บทที่65 ขอรับการรักษา
ไม่เพียงแค่หลีเช่าเทียน แม้แต่ป้าใหญ่ป้าสองเองก็นิ่งอึ้งไปตามๆกัน มองอึ้งไปยังเฉินเป่ย จากนั้นก็หลุดเสียงหัวเราะอย่างขบขันกันออกมา
“ฉันเคยเจอคนที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ แต่ก็ไม่เคยเห็นใครที่อุกอาจไม่คิดชีวิตขนาดนี้มาก่อน เกรงว่าก็คงไม่รู้แม้แต่คำว่าตายเขียนยังไงล่ะมั้ง” ป้าใหญ่เอ่ยออกมาด้วยคำพูดที่ฟังดูคลุมเครือ
“ไอ้พวกคนชั้นต่ำ พอกันทั้งคู่ ตายไปก็ไม่สาสมกับสิ่งที่ได้ทำไปเลยแม้แต่น้อย เช่าเทียน จัดการให้พวกมันไปเจอยมบาลเสียเถอะ” ป้าสองเอ่ยเหน็บแนมออกมา
หลีชิงเยียนมีสีหน้าสิ้นหวังออกมา วันนี้เธอไม่หวังที่จะมีชีวิตเดินออกไป ยังดีที่ตอนมาเธอได้เตรียมตัวเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
ร่างบางของหลีชิงเยียนสั่นออกมาไม่หยุด...สายตาของเฉินเป่ยกวาดมองออกไปยังเหล่าการ์ดพวกนั้น ไม่สะทกสะท้านต่อรังสีความโหดร้ายน่ากลัวของคนกลุ่มนั้นเลยแม้แต่น้อย
“หวา โอ้อวดเสียใหญ่โตเชียวนะ คิดจะใช้คนพวกนี้มาฆ่าฉัน? ฝันหรอ?” เฉินเป่ยยกยิ้มเย็นออกมา
“กำจัดเศษสวะอย่างแกไปคนหนึง ก็เพียงพอแล้ว” หลีเช่าเทียนยกยิ้มเหยียดหยามออกมา บนใบหน้าของเขาประดับไปด้วยความทะนงตัวพร้อมทั้งรังสีฆ่าฟันออกมา “มันขึ้นอยู่ที่แกแล้วว่าถ้าแม้แต่การ์ดที่มือเปล่าไร้อาวุธคนหนึงของฉันยังสู้ไม่ได้ แก ก็คงไม่พ้นมดตัวนึงเท่านั้น...”
ภายในห้องรับประทานอาหารตกอยู่ในความเงียบ ทุกสายตามองมายังร่างของเฉินเป่ย ล้วนเต็มไปด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม กับคำพูดของคุณชายหลีพวกเขาเห็นด้วยอย่างแน่นอน...ต่อหน้าคุณชายหลีบุคคลผู้สูงส่งเหนือชั้นแห่งเยี่ยนจิง เฉินเป่ยเป็นเพียงแค่มดตัวนึงอย่างแท้จริง
“มด?” เฉินเป่ยค่อยๆพ่นควันบุหรี่ออกมา มองไปยังรอยยิ้มดูถูกของคุณชายหลี ทันใดนั้น เขาก็ก้าวขาออกไป จากนั้นก็กลายเป็นภาพติดตาชั่วขณะ ที่ได้ปรากฏออกมาตรงหน้าคุณชายหลีไปในทันที!
ความเร็วของเฉินเป่ยนั้นเร็วมากจริง ๆ คุณชายหลียังไม่ทันได้เตรียมรับมือเลยด้วยซ้ำ เฉินเป่ยก็ได้ฝ่าการ์ดชุดดำมาเป็นที่เรียบร้อย ด้วยความเร็วที่เรียกได้ว่าน่ากลัวเลยทีเดียว!
สีหน้าของคุณชายหลีเปลี่ยนไปในทันที เฉินเป่ยสูดหายใจเข้าเต็มปอด แววตานิ่งแข็ง ฝ่ามือจู่โจมไปอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้า!
“เพี๊ยะ!”
ฝ่ามือที่ตบลงมาของเฉินเป่ยเหมือนดั่งมีด ที่จู่ๆก็ฟาดผ่าเข้ามา! ฟาดลงไปบนไหล่ของคุณชายหลีอย่างแรง! ร่างของคุณชายหลีสั่นออกมา เซถอยไปข้างหลังอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่ เหมือนกับมีฟ้าผ่าเข้ามา!
“แก...” สีหน้าของคุณชายหลีเปลี่ยนไปทันที อวัยวะภายในทั้งร่างของเขาได้รับการกระทบกระเทือนจนเกิดอาร์ฟเตอร์ช็อกอย่างแรงขึ้นมา ค่อยๆถอยหลังไปติดผนังเรื่อย ๆ!
ทุกคนในห้องรับประทานอาหารแห่งนั้นอึ้งตะลึงกันไปตามๆกัน ป้าใหญ่ป้าสองนิ่งเอ๋อไปโดยสมบูรณ์ หลีเซิ่งก็ยิ่งตกตะลึงอ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูก พูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ!
คุณชายหลีแห่งเยี่ยนจิงผู้ยิ่งใหญ่ นึกไม่ถึงเลยว่าจะต้องมาถูกจู่โจมแบบนี้! นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคนกล้าจู่โจมเขา! การ์ดชุดดำจำนวนนับไม่ถ้วนรีบบุกกันเข้ามาประคองร่างของคุณชายหลี แต่บรรยากาศนั้นเยือกเย็นเกินคำบรรยาย เงียบเหมือนป่าช้า! ให้ความรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก!
ลูกรักสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเยี่ยนจิง นึกไม่ถึงเลยถูกคนจู่โจมที่เมืองหู้ไห่! ถ้าเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไป จะต้องสะเทือนไปทั่วเยี่ยนจิงแน่!
แต่เฉินเป่ยก็มีแววตาที่เรียบนิ่งออกมา จดจ้องไปยังคุณชายหลีอย่างเย็นชา แววตาลึกซึ้งยากเกินที่จะหยั่งลึกไม่มีวอกแวกออกมาเลยแม้แต่น้อย
เดิมเขาไม่อยากลงมือต่อหน้าสายตาผู้คนมากมาย กังวลว่าจะเป็นการเปิดเผยสถานะออกไป แต่ก็เหลืออดกับหลีเช่าเทียนผู้นี้แล้ว รังแกคนอื่นมากไปแล้ว!
ถึงขนาดที่รังแกไปยังหลีชิงเยียน หลีชิงเยียนเป็นภรรยาของเขา...เป็นขีดจำกัดของเขา! เขาไม่มีทางยอมให้มีผู้ชายคนอื่นกล้ามารังแกหลีชิงเยียนได้!
หลีเช่าเทียน ได้ทำเกินไปแล้ว การล่อลวงแกมบังคับในตอนแรก...จนถึงการเรียกคนเข้ามาฆ่าคนอื่น...เล่นสกปรกขึ้นมาเรื่อย ๆ กระทำออกมาอย่างกำเริบเสิบสานอย่างไม่ลดละ ราวกับเมืองหู้ไห่แห่งนี้เป็นเหมือนบ้านของเขาไม่มีผิด ที่จะยังกระทำการอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายออกมาได้!
“อยากตาย!” สุดท้ายหลีเซิ่งก็ลุกขึ้นมา ตวาดใส่การ์ดพวกนั้นอย่างไม่พอใจ “จับพวกมันมาให้ฉัน กล้าทำร้ายลูกของฉัน ไม่อาจอภัยให้ได้!”
คุณชายหลีมองจ้องไปยังเฉินเป่ย นัยน์ตาเผยความว่างเปล่าล้ำลึกออกมาเรื่อย ๆ...เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนสามารถโจมตีคนอื่นให้ถอยไปหลายเมตรได้ด้วยฝ่ามือเดียว!
ทุกคนภายในห้องรับประทานอาหารแห่งนี้ตกอยู่ในอาการตกตะลึงกันไปเป็นที่เรียบร้อย มองอึ้งไปทางเฉินเป่ย จนแทบจะดูโง่งมเต็มที!
เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นว่ามีคนกล้าโจมตีคุณชายหลี ช่างเป็นการพลิกฟ้าจริง ๆ!
เป็นการก่อกบฏ!
เฉินผิงมองจ้องไปยังหลีเช่าเทียนด้วยแววตาเย็นชา “ ฉันบอกแล้วไงว่าเศษสวะอย่างพวกแก ขวางฉันไว้ไม่ได้หรอก”
เพียงชั่วพริบตาเดียวกันนั้น การ์ดจำนวนมากพวกนั้นเกิดอาการเดือดดาลกันขึ้นมา พากันมองไปทางเฉินเป่ย ด้วยแววตาอันดุเดือด จิตสังหารแผ่ออกมาไม่หยุด!
พวกเขา...ถูกหยามเข้าแล้ว?!
เฉินเป่ยคุยโวไม่ให้เกียรติออกมา พวกเขาเป็นการ์ดที่เก่งกาจเป็นอันดับต้นๆ แต่เขากลับพูดออกมาว่า...เศษสวะ!
“กำจัดคู่หมาผัวเมียคู่นี้ซะ!” ทันใดนั้น ป้าสองของหลีเช่าเทียนตะโกนออกมา
“แกรกๆๆ...” เสียงการบรรจุกระสุนดังขึ้นมาเรื่อย ๆ การ์ดเหล่านี้เตรียมปืนพร้อมโจมตี จากนั้นก็กดเปิดนกปืนกัน โหลดกระสุนกันเป็นที่เรียบร้อย! ปืนแต่ละกระบอกเล็งไปทางเฉินเป่ยและหลีชิงเยียน บรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นดินปืนลอยคละคลุ้งเต็มไปหมด!
“หยุด!” ในทันใดนั้น เสียงที่ฟังดูมีอายุแต่ไม่ทิ้งความสง่าน่าเกรงขาม ดังออกมาจากด้านนอกคฤหาสน์หรู
ผู้เฒ่าที่มีกำลังวังชาแข็งแรงดีท่านหนึ่งก้าวมาจากด้านนอกตัวคฤหาสน์หลังหรู มือทั้งสองไขว้หลังเอาไว้ ในสีหน้าที่นิ่งเรียบนั้น ยังแฝงไปด้วยความน่าเกรงขามเผยออกมา ร่างของเขาเต็มไปด้วยออร่าของความน่ากลัวที่รุนแรงแผ่กระจายออกมา
“ทำอะไรกัน เก็บปืนกลับไปให้หมด!” ผู้เฒ่าคนนั้นกวาดสายตาออกไปเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยออกมาช้าๆด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แต่กลับชัดเจนจนแทบไม่ต้องคาดเดาอะไร
หลีเช่าเทียนที่อยู่ข้างๆกันนั้น หลังจากที่เห็นท่าทางของหลีหงที่มีต่อเฉินเป่ยแล้วนั้น ส่วนลึกในแววตามีความสับสนก็ค่อยๆก่อตัวขึ้น...
“คุณพ่อ คุณพ่อไม่ได้อยู่ที่เยี่ยนจิงหรอ ทำไมถึงมีเวลามาที่หู้ไห่ได้?” หลีเซิ่งเอ่ยถามออกไป
“ได้ยินมาว่าเช่าเทียนจัดงานเลี้ยงครอบครัวกันที่นี่ ฉันก็เลยอยากมาดูสักหน่อย” หลีหงเอ่ยเสียงเรียบออกมา
“คุณปู่ นี่เกรงว่าคงไม่ใช่จุดประสงค์ของคุณปู่ล่ะมั้ง” รอยยิ้มของหลีเช่าเทียนแฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง
หลีหงมองหลีเช่าเทียนไปอย่างแปลกใจ จากนั้นหัวเราะเสียงดังพร้อมทั้งเอ่ยชมออกมา “นับวันเช่าเทียนนี่ยิ่งฉลาดขึ้นมาเรื่อย ๆเลยนะ ไม่เลว ฉันประกาศกับคนข้างนอกไปทั่วว่ากำลังพักฟื้นอยู่ที่บ้าน แต่ความจริงช่วงนี้ฉันอยู่ที่เมืองหู้ไห่มาโดยตลอด”
“อยู่ตลอด?” คนตระกูลหลีทุกคนตกตะลึงกันออกมา หลีหงอยู่ที่เมืองหู้ไห่...พวกเขาไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลยแม้แต่น้อย!
“ความลับของฉันก็คืออยู่ที่เมืองหู้ไห่ เพื่อจัดการเรื่องบางอย่าง เรื่องนี้คนที่รู้นั้นยิ่งน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี” เมื่อคำพูดของหลีหงหลุดออกมา ป้าใหญ่ก็ได้กวาดสายตามองไปยังเฉินเป่ย จากนั้นก็พูดออกคำสั่งออกไปว่า “เฉินเป่ย ยังไม่รีบรินน้ำชาเพื่อเคารพผู้อาวุโสอีกหรือไง?”
“เอ๊ะ ได้สิครับ” รังสีของความเดือดดาลจากร่างของเฉินเป่ยได้หายไปอย่างรวดเร็ว โน้มตัวลงไปรินชาให้กับหลีหงอย่างเต็มใจ
“คอแห้งแล้ว ดื่มชานั่งพักก่อนสักหน่อยนะครับ” เฉินเป่ยเอ่ยออกมา
“หุบปาก! ไอ้เด็กไม่ได้รับการสั่งสอน คุณปู่ของชิงเยียนเป็นผู้อาวุโส ไม่ต้องพูดอย่างสุภาพว่าเชิญดื่มชาหรือไง? ตั้งแต่เล็กจนโตไม่มีใครอบรมสั่งสอนแกหรือไง?” ป้าใหญ่เอ่ยเสียงเรียบออกมา
หลีชิงเยียนขมวดคิ้วออกมา ในตอนนี้แม้แต่คนโง่ก็ยังมองออกเลยว่า ป้าใหญ่กำลังถือโอกาสแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมา เพื่อพุ่งเป้าโจมตีเฉินเป่ย
เฉินเป่ยกวาดสายตามองป้าใหญ่ไปด้วยแววตาที่มีแฝงไปด้วยความหมายบางอย่าง ไม่มีการตอบโต้ เหมือนราวกับว่าไม่ได้สนใจกับคำพูดของป้าใหญ่อยู่ก่อนแล้ว
“ความจริงที่ฉันมาหู้ไห่ในครั้งนี้ เป็นเพราะว่าเพื่อนเก่าคนหนึงของฉันป่วยหนัก มีเวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว ฉันทำเรื่องขอรับการรักษาที่เยี่ยนจิงแล้ว แต่ก็จนปัญญา จึงทำได้แค่เพียงมาลองเสี่ยงดวงที่เมืองหู้ไห่ดู” หลีหงเอ่ยออกมา
“แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญในเยี่ยนจิงเองก็ยังรักษาไม่ได้ มาเมืองหู้ไห่ มันจะมีประโยชน์หรอ?” หลีเซิ่งอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมา
“ไม่เพียงแค่ที่เยี่ยนจิง แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของต่างประเทศและคุณหมอ ฉันก็ไปหามาหมดแล้ว แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้เลย” คำพูดของหลีหงหยุดชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็รีบเอ่ยออกไป “ภายหลังได้ยินมาว่าที่หู้ไห่แห่งนี้มีหมอเทวดาท่านนึง ก็เลยอยากแบกเอาความหวังอันริบหรี่เพื่อพยายามลองดูอีกสักตั้ง” หลีหงเอ่ยเสียงเนิบช้าออกมา
“หมอเทวดา? คงไม่ใช่เรื่องโกหกหรอกใช่มั้ยคะ?” หลีชิงเยียนยกมือขึ้นกอดอก นัยน์ตาสวยปรากฏแววตาของความสงสัยออกมา
“มีเพียงแค่วิธีนี้แล้ว เพื่อนเก่าของฉันคนนั้น เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ความหวังมันช่างเลือนราง” หลีหงทอดถอนหายใจออกมา
“เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว? ไม่ทราบว่าให้ผมลองดูให้หน่อยมั้ยครับ?” จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สายเปย์เบอร์หนึ่ง