนางมาเยี่ยมเยือน มู่ซืออวี่จึงคอยรับรอง

หลังจากนั้น ฉู่หนิงจูจึงเอ่ยถึงเรื่องที่ต้องการไปเยี่ยมชมเรือนพักผ่อนบนภูเขา มู่ซืออวี่จึงพาฉู่หนิงจูและลูกสาวไปยังเรือนพักผ่อนบนภูเขาด้วยตนเอง

“ที่นี่งามจริง ๆ นะเจ้าคะ” ฉีซืออี้มองวิวทิวทัศน์อันงดงามตรงหน้าด้วยความสนใจใคร่รู้ “ตอนที่ข้าอยู่ชายแดน ได้ยินว่ามีเรือนพักผ่อนบนภูเขาที่น่าสนใจมากในเมืองหลวง ในที่สุดวันนี้ข้าก็ได้เห็น พระชายา ท่านเป็นแบบอย่างให้กับสตรีในใต้หล้า ท่านเก่งกาจจริง ๆ เจ้าค่ะ”

“ลูกสาวคนนี้ดูเหมือนเจ้ามากทีเดียว” มู่ซืออวี่กล่าว

ฉู่หนิงจูหัวเราะออกมาเบา ๆ “ทำให้พระชายาขบขันแล้ว”

ในเรือนพักผ่อนบนภูเขามีสนามม้า ฉีซืออี้สมกับเป็นเด็กผู้หญิงที่เติบโตมากับม้า นางถูกสนามม้าดึงดูดความสนใจไปอย่างรวดเร็ว

“ที่นี่กว้างขวางมาก เจ้าจัดงานเลี้ยงน้ำชาได้ทุกที่ที่เจ้าต้องการ ห้องพักมีทั้งแบบข้างในหรูหราใหญ่โต และแบบที่อยู่ในสวนกลางแจ้ง

“พระชายามีคำแนะนำดี ๆ หรือไม่เจ้าคะ?”

“ทุกคนชอบแบบกลางแจ้งทีเดียว อีกทั้งยังมีกิจกรรมให้ทำมากมาย” มู่ซืออวี่กล่าว “ด้านหลังยังมีบ่อน้ำพุร้อน หากอยากอาบน้ำก็ทำได้เช่นกัน นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีเครื่องดื่มหลากหลาย นอกจากสุราขาวที่รสแรงแล้ว ยังมีสุราองุ่นและสุราผลไม้ต่าง ๆ หากเจ้าต้องการลิ้มลองรสชาติใหม่ ๆ ก็แจ้งให้คนงานจัดเครื่องดื่มให้ผสมสุราชนิดอื่น ๆ ให้ได้”

“ไม่เพียงเท่านั้น ฮูหยินฉีและฮูหยินรองลู่ยังเป็นสหายที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นทีเดียว”

“สวรรค์! นี่น่ากลัวยิ่งนัก ปกติมองไม่ออกแม้แต่น้อยว่าฮูหยินรองลู่เป็นคนเช่นนี้”

ฉีซืออี้ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าอึมครึม

คุณหนูสกุลสูงศักดิ์หลายคนที่อยู่ข้าง ๆ นางมีสีหน้ากระอักกระอ่วน

ดอกไม้ของที่นี่ดูสวยงาม ทั้งยังมีหลายชนิดที่นำมาจากที่อื่น พบเห็นได้ยากเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าฮูหยินลู่ทำอย่างไรจึงนำมันมาปลูกไว้ที่นี่ได้

ที่นี่ไม่เคยขาดผู้ที่ชื่นชมบุปผา หลาย ๆ คนพยายามปลูกดอกไม้ในสวนของตนเอง ท้ายที่สุดกลับจบลงด้วยความล้มเหลว

เป็นเพราะความหายากนี้ ดังนั้นพวกนางจึงชอบสวนของที่นี่มาก นึกไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนินทาว่าร้าย อีกทั้งบุตรสาวของตัวต้นเรื่องยังอยู่ข้าง ๆ พวกนาง

“พี่หญิงอิน ท่านแม่ท่านไร้กฎเกณฑ์เกินไปแล้ว” คุณหนูสกุลสูงศักดิ์ที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “เอ่ยเรื่องปั้นน้ำเป็นตัวเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”

“นั่นซี!”

คุณหนูสกุลสูงศักดิ์แซ่อินผู้นั้นใบหน้าแดงก่ำขึ้นมา “ท่านแม่ข้าไม่ได้ตั้งใจ ทุกคนถือเสียว่าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ก็แล้วกัน!”

หากเป็นเพียงฮูหยินรองลู่กับฮูหยินแม่ทัพฉีก็แล้วไปเถิด ไยต้องดึงพระชายาลู่เข้าไปผสมโรงเล่า? ชื่อเสียงเรื่องรักภรรยาของท่านอ๋องลู่นั้นรู้กันทั่วหล้า หากโยงมู่ซืออวี่ไปเกี่ยวด้วย บิดาของนาง ผู้ที่อยู่ในราชสำนักจะไม่ได้รับผลกระทบได้อย่างไร?

ฉีซืออี้เดินผ่านไป

เมื่อฮูหยินสองท่านนั้นที่กำลังพูดคุยกันเห็นนางก็ทำตัวไม่ถูกขึ้นมาในบัดดล

คุณหนูอินเดินออกมาพลางบ่น “ท่านแม่ ไยล้วนกล่าวอะไร ๆ ออกมาหมดเล่า?”

“นี่… พวกเราแค่เพียงพูดคุยกัน ไม่ได้มีความหมายอื่นใด นอกจากนี้ เรื่องเหล่านั้นล้วนเป็นอดีตไปแล้ว ผู้คนในเมืองหลวงล้วนรู้เรื่องนี้ทั้งสิ้น” ฮูหยินอินกล่าว

ฉีซืออี้นึกไม่ถึงว่ามารดาของตนจะเคยข้องเกี่ยวกับบุรุษผู้อื่น จู่ ๆ ภายในใจของนางก็รู้สึกไม่มีความสุขขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล

————————————-

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย