สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 959

สรุปบท บทที่ 959 ล่องเรือในทะเลสาบ: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สรุปตอน บทที่ 959 ล่องเรือในทะเลสาบ – จากเรื่อง สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย โดย Internet

ตอน บทที่ 959 ล่องเรือในทะเลสาบ ของนิยายจีนโบราณเรื่องดัง สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 959 ล่องเรือในทะเลสาบ

บทที่ 959 ล่องเรือในทะเลสาบ

มีเรือลำหนึ่งจอดอยู่ที่ริมทะเลสาบ

เรือลำนี้หรูหราเป็นพิเศษ ประหนึ่งบ้านเคลื่อนที่ มีทุกสิ่งที่ต้องการอยู่ข้างใน

“เรือลำนี้เป็นของหยางเซียงจวิน” สิงเจียเวยเอ่ย “ได้ยินมาว่าซื้อมาจากโรงต่อเรือของพระชายาลู่ ใช้เงินมหาศาลเชียวละ!”

“โรงต่อเรือของพระชายาลู่หากไม่ทำเรือสินค้าก็ทำเรือรบ ไม่เคยสร้างเรือที่ ‘งาม’ เช่นนี้มาก่อน” สิงเจียซือกล่าว

“เช่นนั้นเจ้าไม่รู้กระมัง?” สิงเจียเวยโบกพัดของนางไปมา ปิดปากที่กำลังกระซิบกระซาบ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงโอ้อวด “หยางเซียงจวินใช้เงินจำนวนมหาศาลสั่งทำกับพระชายาลู่ ข้างในใช้งานได้ครบครัน สะดวกสบายทีเดียว คุณชายน้อยหลายท่านที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับท่านหญิงมักจะมายืมเรือของนาง ในแวดวงชนชั้นสูงของเมืองหลวงนับว่าเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างหนึ่งเชียวละ”

“พระชายาไม่ได้ขาดแคลนเงิน” สิงเจียซือเอ่ย “หลายปีมานี้พระชายาหยุดมือแล้ว ย่อมไม่มีทางทำมันด้วยตนเองเพียงเพื่อเงินเล็กน้อยนี้ คิดว่าเป็นฝีมือคนของนางกระมัง”

สิงเจียเวยเบ้ปาก “เจ้าเดาถูกแล้ว นี่เป็นฝีมือของท่านหลี่ลูกศิษย์ของพระชายา เพียงแต่การออกแบบภายในนั้นได้รับการออกแบบจากพระชายาจริง ๆ”

สิงเจียซือเข้าใจแล้ว

อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็จ่ายเงินเป็นจำนวนมาก พระชายาลู่นั้น เพื่อสนับสนุนศิษย์รักแล้วย่อมลงแรงเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเหตุนี้เรือเบื้องหน้าถึงคู่ควรเป็นเรือล่องแม่น้ำที่หรูหรา

พี่สาวน้องสาวสกุลสิงขึ้นไปบนเรือ

หลี่เยียนหรานหันหน้ากลับมาจึงเห็นสองพี่น้องสกุลสิง

ผู้ที่กำลังพูดคุยอยู่กับหลี่เยียนหรานคือหยางเซียงจวิน ผู้เป็นเจ้าของเรือ

หยางเซียงจวินเป็นธิดาของจิ้นอันโหว ก่อนหน้านี้นางเคยอาศัยอยู่กับจิ้นอันโหวที่ด่านอวี้ไห่ ครึ่งปีก่อนจึงติดตามบิดากลับมาอยู่ที่เมืองหลวง

ภรรยาเอกของจิ้นอันโหวเป็นบุตรสาวคนโตของครอบครัวเก่าแก่อันดับหนึ่งในด่านอวี้ไห่ หยางเซียงจวินในฐานะบุตรสาวของนาง แน่นอนว่าย่อมร่ำรวยอู้ฟู่

ในแง่ของรูปโฉมโนมพรรณ หยางเซียงจวินก็จัดได้ว่าโดดเด่นเช่นกัน

คุณหนูผู้สูงศักดิ์คนอื่น ๆ ขึ้นเรือคนแล้วคนเล่า

“พี่หญิงเซียงจวิน พวกเรามาแล้ว”

“พี่หญิงเซียงจวิน เรือลำนี้ของท่านงามยิ่งนัก ไม่ว่าข้าเห็นกี่ครั้งก็ยังรู้สึกหลงใหล”

หยางเซียงจวินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นั่นแน่นอน เรือลำนี้เป็นเรือล่องแม่น้ำเพียงลำเดียวที่ผ่านมือพระชายาลู่เชียว”

“ทุกคนมาถึงหมดแล้วใช่หรือไม่?”

“ไม่รีบร้อน ยังมีคนอีก” หยางเซียงจวินสีหน้าดูขัดเขิน

เมื่อทุกคนเห็นเช่นนั้นก็อยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที

“พี่หญิงเซียงจวิน วันนี้อาภรณ์ที่ท่านสวมใส่น่ามองจริง ๆ ยังมีเครื่องประดับผมนี้อีก คงสั่งทำใหม่กระมัง?”

“มีเพียงพี่หญิงเซียงจวินเท่านั้นที่ควรคู่กับความหรูหราของมัน พวกเราไม่คู่ควร”

“นั่นซี ๆ”

จู่ ๆ สิงเจียซือก็รู้สึกว่าการมาที่นี่เป็นการตัดสินใจที่ไม่ฉลาดเอาเสียเลย

เหตุใดนางมาตามนัดหมายเพียงเพราะอยากรู้ว่าสิงเจียเวยมีลูกไม้อะไรกันนะ?

คนเหล่านี้ช่างน่าเบื่อยิ่งนัก

“มาแล้ว” คุณหนูผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายมองลงไปจากเรือ

สิงเจียซือก็มองไปทางนั้นเช่นกัน

เห็นเพียงคุณชายผู้สูงศักดิ์หลายคนเดินเข้ามา อีกทั้งหนึ่งในนั้นยังคุ้นตาเป็นอย่างยิ่ง อีกฝ่ายคือลู่ฉาวอวี่ที่เดินนำคุณชายผู้สูงศักดิ์

ในเมืองหลวงแห่งนี้ คุณชายผู้สูงศักดิ์ที่สุด นอกจากลู่ฉาวอวี่แล้วย่อมไม่อาจเป็นผู้ใดไปได้ พระโอรสของฝ่าบาทอยู่ในวังหลวงตลอดเวลา แทบไม่ได้ออกจากวัง ถึงแม้จะออกจากวังหลวง เขาก็ตามติดลู่ฉาวอวี่ประหนึ่งเงาตามตัว ถึงไม่ใช่พี่ชายแท้ ๆ ก็เป็นยิ่งกว่าพี่ชายแท้ ๆ เขาพึ่งพาลู่ฉาวอวี่โดยสัญชาตญาณ ท้ายที่สุดแล้วศูนย์กลางก็ยังคงเป็นลู่ฉาวอวี่

เหตุใดเขาจึงมาอยู่ที่นี่?

สิงเจียซือรู้สึกสับสน

ด้วยนิสัยของลู่ฉาวอวี่ อีกฝ่ายย่อมไม่มาร่วมงานเช่นนี้

“แม่นางทุกท่าน ปล่อยให้พวกเจ้ารอนานแล้ว” ชายหนุ่มท่าทางไม่เลว ทว่ามีวาจาลื่นไหลผู้หนึ่งประกบมือขึ้น เผยรอยยิ้มที่คิดว่าตนดูดีที่สุดออกมา

ลู่ฉาวอวี่เอ่ยเรียบ ๆ “สกุลลู่ไม่ได้มีโรงต่อเรือ มีเพียงแม่ข้าที่มีโรงต่อเรือ พวกท่านคุ้นเคยกับการยกโรงต่อเรือของแม่ข้าให้สกุลลู่ อันที่จริงไม่ใช่เช่นนั้น โรงต่อเรือเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของแม่ข้า”

“พระชายาลู่เป็นคนสกุลลู่ เช่นนี้ก็ไม่นับว่าพูดผิด” หยางเซียงจวินกล่าว

“แม่ข้าเป็นคนสกุลลู่ ทว่าความสำเร็จของแม่ข้าในวันนี้ไม่ใช่เพราะสกุลลู่ แต่เป็นเพราะความสามารถของนางเอง” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย

“พระชายาลู่เป็นแบบอย่างให้พวกเราเหล่าสตรีมาโดยตลอด” หลี่เยียนหรานเอ่ยขึ้นมา “ใต้เท้าลู่กล่าวได้ถูกต้อง ภายหน้าพวกเราจะต้องใส่ใจอย่างแน่นอน”

ลู่ฉาวอวี่รับคำ แล้วไม่กล่าวอะไรอีก

ฟานซู่เอ่ยขึ้น “นาฬิกาบนผนังนั่นมาจากที่อื่นกระมัง?”

“ใช่” หยางเซียงจวินเอ่ย “ตอนที่ข้าประมูลมา ใช้เงินไปไม่น้อยทีเดียว”

สิ้นคำ นางพลันรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย

ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้อื่น กล่าวถึงเงินนั้นไม่เป็นไร ทว่าต่อหน้าลู่ฉาวอวี่ นางไม่อยากทิ้งภาพลักษณ์คนรักเงินดั่งชีวิตไว้ให้อีกฝ่าย

หยางเซียงจวินเห็นสิงเจียซือแล้วจึงเอ่ยขึ้น “น้องหญิงผู้นี้คือ…”

หยางเซียงจวินเพิ่งกลับมาเมืองหลวงได้ไม่นาน ก่อนหน้านี้ไม่เคยพบสิงเจียซือมาก่อน แน่นอนว่าย่อมไม่รู้จักนาง

สิงเจียเวยอธิบายเสียงเบา “นี่เป็นน้องห้าจวนเรา”

“คุณหนูห้า ในที่สุดก็กลับจวนแล้วหรือ?” คุณชายหัวกล่าว “ตอนยังเล็กพวกเราเคยเล่นด้วยกันอยู่ในเมืองหลวง หลายปีมานี้ได้ยินว่าท่านอาศัยอยู่ที่ถิ่นทุรกันดารมาโดยตลอด สนุกกับที่ใหม่จนไม่อยากกลับมาแล้ว!”

สิงเจียซือเอ่ยนิ่ง ๆ “มีอะไรผิดหรือ?”

“ไม่มีอะไรผิด เพียงแต่เจ้าเป็นคุณหนูสกุลใหญ่ จะพูดจากับคนป่าเถื่อนเหล่านั้นได้อย่างไร…”

“กรมพิธีการขาดแคลนคน คุณชายหัวสนใจหรือไม่?” จู่ ๆ ลู่ฉาวอวี่ก็กล่าวขึ้นมา

ดวงตาของคุณชายหัวเป็นประกาย “ใต้เท้าลู่รู้สึกว่าข้าเข้าร่วมกรมพิธีการได้หรือ?”

“ได้สิ เหตุใดจะไม่ได้เล่า? กรมพิธีการยังขาดแคลนเจ้าหน้าที่ติดต่อประสานกับชนเผ่าต่าง ๆ ข้าเห็นว่าท่านมีวาทศิลป์ พรสวรรค์ล้ำเลิศทีเดียว ถึงตอนนั้นข้าจะแนะนำท่านต่อฝ่าบาท”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย