สายเปย์เบอร์หนึ่ง นิยาย บท 46

บทที่ 46 ผมให้คุณไปแล้วงั้นหรือ

สายตาเยาะเย้ยมองมาที่เฉินเป่ย เฉินเป่ยยังคงไม่มีท่าทีเปลี่ยนแปลง แต่ดวงตาสวยของหลีชิงเยียนแดงก่ำเต็มไปด้วยความโมโห เธอมองเฉินเป่ยด้วยความเย็นชา กัดฟันกรอด ...เธอคิดว่าการพาผู้ชายคนนี้มาร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้คือความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่

คุณชายหลีจับจ้องเฉินเป่ย และค่อยๆพูดออกมาว่า “คุณเฉิน คุณไม่เคยซื้อเพชรให้คุณหลีเลยหรือ...หรือคุณไม่รู้ว่าเพชรคืออะไร?”

เฉินเป่ยหรี่ตาลงเล็กน้อย แววตามีประกายความดุดัน... คุณชายหลีกำลังเยาะเย้ยเขา...ไม่รู้แม้กระทั่งเพชรคืออะไร?

มีคนไม่น้อยที่ยิ้มหัวเราะเยาะ สำหรับพวกเขาแล้วเรื่องที่เฉินเป่ยไม่รู้แม้กระทั่งเพชรคืออะไร มันเป็นเรื่องปกติมาก เพราะเพชรถือว่าเป็นของเล่นของคนในสังคมชั้นสูง ไม่ใช่ของที่เขาจะสัมผัสและนำมาโอ้อวดได้ง่ายๆ

“นี่ก็ไม่ใช่เพชรชั้นยอดอะไร ทำไมผมต้องตื่นเต้นด้วย?” เฉินเป่ยยิ้มเบาๆและโต้กลับอย่างไร้ความปราณี

ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้ บรรยากาศภายในห้องเหมือนถูกแช่แข็ง ทันใดนั้นแสงเยือกเย็นอันริบหรี่ก็ฉายเข้ามาในดวงตาของคุณชายหลีจนทำให้คนกลัว!

คุณชายหลีจ้องมองเฉินเป่ยด้วยแววตาอันล้ำลึก หลังจากนั้นไม่นานคุณชายหลีก็แสยะยิ้ม “คุณเฉิน ถ้านี่ไม่ใช่เพชรชั้นยอด อย่างงั้นเพชรชั้นยอดคืออะไรล่ะ?”

“เฉินเป่ยก้มศีรษะลง เขามองไปที่เพชรสีแดงสดประกายแวววาวและพูดช้าๆ “เพชรโลหิตงั้นหรือ? นี่มันเพชรโลหิตกับผีน่ะสิ!”

พรึบ!

ทันทีที่เฉินเป่ยพูดออกมา ทั้งห้องต่างเงียบเสียงลง ทุกคนมองไปที่เฉินเป่ยด้วยสายตาดูถูกยิ่งขึ้น

“นายบอกไม่ใช่ก็ไม่ใช่งั้นสิ นายอายุเท่าไหร่กันเชียว!”

“นี่คือเพชรโลหิตที่คุณชายหลีไปประมูลมาจากแอฟริกาใต้ที่เคยโด่งดังเมื่อสามปีก่อน หรือนายกำลังหมายความว่าคุณชายหลีเอาของปลอมให้ประธานหลีงั้นหรือ?”

