บทที่71 งานเลี้ยงส่วนตัวหรูหราของคุณท่านถัง
หลีชิงเยียนจ้องมองเฉินเป่ยอยู่ ดวงตางามที่ใสแจ๋วเซ็กซี่ก่อหวอดซับซ้อน
“นายคิดแบบนี้จริงๆ เหรอ?” หลีชิงเยียนถามด้วยเสียงที่ดึงดูด
“แน่นอน ระหว่างคุณกับบ้านหลีเกิดอะไรขึ้นผมไม่รู้ แต่ว่าผมไม่สามารถทนมองเห็นพวกเขารังแกคุณเฉยๆ ได้” เฉินเป่ยยืดเอวตรง สีหน้าจริงจัง
สายตาทั้งสองพัวพันปะทะกันกลางอากาศ หลีชิงเยียนสีหน้านิ่งเฉย แต่ภายในใจสั่นเทาขึ้นมานานแล้ว
“ขอบใจนะ” สีหน้าหลีชิงเยียนเปลี่ยนมาเป็นซับซ้อน เอ่ยปากเสียงเบา
“ไม่เป็นไร นี่เป็นสิ่งที่ผมสมควรทำ” เฉินเป่ยโบกๆ มือ เอ่ยปากบอก
………
หลังจากที่เฉินเป่ยเดินออกจากอาคารตระกูลหลี ขี่จักรยานกลับมาถึงที่บ้าน เดินเข้ามายังห้องนอนที่ชั้นสอง ซูเหลยกำลังใช้ยาพักผ่อนรักษาแผลที่ได้รับบาดเจ็บ
“แผลเป็นยังไงบ้าง?” เฉินเป่ยถามด้วยความห่วงใย
“ยังดี” ซูเหลยชายตามองเขาทีหนึ่ง สีหน้าเย็นชาอยู่บ้าง
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” เฉินเป่ยพยักหน้า จากนั้นหมุนตัวเดินไปทางระเบียงทางเดิน
ทันใดนั้นซูเหลยก็ส่งเสียงเรียกเขาเอาไว้
เฉินเป่ยหมุนตัวกลับ มองเห็นหน้าหล่อเหลาของซูเหลยซีดขาวอ่อนแรง แต่ดวงตางดงามกลับเต็มไปด้วยความดุเดือด มองเขาอยู่แล้วถามว่า “ผมคุยกับคุณหน่อยได้รึเปล่า?”
เฉินเป่ยท่าทางอืดอาด จากนั้นยิ้มนิดหน่อย แล้วพยักหน้า “ได้แน่นอน”
รอเฉินเป่ยนั่งลงมา ซูเหลยถึงถามขึ้น “ฉันอยากถามคุณหน่อย ตอนนั้นที่คุณไปช่วยประธานหลีที่โรงแรม ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นเลยเหรอ?”
เฉินเป่ยพยักหน้า “ใช่ ผมเห็นแค่ทุกที่เป็นศพ พลิกค้นเกือบทั้งโรงแรม ถึงหาคุณกับประธานหลีเจอ ซึ่งคุณก็สลบไปแล้วด้วย”
“อย่างนั้นคุณคนเดียว ทำไมถึงช่วยพวกเราสองคนไว้ได้?” ดวงตาซูเหลยจ้องเฉินเป่ยโดยตรง ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ ซูเหลยอยากมองจากในตาของเฉินเป่ยว่าเขาโกหกหรือไม่
“ผมเรียกรถพยาบาล ส่งพวกคุณสองคนกลับมา แล้วจัดการช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วน” เฉินเป่ยพูดจบ ยิ้มพลางถามกลับ “ถามจบรึยัง?”
“ยังไม่จบ” ซูเหลยเอ่ยปากนิ่งๆ น้ำเสียงดุเดือดขึ้นมาฉับพลัน “คนกลุ่มนั้นที่ต่อสู้กับฉันฝีมือเก่งกาจมาก โดยเฉพาะฉันกล้ายืนยันได้ พวกเขาไม่ใช่คนหัวเซี่ย(ชื่อเรียกประเทศจีนในสมัยก่อน)”
เฉินเป่ยตะลึง “ทำไมถึงพูดแบบนี้?”
