บทที่ 51 สิ่งที่ผมมีคือเงิน
“นายเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะ?”
ตั้งแต่ต้นจนจบ หลีชิงเยียนได้แต่อึ้งตะลึง รับฟังเสียงพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์ของคนในงาน จนทำให้หล่อนตกใจจนคิดอะไรไม่ออก!
หล่อนเหม่อมองดูเฉินเป่ย จนทำอะไรไม่ถูก จากนั้นพูดด้วยความร้อนใจ “ถ้าไม่มีเงินก็รีบบอกมา ฉันจะได้โทรบอกให้พ่อโอนเงินมาให้”
เฉินเป่ยยิ้มเล็กน้อย พูดขึ้น “สบายใจได้ ประธานหลี ผมมีเงิน”
ไม่นานนัก พนักงานเดินเข้ามา ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องมองมาของทุกคน เฉินเป่ยหยิบบัตรเครดิตออกมาจากกระเป๋า จากนั้นรูดบัตรจ่ายให้ทันที
เสียงดังกังวาลขึ้น หลีชิงเยียนฟังเสียงเตือนโอนเงินสองร้อยล้าน จนตัวสั่นเทาไปหมด...ใบหน้ารูปไข่อันงดงามเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ...ไอ้หมอนี่ มีเงินเยอะขนาดนี้เชียวเหรอ!
เป็นไปได้อย่างไร! ขนาดเงินใช้จ่ายเพียงไม่กี่ร้อยยังต้องขอยืมตัวเอง...ทำไมเขาถึงมีเงินสองล้านได้!
สีหน้าของหลีชิงเยียนเต็มไปด้วยความสับสน หันไปมองเฉินเป่ยด้วยความสงสัย จนพูดไม่ออกไปทันที!
หลังจากที่จ่ายเงินสองร้อยล้านสำเร็จ พนักงานค่อยๆนำกล่องอันสวยงามเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลีชิงเยียน ยื่นกล่องที่อยู่ในมือให้ พร้อมยิ้มพูดขึ้น “ชิงเยียน เชิญรับของครับ”
เมื่อหลีชิงเยียนเปิดกล่องออกมา มองดูสร้อยคริสตัลที่วางอยู่ภายในกล่อง สายตาเบิกโตเป็นประกาย เหม่อมองจ้องสร้อยเส้นนั้นอยู่เนิ่นนานอย่างไม่ละสายตา
ซูเสี่ยวหยุนที่นั่งอยู่ด้านเห็นท่าทางของหลีชิงเยียนเช่นนั้น จึงยิ้มขึ้น ใช้แขนผลักหล่อนเล็กน้อย พูดด้วยเสียงแหบแห้ง “เสี่ยวเยียน รีบใส่ดูสิ”
“ไม่ ฉันไม่ใส่” หลีชิงเยียนรีบตอบกลับ ราวกับความฝัน เพียงแค่รู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่เหมือนเรื่องจริง
“ทำไม นี่ถึงเป็นสิ่งที่เขาจ่ายเงินไปสองร้อยล้านเพื่อประมูลให้เธอ” ซูเสี่ยวหยุนขมวดคิ้วพูดขึ้น
“ใช่สิ ผมซื้อให้คุณเป็นพิเศษเลยนะ รับไว้เถอะ” เฉินเป่ยพูดเอาอกเอาใจ
“ไม่ ฉันไม่เอา” หลีชิงเยียนพูดด้วยความตั้งใจ ดื้อดันอย่างไม่เคยพบเคยเจอ
เฉินเป่ยพูดไม่ออกขึ้นมาทันที เขาจะไปคาดคิดได้เช่นไรว่าจู่ๆ หลีชิงเยียนไม่อยากได้สร้อยเส้นนี้แล้ว...นี่เป็นสิ่งที่เขาสละเงินถึงสองร้อยล้านประมูลมาให้ แต่ไม่เอาก็ไม่เอาง่ายๆแบบนี้เลยงั้นรึ!
เรื่องแค่นี้ไม่สมควรจะมาเสียดายเงิน!
“รีบติดต่อพนักงานคืนของเถอะ” หลีชิงเยียนกล่าว
“อย่าสิ ชิงเยียน ผมจ่ายเงินไปแล้ว ประมูลมาแล้วไม่รับคืน คุณเคยเห็นงานประมูลที่ไหนที่จ่ายเงินแล้วยังคืนของได้?” เฉินเป่ยหัวเราะ
“ยังไงฉันก็ไม่เอา นายให้เสี่ยวหยุนสิ ถ้าหล่อนไม่เอา นายก็เก็บไว้เอง” ไม่ว่าเฉินเป่ยจะพูดยังไง หลีชิงเยียนไม่ยอมฟังแม้แต่น้อย
“ว้าว นี่คือประธานหลีผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองหู้ไห่ไม่ใช่เหรอ?” ทันใดนั้น มีเสียงดังขึ้นมาจากทางด้านข้าง
หลีชิงเยียนเหลือบมองตามไปดู เห็นหญิงสาววัยกลางคนสวมชุดสีทองส่องสว่างเป็นประกาย กำลังเดินตรงเข้ามาหาหลีชิงเยียน
หลีชิงเยียนขมวดคิ้วขึ้น เฉินเป่ยตกใจตะลึง ถามขึ้น “ประธานหลี คุณรู้จักคนแบบนี้ด้วยเหรอ?”
“หวูยู่ หนึ่งในตระกูลเศรษฐีในเมืองหู้ไห่ ความสามารถแข็งแกร่ง สามีของหล่อนชอบคุยกับผู้หญิง เลี้ยงเมียน้อยไว้นอกบ้านหลายคน” หลีชิงเยียนกัดฟันพูดขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง
“คุณนายหวู” หลีชิงเยียนพยักหน้าลงเล็กน้อย ทักทายด้วยเสียงแหบแห้ง
“คุณหลี คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะมางานแบบนนี้ด้วย ฉันมักจะได้ยินมาว่าคุณหลีไม่ชอบงานรื่นเริง รักสันโดษ คาดไม่ถึงว่าเธอจะสนใจงานสังคมเช่นนี้ด้วย ” สายตาของหวูยู่มองตรงไปที่กล่องอัญมณีสีคราม ด้วยความโลภ
“คุณนายหวู ถ้าคุณชอบ ของสะสมชิ้นต่อๆไป ก็ไม่เลวเลยเช่นกัน” หลีชิงเยียนพูดด้วยเสียงนิ่งเรียบ
“เมื่อครู่เหมือนฉันได้ยินว่าเธอไม่อยากได้ของสิ่งนี้? งั้นให้ฉันแทนดีกว่าไหม” หวูยู่พูดด้วยน้ำเสียงแปลกประหลาด เสียงของดังมากจนหลายคนหันมามอง
หลีชิงเยียนขมวดคิ้ว “คุณนายหวู ของสะสมชิ้นนี้ ฉันต้องใช้ค่ะ ขอโทษที่ทำให้คุณนายหวูต้องผิดหวังนะคะ”
หวูยู่หัวเราะอย่างเยือกเย็น พูดขึ้น “จะใช้ประโยชน์อะไรได้ ถ้าไม่ได้จริงๆ ฉันซื้อต่อได้นะ สามล้าน”
เฉินเป่ยหรี่ตาลง หวูยู่ตั้งใจก่อเรื่องแน่นอน สามสิบล้าน ต่ำกว่าราคาประมูลมาก!
มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะซื้อขายกับหล่อน!
หลีชิงเยียนส่ายหน้า พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “คุณนายหวู ไม่ว่าเท่าไหร่ฉันก็ไม่ขาย นี่เป็นของที่คนขับรถของฉันประมูลได้ คุณต้องไปคุยกับเขาเอง”
เมื่อหลีชิงเยียน หันหลังกลับไป เดินตรงไปที่ประตูหน้างานทันที
แต่ทันใดนั้น หวูยู่กลับหัวเราะเย้ย พูดตะโกนขึ้น “เสแสร้งอะไรกันนักหนา คนขับของประธานจะมีเงินเป็นร้อยล้าน? เพราะตัวเองอยากได้ไม่ใช่เหรอ อยากแสร้งทำตัวให้ดูสูงส่ง จึงให้คนขับรถประมูลแทน ทำเรื่องไม่ดีแล้วโยนให้คนอื่น น่าสมเพชจริงๆ ”
หลีชิงเยียนหยุดชะงัก ค่อยๆหันหลังไปมองหวูยู่ด้วยสีหน้าเย็นชา จากนั้นถามขึ้นด้วยท่าทีสงสัย “คุณนายหวู ให้เกียรติกันด้วยค่ะ”
“ทำไมล่ะ ฉันพูดผิดงั้นเหรอ เธอมันคนชั้นต่ำ เรื่องที่มายุ่งกับสามีของฉัน ฉันยังไม่จัดการเธอเลยนะ” หวูยู่ยกมือท้าวสะเอว พูดเย้ยขึ้น
หลีชิงเยียนมองหวูยู่ด้วยสายตาอันเยือกเย็นนิ่งขรึม “คุณนายหวู พูดอะไรต้องรับผิดชอบด้วยนะคะ สามีของคุณเป็นฝ่ายทำตัวเอง ตอนนั้นคนทั้งบริษัทเห็นเหมือนกันหมดค่ะ”
“เธอใส่ชุดตุ้งติ้งขนาดนั้น เหมือนกับสุนัขจิ้งจอก สามีของฉันจะเข้าหาเธอ? ” หวูยู่พูดพลาง ยกมืออันหนาใหญ่ขึ้นมาตบไปที่หน้าของหลีชิงเยียนอย่างจัง
ซูเสี่ยวหยุนที่อยู่ด้านข้าง ตกใจชะงัก หล่อนอยากเข้าไปช่วยหลีชิงเยียน แต่กลับสายไปแล้ว!
สายตามากมายของผู้คนรอบข้างหันมาให้ความสนใจอย่างมาก ประธานหลีแห่งเมืองหู้ไห่ ถูกสาวเศรษฐีรุ่นใหญ่ตบหน้า ทั้งสองทะเลาะกัน ช่างดูน่าสนใจกว่าผู้ชายเสียอีก
แน่นอนว่ายังมีคนมากมายอยากที่เห็นหลีชิงเยียนทะเลาะตบตีจนหัวกระเซิง ไม่รักษาภาพพจน์อีกต่อไป
แต่ในขณะที่หวูยู่ตบหล่อนไปหนึ่งครั้ง จู่ๆมีเงามืดที่อยู่ข้างหลีชิงเยียนลงมืออย่างรวดเร็วราวฟ้าแลบ!
“เพี้ยะ!”
เสียงตบหน้าดังกังวาน ภาพที่ทุกคนต่างพากันเฝ้ารอกลับไม่ปรากฏตัวออกมา หลีชิงเยียนยืนอยู่ที่เดิม แต่หวูยู่กลับต้องเซถอยหลังไปหลายก้าว!
หวูยู่จับหน้าตัวเอง ใบหน้าที่ปัดแก้มไว้เยอะ บวมเป่งขึ้นมาเป็นสีแดงก่ำ!
สายตาของทุกคนหยุดชะงัก มองไปที่ใบหน้าของหวูยู่ ภาพที่ปรากฏขึ้นกลับเป็นแผลรอยเท้าสีแดงสด!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สายเปย์เบอร์หนึ่ง