“นี่มันหาเรื่องชัดๆ ก็เป็นแค่ไอ้บ้านนอกคนหนึ่ง ประธานหลีเรียกรปภ.มาลากตัวมันออกไปเถอะ”

มีคนพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน

ภายในใจหลีชิงเยียนเริ่มอึมครึม “ของขวัญที่คุณชายหลีให้มาไม่น่าจะใช่ของปลอม นายอย่าพูดซี้ซั้ว”

คุณชายหลียิ้มและหัวเราะอย่างดุเดือด “น่าสนใจ...น่าสนใจ...ฉันอุตส่าห์ใช้เงินไปกว่าหมื่นดอลลาร์ประมูลมันมาเพื่อรอยยิ้มของสาวสวยคนหนึ่ง แต่ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะได้เปิดหูเปิดตามีคนมาบอกว่ามันเป็นของปลอม คุณเฉิน...ผมขอชื่นชมจินตนาการอันล้ำลึกของคุณ”

เฉินเป่ยเงยหน้า น้ำเสียงของเขาเรียบเฉยราวกับว่าเขากำลังอธิบายความจริง “เพชรโลหิตในงานประมูลครั้งนั้นที่แอฟริกาใต้เมื่อสามปีก่อนเป็นของจริง ส่วนเม็ดนี้ของคุณเป็นของปลอม”

“คุณเฉิน เพชรเม็ดนี้ผ่านการประเมินโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับมาแล้ว” คุณชายหลีพูดเป็นเชิงเตือน มีแววตาขบขันซ่อนอยู่ในนั้น

“หลังจากขุดเพชรออกมาจากหินหยาบแล้ว พวกเขาอาจพบเพชรหลากสี และเพชรหลากสีก็เป็นเพชรหายาก อาจทำให้เกิดสถานการณ์อื่นซึ่งนั่นก็คือ...เพชรแม่ลูก” เฉินเป่ยค่อยพูดออกมา หลีชิงเยียนหรี่ตามอง ผู้ชายคนนี้พูดจาฉะฉานจนเธอเกือบจะเชื่อไปแล้ว

“เพชรแม่ลูก...ทำไมฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน ฉันอยู่ในวงการอัญมณีมาตั้งหลายสิบปีไม่เคยได้ยินคำว่า “เพชรเเม่ลูก” เลยสักครั้ง” ท่านประธานบริษัทอัญมณีพูดในเชิงดูถูก เขาอยากฉีกคำพูดโกหกของเฉินเป่ย

“เพชรแม่ลูกมีถิ่นกำเนิดมาจากแอฟริกาใต้ ผู้เชี่ยวชาญด้านอัญมณีหลายท่านที่อยู่ต่างประเทศก็เคยพูดถึงเพชรแม่ลูกเป็นการส่วนตัวด้วยเช่นกัน ทำไมคุณถึงไม่เคยรู้มาจนถึงตอนนี้งั้นหรือ...หนึ่งคือเพชรแม่ลูกปรากฏให้เห็นเพียงน้อยนิด สองคืออัญมณีที่อยู่บนตัวคุณรวมกันยังไม่ถึงล้าน ซึ่งมูลค่าไม่ไม่อาจเทียบเท่ากับเพชรแม่ลูกแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว เมื่อเป็นแบบนี้คุณสมควรรู้ไหม?” เฉินเป่ยกวาดสายตามองท่านประธานคนนั้นด้วยแววตาชั่วร้าย ท่านประธานคนนั้นถึงกับตัวสั่น

สายตาเฉินเป่ยดูชั่วร้ายเกินไป เขามองไปที่ท่านประธานคนนั้นจนทำให้ท่านประธานเกิดความรู้สึกที่ว่าไม่มีอะไรสามารถปิดบังเฉินเป่ยได้

“น่าสนใจ...พูดต่อสิ” คุณชายหลียิ้มอย่างไม่ลดละ มองไปที่เฉินเป่ยด้วยความสนใจ คำพูดเหล่านั้นของเฉินเป่ยทำให้เขาสนใจอยู่ไม่น้อย

“ครั้งหนึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านอัญมณีเหล่านั้นเคยคาดเดาไว้ว่า...มีเพียงเพชรชั้นยอดอย่างเพชรโลหิตเท่านั้นถึงจะสามารถกำเนิดขึ้นในเพชรแม่ลูกได้ และคุณสมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเพชรแม่ลูกก็คือเพชรเเม่กับเพชรลูกมีความคล้ายคลึงกันมาก โดยเพชรลูกจะต่างกันแค่ปริมาตรมีขนาดเล็กและความบริสุทธิ์ต่ำกว่าเพชรแม่เล็กน้อย” เฉินเป่ยพูดออกมาอีกประโยคหนึ่งว่า “นี่เป็นเพียงเพชรลูก แต่ในงานประมูลที่แอฟฟริกาใต้เป็นเพชรแม่ซึ่งจะมีรูปร่างใหญ่กว่านี้”

“คุณชายหลี ตอนนั้นคุณไม่ได้ไปงานประมูลมานี่ มูลค่าสูงเสียดฟ้าเสียขนาดนั้น เกรงว่าหลังประมูลเสร็จคงโดนคนฉวยกระเป๋าไปแล้ว” เฉินเป่ยมองคุณชายหลี

คุณชายหลีไม่ได้ตอบในทันที แต่มองไปที่เฉินเป่ยด้วยแววตาล้ำลึกราวกับต้องการจดจำรูปร่างหน้าตาของเขาให้ได้ จากนั้นก็เริ่มปรบมือให้ “วิเศษมาก เรื่องที่คุณเฉินเล่ามาสุดยอดมากจนผมเกือบจะเชื่อเเล้วเชียว”

เฉินเป่ยเม้มริมฝีปากและดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย "ผมไม่ได้ล้อเล่น"

“คุณเฉิน ถ้าผมไม่ได้ไปที่สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับ เกรงว่าผมจะเชื่อที่คุณพูดจริงๆแล้ว แต่อย่างไรผลการรับรองจากทางสถาบันก็ออกมาแล้วว่านี่เป็นเพชรโลหิตของเเท้” คุณชายหลียิ้มจางๆแต่เหมือนกำลังเยาะเย้ย “คุณเฉิน ด้วยพรสวรรค์การพูดของคุณ น่าเสียดายจริงๆที่เป็นได้แค่คนขับรถ”

เฉินเป่ยเม้มปาก “ก็แล้วแต่จะเชื่อ”

“เพชรเม็ดนี้คุณชายหลีก็นำไปตรวจสอบที่สถาบันอัญมณีมาแล้ว แน่นอนว่าต้องเป็นของจริง เขาก็เป็นแค่คนขับรถจะเข้าใจอะไร น่าขายหน้าจริงๆ”

“คนขับรถของประธานหลี เขายังจะเสแสร้งได้อีก เพชรแม่ลูกงั้นหรือ ฉันเคยเห็นเพชรมานับไม่ถ้วนและฉันไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน”

“ก็แค่คนขี้โกหก คาดว่าประธานหลีก็คงโดนเขาปั่นหัวหลอกอยู่แน่ๆ”

ทันใดนั้นบรรยากาศเต็มไปด้วยความน่ากระดากอาย เฉินเป่ยไม่ได้อธิบายอะไร ไม่รู้ว่าคุณชายหลีนำเพชรเข้าไปตรวจสอบที่สถาบันอัญมณีมาหรือไม่ แต่ที่รู้ก้คือคุณชายหลีไม่ได้ไว้หน้าเขาเลยสักนิด

ในขณะนี้หลีชิงเยียนซึ่งไม่ได้ส่งเสียงมานานก็เริ่มปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เธอยิ้มพลางยกแก้วไวน์ขึ้น “คุณชายหลี ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ ฉันขอดื่มให้คุณ”

ใบหน้าที่ทั้งสวยและมีเสน่ห์ของหลีชิงเยียนกำลังส่งยิ้มให้ เป็นการยากที่ผู้ชายจะปฏิเสธลงได้ คุณชายหลียิ้มและชนแก้วกับเธอ บรรยากาศที่น่าอึดอัดและตึงเครียดได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วโดยการริเริ่มของท่านประธานสาวที่ออกปากแก้สถานการณ์

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สายเปย์เบอร์หนึ่ง