“พวกเขาควบคุมลมหายใจและเสียงได้ดีมาก ถ้าฉันไม่ได้มีความรู้สึกว่องไวต่อการดมกลิ่น ให้ตายยังไงก็ไม่มีทางรู้ ยิ่งอาวุธที่พวกเขาใช้ไม่ใช่อาวุธของหัวเซี่ย โดยเฉพาะฉันยังรู้จักอาวุธหนึ่งในนั้น” คำพูดซูเหลยชะงักไปเล็กน้อย มองทางเฉินเป่ย ก่อนจะพ่นเสียงออกมา “นั่นคือดาวกระจายของประเทศหมู่เกาะ”
“คุณมาพูดเรื่องนี้กับผมทำไม? ผมก็ไม่รู้” เฉินเป่ยมองซูเหลยอย่างแปลกประหลาดแวบหนึ่ง
“คุณไม่รู้จริงๆ เหรอ?” แววตาซูเหลยดุเดือดขึ้นมา สายตาราวกับมีดคมเล่มหนึ่ง เหมือนอยากจะมองภายในใจของเฉินเป่ยออกด้วยดวงตาของคู่หนึ่งของเขา
“คุณหมายความว่าอะไร? หรือว่าผมควรจะรู้เหรอ?” เฉินเป่ยพินิจพิเคราะห์ซูเหลยทีหนึ่ง ท่าทางโง่ทึ่มอย่างมาก
ซูเหลยดวงตาเย็นยะเยือก จ้องเฉินเป่ยอย่างหนาวเย็น “ตั้งแต่คุณแต่งงานกับประธานหลี เรื่องราวแปลกประหลาดที่ประธานหลีไม่เคยเจอมาแต่ไหนแต่ไรพวกนี้ล้วนเกิดขึ้นทั้งหมด……”
“คุณหมายความว่าคนประเทศหมู่เกาะพวกนั้นมาหาผม?” เฉินเป่ยส่งเสียงหัวเราะ
“ฉันไม่ได้พูดแบบนี้เลย คุณเป็นคนพูดเองนะ” ซูเหลยพึมพำอย่างเย็นชา
เฉินเป่ยยิ้มเรียบๆ ราวกับลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้ซูเหลยพูดอะไร หมุนตัวเดินไประเบียงทางเดิน ทิ้งประโยคหนึ่งไว้ “เรื่องที่ประธานหลีเจอในตอนนี้ใช้ประโยคหนึ่งมาอธิบายได้ก็คือคนไม่มีความผิด แต่ผิดที่ถือครองหยก ผมเป็นแค่ลูกเขยที่แต่งเข้าบ้าน เดือนหนึ่งได้รับค่าเลี้ยงดูไม่กี่หมื่นเอง บอดี้การ์ดซู บางครั้งก็อย่าให้พลังจินตนาการมีอานุภาพมากเกินไป”
ร่างทรงเสน่ห์ของซูเหลยสั่นเทา เฉินเป่ยเดินออกไปจากห้องนอนแล้ว
…………
ครึ่งเดือนต่อมา มีข่าวหนึ่งที่แพร่ออกมาจากสังคมไฮโซของเมืองหู้ไห่อย่างเร่งด่วน
ขุนนางชั้นใหญ่ท่านหนึ่งของพรรคการเมืองเยี่ยนจิงเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายได้ ไม่ว่าผู้เชี่ยวชาญจากเยี่ยนจิงและต่างประเทศจะทำอย่างไรล้วนไม่มีวิธีการ จนสุดท้ายถูกหมอวิเศษท่านหนึ่งของเมืองหู้ไห่ช่วยชีวิตไว้
ไม่นานผู้คนนับไม่ถ้วนก็อยากรู้อยากเห็นต่อหมอวิเศษท่านนี้มาก ตระกูลร่ำรวยที่สืบช่วงมาจากบรรพบุรุษในเมืองหู้ไห่บางส่วนค่อยๆ สอบถามถึงที่อยู่ของหมอวิเศษท่านนี้
ไม่มีใครสักคนเคยได้ยินว่าเมืองหู้ไห่มีหมอวิเศษปรากฏตัว
และตอนเช้าตรู่วันหนึ่ง รถโรลส์รอยซ์สีดำคันหนึ่งขับเข้ามาจากที่ไกลๆ นั้น ในที่สุดค่อยๆ จอดที่ข้างทางแล้ว
บนรถ มีผู้ชายใส่สูทสีเทาสองคนเดินลงมา เดินมาถึงหน้าประตูใหญ่ของคฤหาสน์หรู เอ่ยปากพูดกับบอดี้การ์ดอย่างเคารพ “รบกวนเรียนคุณหนูหลีชิงเยียนสักหน่อยว่าถังเต๋อเรียนเชิญ”
แวบหนึ่งประตูใหญ่คฤหาสน์ก็เปิดออก ผู้ชายทั้งสองคนเดินผ่านสวนดอกไม้ สุดท้ายเดินมาถึงหน้าคฤหาสน์หลังหนึ่ง
ประตูคฤหาสน์เปิดออก เฉินเป่ยที่ใส่ผ้ากันเปื้อน ในมือถือผ้าขี้ริ้วเปิดประตูออก กวาดตามองผู้ชายสองคนนั้น จากนั้นพูดขึ้น “เข้ามาเถอะ”
บนโซฟา เฉินเป่ย หลีชิงเยียนและซูเสี่ยวหยุน ทั้งสามคนฟังคำพูดของผู้ชายสองท่านจบ จมสู่การครุ่นคิด
“ชิงเยียน ไปมั้ย?” มุมปากเฉินเป่ยฉีกรอยยิ้มขึ้น มองทางหลีชิงเยียน
หลีชิงเยียนชายตามองเฉินเป่ย แล้วส่งเสียง “ช่างเถอะ” “คนอื่นเขาเชิญนาย ฉันจะไปทำอะไร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สายเปย์เบอร์หนึ่ง