สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 982

บทที่ 982 คลื่นลมในงานแต่ง

บทที่ 982 คลื่นลมในงานแต่ง

กล่าวเช่นนี้แล้ว ท่านโหวหัวก็ลอบชำเลืองมองลู่อี้ ฝ่ายหลังราวกับไม่รับรู้สิ่งใด ชนจอกดื่มสุรากับฉีเซียวทำราวกับเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา

ลู่ฉาวอวี่เอ่ยว่า “เป็นเพียงเหตุบังเอิญ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร ไม่จำเป็นต้องสนใจ”

“เช่นนั้นก็ดีแล้ว ๆ”

“ท่านโหวหัววันนี้เป็นวันแต่งงานของลูกสาวบ้านท่าน ไม่รู้ว่ายามใดจะได้ดื่มสุรามงคลของคุณชายหัวและคุณหนูสกุลทังหรือ?” ลู่ฉาวอวี่รินชาถ้วยหนึ่งให้ตนเอง

ท่านโหวหัวตกตะลึงไปชั่วขณะ ไม่ช้าก็เข้าใจความหมายของลู่ฉาวอวี่ “งานแต่งนี้ยังไม่แน่นอน”

“หัวโหวรู้สึกว่าลูกสาวใต้เท้าทังไม่เท่าเทียมกับคุณชายจวนท่านหรือ?” ลู่ฉาวอวี่เงยหน้าขึ้นมองเขา “หรือท่านมีแผนการอื่น?”

ท่านโหวหัวไม่ได้รีบร้อนตอบ หากแต่ในใจกำลังใคร่ครวญความนัยของลู่ฉาวอวี่

เขาลอบชำเลืองมองท่าทีของลู่อี้อีกครั้ง ทว่าฝ่ายหลังกลับไม่ได้แสดงสีหน้าใด ๆ อย่างไรก็ตาม การที่ท่านโหวหัวนั่งตำแหน่งนี้ได้จนกระทั่งทุกวันนี้ สมองของเขาย่อมไม่ได้ขาดเขลาเพียงนั้น

ลู่ฉาวอวี่เป็นตัวแทนของทั้งสกุลลู่ อีกทั้งสกุลลู่ยังเป็นตัวแทนของท่านอ๋องลู่ผู้มีอำนาจ ลู่ฉาวอวี่เอ่ยถามคำถามนี้ นั่นย่อมเป็นคำถามของท่านอ๋องลู่ หรือว่าท่านอ๋องลู่คิดจะออกหน้าแทนสกุลทัง?

“มิได้ เพียงแต่ยังไม่ได้ดำเนินการหกพิธี ยามนี้จึงไม่อาจระบุวันแต่งงานที่แน่ชัด” ท่านโหวหัวเอ่ย “รอผ่านพ้นหกพิธีไปแล้ว ข้าน้อยจะแจ้งให้ใต้เท้าลู่น้อยทราบทันทีขอรับ”

ลู่ฉาวอวี่พยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ข้าจะรอ”

ฉีเซียวลดเสียงลงเอ่ยว่า “เสี่ยวฉาวอวี่บ้านท่านคิดจะทำอะไร? สำนักตรวจการหมู่นี้ไม่มีงานหรือ เขารู้สึกเบื่อ จึงคิดจะเป็นแม่สื่อแม่ชักให้ผู้อื่นแล้วรึ?”

“ความคิดของเด็กหนุ่ม ข้ากับท่านเข้าใจที่ใดกัน? โดยไม่ทันรู้ตัว เราล้วนกลายเป็นคนเฒ่าชราแล้ว” ลู่อี้เอ่ยนิ่ง ๆ “ทว่าท่านช่างสง่าผ่าเผย ถึงตอนนี้ยังครองโสดอยู่ผู้เดียว นี่คิดจะขึ้นสวรรค์ไปเป็นเซียนหรือ?”

“เรื่องเซียนน่ะลืมไปเสียเถอะ ข้าคุ้นชินกับการอยู่เพียงลำพังแล้ว ไม่อยากให้ผู้ใดมารบกวน” ฉีเซียวกล่าว

หลังจากงานเลี้ยงจบลง ลู่ฉาวอวี่รู้สึกเบื่อจึงออกไปสูดอากาศ

ฉีเว่ยเจี๋ยเดินเข้ามาเอ่ยกับลู่ฉาวอวี่ “ใต้เท้าลู่น้อยรู้สึกเบื่อหรือ? ทางนั้นมีศาลา ค่อนข้างเงียบสงบทีเดียว หากใต้เท้าลู่น้อยรู้สึกเบื่อ ข้าน้อยสามารถเล่นหมากล้อมเป็นเพื่อนท่านได้”

“ท่านคือคุณชายจากจวนแม่ทัพฉี” ลู่ฉาวอวี่จำเขาได้ทันที “เมื่อครู่นี้เพิ่งเล่นหมากล้อมกับคุณชายรองฉีสองสามกระดาน บัดนี้คุณชายใหญ่ฉีก็จะเล่นหมากล้อมกับข้าอีก ดูเหมือนว่าคุณชายจวนท่านจะชอบเล่นหมากล้อมมากทีเดียว”

ฉีเว่ยเจี๋ยประกบมือขึ้น “ทำให้ใต้เท้าลู่น้อยต้องขบขันแล้ว ผู้ใดในเมืองหลวงไม่อยากผูกมิตรกับท่านบ้าง ข้าน้อยก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ได้ยินมาว่าใต้เท้าลู่น้อยชอบเล่นหมากล้อม บางครั้งยังใช้มือซ้ายสู้กับมือขวา นับว่าเป็นผู้ชื่นชอบหมากล้อมผู้หนึ่ง ข้าจึงคิดจะใช้สิ่งนี้ผูกมิตรกับใต้เท้า”

ลู่ฉาวอวี่มองฉีเว่ยเจี๋ย “ท่านเป็นคนน่าสนใจทีเดียว”

“ใต้เท้ากล่าวชมเกินไปแล้ว ขอท่านอย่าได้ถือสา”

“หมากล้อมก็ลืมไปเสียเถอะ ไม่สู้พวกเราไปนั่งทางนั้นสักประเดี๋ยวดีกว่า พอดีข้ากำลังอยากรู้เรื่องขนบธรรมเนียมประเพณีที่ชายแดน”

“ประเสริฐยิ่ง เชิญใต้เท้า”

ฉีเว่ยเจี๋ยและลู่ฉาวอวี่พูดคุยกันอยู่ในศาลาครู่หนึ่ง เมื่อลู่ฉาวอวี่แสดงท่าทีง่วงขึ้นมา ฉีเว่ยเจี๋ยจึงค้อมคำนับแล้วจากไป โดยกล่าวว่าไม่กล้ารบกวนการพักผ่อนของเขาอีก

“ใต้เท้า ฉีเว่ยเจี๋ยนี้ผู้นี้นิสัยเจ้าเล่ห์ซับซ้อนยิ่งนัก ไม่เหมือนพี่น้องอย่างฉีเว่ยฟางเลยนะขอรับ” จางอี้ก้าวออกมาจากมุมมืด

ลู่ฉาวอวี่เอ่ยอย่างสุขุม “ฉีเว่ยฟางเป็นบุตรชายภรรยาเอก กลับไม่ได้แตะต้องอำนาจทางทหารในมือแม่ทัพฉี ฉีเว่ยเจี๋ยเป็นบุตรนอกสมรส แต่เขาก็เป็นบุตรชายคนโตของแม่ทัพฉีเช่นกัน หลายปีมานี้ใต้เท้าฉีคอยชี้แนะสั่งสอนอบรมเขาด้วยตนเอง ที่เจ้าเห็นว่าเขาทั้งเจ้าเล่ห์และซับซ้อนก็เป็นเพราะได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวดมาตั้งแต่ยังเล็ก ภายหน้า แม้กระทั่งฉีเว่ยฟางบุตรชายภรรยาเอกผู้นั้นก็ยังไม่แน่ว่าจะจัดการเขาได้”

“เมื่อครู่นี้ใต้เท้าพูดคุยกับเขาไปมากมาย ข้าฟังอยู่นานสองนานยังไม่เข้าใจ ข้อมูลเหล่านั้นเพียงพวกเราตรวจสอบดูก็รู้ได้ ไยต้องเสียเวลาไปยุ่งกับเขาเล่าขอรับ?”

“เมื่อครู่ใต้เท้าอาจดูเหมือนพูดคุยกับเขาไปเรื่อย” หยางจงเซิงเดินตามออกมา “ทว่าจากการพูดคุยไปเรื่อยนั้นยังสามารถสรุปรายละเอียดออกมาได้หลายอย่าง เป็นต้นว่า ปัญหาเสบียงฟางที่ชายแดน จำนวนพลเมือง และความเป็นอยู่ของราษฎรบริเวณชายแดน…”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย