บทที่ 39 รอยรองเท้าบนหน้า
ในวิดีโอของกล้องวงจรปิด ชายรูปร่างใหญ่หลายคนดาหน้าเข้ามาหาเฉินเป่ยพร้อมทั้งลงมือพร้อมๆกัน การต่อสู้ดุเดือดเหมือนเสือกำลังต่อสู้เอง แต่ก็ถูกเฉินเป่ยรับมือได้อย่างง่ายดาย แม้จะดูจากท่าทางของเฉินเป่ยก็ดูออกว่า เฉินเป่ยแทบจะไม่ได้ออกแรงสักเท่าไหร่
ท่าทางของเฉินเป่ยดูสงบเหมือนเคย แต่กลับทำให้ชายตัวใหญ่หลายคนเหล่านั้นล้มลงกับพื้นได้
เย่ชวงจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ พร้อมทั้งเล่นวิดีโอในความเร็วที่ช้าลง ทุกการเคลื่อนไหวของเฉินเป่ย ทุกท่วงท่าการต่อสู้เย่ชวงอยากจะเห็นชัดๆ ทุกๆการเคลื่อนไหว ทุกการต่อสู้ ถูกแยกออกจากกัน
เย่ชวงขมวดคิ้ว เดิมเขามองการออกหมัดของเฉินเป่ยไม่ออก เกือบจะเหมือนการต่อสู้ข้างถนนทั่วไป แต่กลับจัดการจนคนเหล่านั้นอย่างง่ายดายจนไม่สามารถลุกขึ้นมาจากพื้นได้
“หัวหน้าเย่ ถามหาผมมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” มีเสียงเคาะประตูห้องทำงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนนายหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก
“ลองดูนี่หน่อย ท่าทางในวิดีโอของผู้ชายคนนี้ คุณเคยเห็นมาก่อนไหม” เย่ชวงหันหน้าจอไปหา ท่านนี้คืออาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้ของสถานีตำรวจเมืองเมืองหู้ไห่ เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รู้เรื่องศิลปะการต่อสู้มากที่สุดของสถานีตำรวจ เคยได้รับรางวัลงานเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ระดับสามของประเทศ ความดีความชอบมากมาย
นายตำรวจวัยกลางคนกวาดตามองวิดีโอกล้องวงจรปิดรอบหนึ่ง สีหน้ามึนงง “หัวหน้าเย่ คนๆนี้มีฝีมือมาก ความเร็วสูงมาก เพียงแต่ การออกหมัดไม่มีรูปแบบกฎเกณฑ์ใดๆ มองเบื้องหลังของเขาไม่ออกครับ”
ไม่มีรูปแบบกฎเกณฑ์ใดๆ แต่ทักษะกลับได้รับการประเมินจากอาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้คนนี้ด้วยคะแนนที่สูงลิบลิ่ว...ในใจเย่ชวงยิ่งอยากรู้เบื้องหลังของเฉินเป่ยมากขึ้น...เบื้องหลังเขาคือใครกันแน่ ถึงทำให้เยี่ยนจิงออกหน้าปกป้องได้!
ดวงตาของเย่ชวงแน่วแน่ แม้ว่าตัวของเฉินเป่ยจะเต็มไปด้วยหมอกควันมากมาย เขาจะต้องเปิดเผยความจริงให้ได้!
“ฉันรู้แล้ว ขอบคุณมาก” รอจนอาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้ออกไปแล้ว เย่ชวงก็ยืนขึ้น พลันใส่รองเท้าหนังพร้อมทั้งเปิดประตูห้องทำงานของหัวหน้า
หัวหน้ากำลังนั่งไขว่ห้าง กำลังชื่นชมชาใหม่จากเขาอู่อี๋ พวกนั้นอย่างนั้น ไม่ต้องพูดว่าจะรสชาติดีมากขนาดไหน
เมื่อเห็นเย่ชวงเดินเข้ามา หัวหน้าจึงวางขาที่ไขว่ห้างลง สีหน้าดูจริงจังขึ้นมา
“หัวหน้าคะ ฉันมาขอเข้าดูไฟล์การสอบสวนหน่อยค่ะ เพื่อขอดูสถานะภาพที่แท้จริงของเฉินเป่ย” เย่ชวงเอ่ยปาก
สีหน้าของหัวหน้าแข็งขึ้นมา จากนั้นก็วางกาชาสีม่วงลง พร้อมทั้งพูดช้าๆว่า “เย่ชวง เรื่องนี้...ปล่อยวางไปเถอะ ในมือของฉันยังมีอีกหลายเรื่อง ที่ต้องให้คุณไปทำ”
“ทำไมเหรอคะ เฉินเป่ยคนนี้ พวกเราไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของเขาเลย จำเป็นต้องตรวจสอบให้ละเอียด วันนี้เขาก็ไปก่อเรื่องที่ร้านหม้อไฟร้านหนึ่งมาอีก” เย่ชวงเอามือกอดอก พร้อมทั้งใช้สายตาจ้องมองไปทางหัวหน้า
หัวหน้าเงยหน้า จ้องเย่ชวงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “เย่ชวง ฟังฉันนะ ต่อไปเรื่องของเขาอย่าไปยุ่ง...ปล่อยเขาไป เขา ขนาดฉันยังไม่มีสิทธิ์จะอยากรู้ด้วยซ้ำ เข้าใจหรือยัง”
หัวหน้าจะให้เย่ชวงเข้าไปตรวจสอบไฟล์ของเฉินเป่ยได้ยังไง เขารู้ดี ด้วยนิสัยของเย่ชวงคงไม่หยุดแค่นี้แน่ ดังนั้นเขาจึงขอร้องให้เย่ชวงยกเลิกการสอบสวนด้วยความจริงใจ!
สายตาของเย่ชวงประสานกับสายตาของหัวหน้าเป็นเวลานาน จึงค่อยๆถอยกลับ ออกจากห้องทำงานไป
เฉินเป่ยเดินออกจากสถานีตำรวจ ก็เห็นรถเบนซ์คันหนึ่งที่จอดอยู่ข้างถนนมาเป็นเวลานาน ในรถมีเงาร่างที่เขาคุ้นตามากนั่งอยู่ภายใน เมื่อดูใกล้ๆ ก็พบว่าเป็นซูเสี่ยวหยุน
เฉินเป่ยเดินไปถึงข้างรถ เห็นซูเสี่ยวหยุน ท่าทางประหลาดใจ “คุณเองก็มีรถด้วย”
เฉินเป่ยไม่เคยเห็นซูเสี่ยวหยุนขับรถของตนเองมาก่อน โดยปกติจะอาศัยรถไมบัคของหลีชิงเยียน หรือไม่ก็นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานของตนเอง เดิมเฉินเป่ยนึกว่าซูเสี่ยวหยุนยังไม่ได้ซื้อรถ ไม่คิดว่าตนเองเหมือนจะเสียหน้า
ซูเสี่ยวหยุนมองเฉินเป่ยตาขวาง “ทำไมฉันจะมีรถของตัวเองไม่ได้เหรอ”
เฉินเป่ยยิ้มเล็กน้อย “ผมนึกว่าคุณไม่ชอบรถซะอีก”
ซูเสี่ยวหยุนดวงตามีเสน่ห์ “ขึ้นรถแล้วค่อยว่ากัน”
รอจนเฉินเป่ยขึ้นรถแล้ว ซูเสี่ยวหยุนจึงพูดว่า “ฉันไม่ค่อยชอบขับรถด้วยตัวเอง ดังนั้นหลังจากกลับไปหัวเซี่ยแล้ว จึงอาศัยรถของเสี่ยวเยียน จะไปซื้อรถของตัวเองทำไม”
“ถ้างั้นรถคันนี้มาได้ยังไงล่ะครับ” เฉินเป่ยมีท่าทางสงสัย
“หลังออกจากร้านหม้อไฟฉันก็คิดว่าไม่มีรถคงไม่ได้ เลยไปซื้อมาคันหนึ่ง” ซูเสี่ยวหยุนมือตบพวงมาลัยเบาๆ พร้อมทั้งรอยยิ้มอันอ่อนโยนแต่ยังคงไว้ตัวเช่นเดิม
คำพูดนี้ของซูเสี่ยวหยุนชัดเจนว่าตั้งใจโอ้อวดอยู่หลายส่วน...รู้สึกว่าไม่มีรถคงไม่ได้...เลยไปซื้อเบนซ์มาคันหนึ่ง...หากคนธรรมดามาได้ยินซูเสี่ยวหยุนพูดอย่างนี้ คงเป็นลมไปแล้ว
แต่สีหน้าของเฉินเป่ยกลับไม่แยแส ราวกับไม่ถูกคำพูดของซูเสี่ยวหยุนทำให้ตกใจ พยักหน้าแล้วเข้าไปนั่งในรถ
ซูเสี่ยวหยุนเกิดจากครอบครัวที่ร่ำรวย อีกอย่างในตลาดธุรกิจระหว่างประเทศค่าตัวเธอก็สูงมาก การที่ซื้อรถเบนซ์คันหนึ่ง สำหรับเธอก็เป็นแค่เรื่องง่ายๆไปเลย
อีกอย่างที่เฉินเป่ยใจเย็นก็คือ ก็แค่เบ็นซ์หนึ่งคัน ไม่เข้าตา เฉินเป่ยซะด้วยซ้ำ
เบนซ์รุ่นลิมิเต็ดทั่วโลกทุกคัน เฉินเป่ยมีหมด...จอดอยู่ในโรงรถใต้ดินในวิลล่าที่เบลเยี่ยม
เทียบกับเบนซ์รุ่นลิมิเต็ดราคาสูงหาซื้อยากพวกนั้น รถเบนซ์ธรรมดาที่ซูเสี่ยวหยุนซื้อ ดูด้อยค่าลงไปไม่น้อย
เมื่อกลับมาถึงอาคารตระกูลหลี เฉินเป่ยกับซูเสี่ยวหยุนก็ลงจากรถ เพิ่งจะมาถึงอาคารตระกูลหลี จากนั้นก็ขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนสุด ก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกดังมาแต่ไกล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สายเปย์เบอร์หนึ่ง