สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 946

สรุปบท บทที่ 946 เกือบได้ไปเยี่ยมหลุมศพของเขาแล้ว: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สรุปตอน บทที่ 946 เกือบได้ไปเยี่ยมหลุมศพของเขาแล้ว – จากเรื่อง สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย โดย Internet

ตอน บทที่ 946 เกือบได้ไปเยี่ยมหลุมศพของเขาแล้ว ของนิยายจีนโบราณเรื่องดัง สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 946 เกือบได้ไปเยี่ยมหลุมศพของเขาแล้ว

บทที่ 946 เกือบได้ไปเยี่ยมหลุมศพของเขาแล้ว

“อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” มู่ซืออวี่เอ่ย “เพียงแต่เกือบได้ไปเยี่ยมหลุมศพใต้เท้าฉีแล้ว”

ฉีเซียวเอ่ยอย่างสุขุม “ข้าดวงแข็ง หลายปีมานี้ใครก็พาข้าไปไม่ได้เสียที เห็นได้ชัดว่าคนชั่วอายุยืนนับพันปี ไม่ได้ตายง่ายเพียงนั้น”

ลู่อี้ยังจับต้นชนปลายไม่ได้

มู่ซืออวี่เล่าให้ฟังคร่าว ๆ

ลู่อี้ได้ยินแล้วจึงกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าดาบของใต้เท้าฉีจะไม่ได้อาบโลหิตมานาน หลายคนจึงหลงลืมความโหดเหี้ยมของใต้เท้าฉีเซียวแห่งหน่วยลับแล้ว”

“นี่ก็ดึกมากแล้ว พวกท่านทั้งสองรีบกลับจวนเถิด ข้าไม่ส่งละ” ฉีเซียวเอ่ย “ต่อไปเป็นเรื่องของข้า ข้าจะจัดการเอง”

“ได้”

จู่ ๆ ฉีเซียวก็รั้งพวกเขาไว้ “ช้าก่อน ระยะนี้มีข่าวชิงเอ๋อร์หรือไม่?”

“หากเรามีข่าว ท่านก็ต้องมีข่าว หากท่านไม่มีข่าว เช่นนั้นพวกเราก็ไม่มีข่าวเช่นกัน” มู่ซืออวี่กล่าว “สถานะอาจารย์ของท่านในใจนางไม่ได้ต่ำต้อย”

“อิจฉาแล้วหรือ?” ฉีเซียวหัวเราะน้อย ๆ

“ท่านยังหัวเราะออกอีก” มู่ซืออวี่มองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ “มีคนคิดจะฆ่าท่าน นั่นหมายความว่ามีมือในเงามืดคิดจะกำจัด แล้วท่านยังหัวเราะอย่างมีความสุขเพียงนี้ได้อีกหรือ?”

“หากข้ามีฝีมือไม่สู้ผู้อื่น เช่นนั้นคงต้องพึ่งพวกท่านล้างแค้นให้ข้าแล้ว” ฉีเซียวกล่าว “เอาละ รีบไปเถอะ!”

ในรถม้า มู่ซืออวี่นอนอยู่บนตักของลู่อี้ นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้

“ดูเหมือนว่าช่วงนี้ข้าต้องจับตาดูเรื่องราวในเรือนพักผ่อนบนภูเขาแล้ว” มู่ซืออวี่เอ่ย “หากมีคนคิดจะยืมมือข้าทำร้ายผู้คนรอบกาย เช่นนั้นข้าจะเป็นเพชฌฆาตเสียเอง”

“ไม่ต้องกังวลไป ในเมื่อใต้เท้าฉีรู้แล้วว่ามีอันตรายรอบตัว เขาย่อมจัดการได้”

“บางทีหลายปีมานี้อาจสงบสุขมากเกินไป เราจึงหละหลวมต่ออันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา”

“ไม่ผิด หลายปีมานี้สงบสุขเกินไปจริง ๆ ทั้งที่ควรเตรียมตัวต่อภัยที่มักมายามสงบ แต่พวกเรากลับละเลยไป”

วันต่อมา มู่ซืออวี่เชิญหมอหลวงหลี่มาที่จวนลู่อ๋อง ขอให้เขาตรวจดูรอบ ๆ จวน ผลที่ได้นั้นดียิ่ง ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ อย่างไรเสียจวนลู่อ๋องก็เข้มงวดเสียจนแม้กระทั่งยุงก็ไม่อาจบินเข้ามาได้

นางขอให้หมอหลวงหลี่ไปตรวจดูจวนลู่เซวียนสักเที่ยว

“หมอหลวงหลี่ ท่านมีอะไรจะกล่าวก็กล่าวมาเถิด” สีหน้าของมู่ซืออวี่เคร่งขรึมขึ้นเมื่อเห็นหมอหลวงหลี่นิ่งเงียบไป “ทางน้องสามีข้ามีปัญหาอะไรหรือ?”

“พระชายา ได้ยินว่าใต้เท้าลู่เซวียนเคยอ่อนแอมาก่อน หลังจากรักษามาเป็นเวลาหลายปี ทั้งยังพบท่านหมอมามากมาย ในที่สุดเขาก็ฟื้นฟูสุขภาพกลับมาได้ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ฟื้นตัวแล้ว ร่างกายของเขาก็ไม่ได้ครึ่งหนึ่งของบุรุษทั่วไป นี่เป็นความจริงหรือไม่?”

“ไม่ผิด” มู่ซืออวี่เอ่ย “สุขภาพของน้องสามีมีปัญหาอะไรหรือ?”

“ครั้งนี้หลังจากจับชีพจรบำรุงดูแล้ว ข้าน้อยพบว่าใต้เท้าลู่เซวียนกำลังกินยาอยู่ ยานั้นมีผลทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ทว่ามันจะทำลายรากฐานของเขา เสมือนดึงพลังเขามาใช้ล่วงหน้า อีกเพียงไม่กี่ปี ร่างกายของเขาจะอ่อนแอลงมาก” หมอหลวงหลี่กล่าว “ข้าน้อยถามฮูหยินรองลู่ ฮูหยินรองบอกว่าเป็นยาที่หมอหลวงเฝิงจากสำนักหมอหลวงปรุงให้เขาเมื่อปีก่อน ทานแล้วได้ผลจริงจึงกินต่อเนื่องไม่หยุด”

“ยานั้นมีปัญหาหรือ?” มู่ซืออวี่ลุกขึ้นยืน มองเขาด้วยสายตาเฉียบคม

“ต่อร่างกายของใต้เท้าลู่เซวียนมีเพียงผลเสียไม่มีผลดีขอรับ”

“มีวิธีแก้ไขหรือไม่?”

หมอหลวงหลี่ถอนหายใจเบา ๆ “ข้าน้อยไร้ความสามารถ ยานั้นกินมานานเกินไปจึงทำลายรากฐานของเขา พระชายาทำได้เพียงเขียนจดหมายถึงหุบเขาเทพโอสถ อธิบายสถานการณ์ตามความเป็นจริง ดูว่ามีวิธีแก้ไขหรือไม่แล้ว”

“เรื่องนี้ยังไม่ได้บอกฮูหยินรองกับนายท่านรองลู่กระมัง?”

“ยังขอรับ ข้าน้อยไม่รู้ว่าควรบอกหรือไม่ อยากแจ้งให้พระชายาทราบก่อนค่อยตัดสินใจขอรับ”

“ดี เช่นนั้นอย่าเพิ่งบอก ข้าต้องหารือกับท่านอ๋องเสียก่อน”

สีหน้าของลู่อี้ไม่น่าดูชมขึ้นมาทันที แววตาของเขามืดมัว

มู่ซืออวี่กอดเขาเอาไว้ ค่อย ๆ ปลอบประโลมเขาให้สงบ

“ท่านใจเย็นก่อนเถิด”

“เขายังไม่รู้หรือ?”

ไม่ต้องเอ่ยถึง ‘เขา’ ในที่นี้ย่อมหมายถึงลู่เซวียน

“ข้าขอให้หมอหลวงหลี่ตรวจชีพจรของเขา หมอหลวงหลี่ยังไม่ได้บอกเขาเรื่องร่างกาย” มู่ซืออวี่กล่าวต่อไป “เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ข้าไม่กล้าตัดสินใจเอง ต้องบอกท่านก่อน ข้าเขียนจดหมายถึงน้องสะใภ้แล้ว ขอให้นางส่งท่านหมอจากหุบเขาเทพโอสถที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้มา เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าทางนั้นพอมีวิธีหรือไม่”

“เหตุใดจู่ ๆ เจ้านึกอยากให้หมอหลวงหลี่จับชีพจรบำรุงของลู่เซวียนเล่า?”

“ใต้เท้าฉีที่ฉลาดเพียงนั้นยังได้รับความลำบากใหญ่หลวงเช่นนี้ ข้าไม่วางใจจึงขอให้หมอหลวงหลี่จับชีพจรของฉาวอวี่ก่อน จากนั้นจึงตรวจจือหลิ่ว แล้วตรวจฮั่วเอ๋อร์และหลีเอ๋อร์ ภายหลังจึงเป็นน้องรอง หมอหลี่ กล่าวว่ายาที่น้องรองกินนั้นหมอหลวงเฝิงเป็นคนจัดให้ หมอหลวงเฝิงผู้นั้นไม่ใช่คนของท่านหรือ? ไม่เช่นนั้น น้องรองคงไม่ไว้ใจเขาเพียงนั้น”

“ข้าจะไปตรวจสอบ” ลู่อี้เอ่ย “ครั้งนี้ต้องขอบคุณฮูหยินแล้ว มิเช่นนั้นพวกเราคงไม่ทันสังเกตเห็นเสียด้วยซ้ำ”

“ทางน้องรอง…”

“ร่างกายของเขา เขามีสิทธิ์ที่จะรับรู้” ลู่อี้เอ่ย “ข้าจะบอกเขาเอง”

“เช่นนั้นทางน้องสะใภ้รองข้าจะบอกเอง! นางเป็นภรรยาของน้องรอง สถานการณ์ของน้องรองไม่อาจปิดบังนางได้ มิเช่นนั้นก็เหมือนกับว่าไม่เห็นนางเป็นฝ่ายเดียวกัน” มู่ซืออวี่เอ่ย “ไม่มีภรรยาคนใดจะยินดีที่ถูกปกปิดเรื่องนี้”

“ดี”

ลู่อี้กอดมู่ซืออวี่เอาไว้แน่น

“เจ้าเขียนจดหมายถึงชิงเอ๋อร์ที บอกให้นางกลับมาโดยด่วน มีคนคิดจะปองร้ายสกุลลู่เรา นังหนูคนนั้นอยู่ข้างนอกจะเป็นอันตราย” ลู่อี้เอ่ย “ส่วนฉาวจิ่ง เขาเปลี่ยนตัวตนเช่นนั้น กลับลดปัญหาได้มาก”

“ข้าก็ไม่รู้ว่าชิงเอ๋อร์อยู่ที่ใด ทำได้เพียงลองส่งจดหมายไปยังที่อยู่ที่นางทิ้งไว้เมื่อคราวที่แล้ว” มู่ซืออวี่เอ่ย “ท่านเองก็ต้องระวังตัวด้วย”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย