บทที่75 วิกฤตบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป
เฉินเป่ยถอนหายใจนิดหน่อยทีหนึ่ง “ตอนแรกผมก็เคยบอกให้เขาใช้โสมสามตัวยืดชีวิต จะยังสามารถอยู่ต่อสิบปี ดูแล้วเขาไม่ได้ฟังผม……”
ผู้เฒ่าร่างกายสั่นเทา จ้องเฉินเป่ยไม่ขยับ คำพูดของเฉินเป่ย ทำให้เขาเข้าใจสถานะของเฉินเป่ยมาฉับพลัน
“เป็นคุณ! คุณคือผู้วิเศษท่านนั้น!” ผู้เฒ่าดวงตาทั้งคู่หดลง สายตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเข้มข้นและความไม่อยากเชื่อ
“พ่อเคยบอกกับผมว่าตอนนั้นหลังจากผู้วิเศษแนะนำเขาเสร็จ วินิจฉัยว่าเขาเหลือชีวิตเพียงห้าปีเท่านั้น……คิดไม่ถึงว่าคุณคือผู้วิเศษท่านนั้น!” ผู้เฒ่าพูดเสียงสั่น
ชั่วขณะนั้นสายตาที่ผู้เฒ่ามองทางเฉินเป่ยเปลี่ยนไป เขารู้อย่างชัดแจ้ง เวลานี้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนเอง ด้านวิชาการแพทย์มีความน่าเกรงกลัวเหนือธรรมชาติมากแค่ไหน!
ตอนบิดาของผู้เฒ่ามีชีวิตอยู่ก็ถูกขนานนามว่าเป็นฮัวโต๋น้อยทั้งหัวเซี่ย สามารถต่อสู้กับวิชาการแพทย์กับฮัวโต๋น้อย ได้น้อยนิดมาก
และในตอนนั้นการปรากฏตัวของผู้วิเศษท่านนั้น ชั่วขณะหนึ่งก็เปิดประตูใหญ่แห่งโลกใหม่ให้ฮัวโต๋น้อยแล้ว ในสายตาของฮัวโต๋น้อยนั้น ฝีมือในการรักษาของผู้วิศษ ได้แต่ใช้คำว่าลึกซึ้งคาดเดาไม่ได้มาอธิบาย
ถึงแม้ฝีมือการรักษาของฮัวโต๋น้อย พอเทียบขึ้นมากับผู้วิเศษ ยังคงเป็นความแตกต่างราวฟ้ากับดิน!!
ฝีมือการรักษาแบบนี้ ถึงแม้จะนำไปสู่สายตาต่างชาติ ก็ยากจะมีผู้เทียบได้!
สามารถพูดได้ว่าเป็นยมบาลเป็นๆ ราชาแห่งการรักษา!
เฉินเป่ยสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่สนใจอารมณ์ของผู้เฒ่า ก่อนจะถามว่า “ทำไม เขาไม่ยอมใช้โสมสามตัวยืดชีวิต ผมให้เขาไปแล้วเขาเอาไปทำอะไรกัน?”
ผู้เฒ่าถอนหายใจยาว ท่าทางเศร้าใจ “คุณพ่อ……นำโสมสามตัวนี้……ไปใช้ในการรักษาโรคทั้งหมดแล้ว……คนจนเหล่านั้นจ่ายค่ารักษาที่สูงขนาดนี้ไม่ไหว คุณพ่อเลยรักษาให้ฟรี……”
เฉินเป่ยสีหน้าแข็งนิดหน่อย ในสายตาประกายความเห็นใจ ทอดถอนใจ “เสียใจด้วย พ่อของคุณ สร้างสมบุญบารมีความดี พยาบาลผู้บาดเจ็บ ช่วยชีวิตคนใกล้ตาย ถือว่าอายุยาวแล้ว”
“ท่าน ยังดูโหงวเฮ้งเป็นด้วย?” ผู้เฒ่าพึ่งพูดออกมาแล้วก็เสียใจ
วิชาแพทย์ของเฉินเป่ยสูงขนาดนั้น ดูโหงวเฮ้งถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ทำไมถึงจะไม่เป็นกัน?
ดังนั้นตอนที่เฉินเป่ยเพียงแค่กวาดสายตามอง ก็วินิจฉัยอาการป่วยของถังเต๋อได้ ช่วยเหลือผู้เฒ่าแล้วเขียนใบสั่งยาที่สมบูรณ์แบบ
ผู้เฒ่ายังอยากคุยกับเฉินเป่ยอีกสักหน่อย กลับคาดไม่ถึงจะมีเสียงรองเท้าส้นสูงที่กังวานลอยมาจากด้านหลังไกลๆ ภาพร่างงามหยาดเยิ้มเข้ามาใกล้
“โอ้ ประธานหลี ทำไมคุณถึงเข้ามาแล้วล่ะ?” เฉินเป่ยมึนงงเล็กน้อย ยิ้มแย้มถาม
หลีชิงเยียนกวาดตามองเฉินเป่ยอย่างเมินเฉย เอ่ยอย่างนิ่งๆ “ฉันมาดูหน่อยว่าคนบางคนตายแล้วรึยัง”
เฉินเป่ยหัวเราะฮาๆ บอก “ประธานหลี คุณวางใจได้ นี่ผมไม่ใช่กำลังคุยถึงโรคของถังเต๋อกับประธานสมาคมอยู่เหรอ……”
“มีอะไรน่าคุยกัน โรคของคุณท่านถังไม่ใช่เกือบจะหายดีแล้วเหรอ?” หลีชิงเยียนกอดหน้าอกไว้ ตาคู่งามส่องทางเฉินเป่ย ซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายของคำถาม
“ฮ่าๆๆ……” เฉินเป่ยหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน เขามองเห็นหลีชิงเยียนหน้าราวกับเกล็ดน้ำแข็งเย็น ในใจแอบคิดว่าซวยแล้ว แม่เสือกำลังจะแสดงอำนาจบารมีแล้ว
เดาว่าเป็นตนเองที่ทิ้งเธอไว้ในรถนานเกินไป
“ท่านประธาน ผมไม่คุยกับคุณแล้ว พวกเราขอตัวกลับก่อน”
เฉินเป่ยโบกมือทางประธานสมาคม จากนั้นดึงหลีชิงเยียนเดินไปทางรถไมบัค
“อย่าแตะต้องฉัน” หลีชิงเยียนสะบัดมือออกจากเฉินเป่ย เช็ดๆ ที่ข้างตัว ทำหน้ารังเกียจ
“ได้เลย” เฉินเป่ยรู้ว่าท่านประธานนางฟ้ากำลังเลือดขึ้นหน้า ได้แต่ทำใจดีสู้เสือ ตามหลังหลีชิงเยียนไป แล้วนั่งเข้าไปในรถยนต์
เฉินเป่ยนั่งฝั่งที่นั่งคนขับ มือทั้งคู่พึ่งลูบบนพวงมาลัยหนังแท้ที่ผิวสัมผัสดีเยี่ยม ทันใดนั้นหลีชิงเยียนก็สอบถามเสียงเย็นชา “ถังเต๋อไม่สบาย สรุปว่านายรักษาหรือเขารักษา?”
“เป็นเขาแน่นอนสิ ผมเพียงแค่เสนอใบสั่งยาเท่านั้น” เฉินเป่ยมองทางใบหน้างดงามในกระจกมองหลัง เวลานี้ราวกับเกล็ดน้ำแข็ง หนาวเย็นสุดๆ
ท่านประธานนางฟ้า เวลานี้ไฟโกรธใหญ่โตมาก ไม่สมควรหาเรื่อง
“งั้นก่อนหน้านี้นายไปพูดลับๆ ล่อๆ อะไรกับเขากันล่ะ?” ซูเสี่ยวหยุนที่นั่งด้านข้างส่งเสียงถามอีก เมื่อสักครู่เธอมองเห็นเฉินเป่ยกับประธานสมาคมพึมพำกันที่มุมหนึ่ง
“ผมแค่ถามเขาหน่อยว่าอาการของถังเต๋อเป็นยังไงบ้างแล้ว จะกำเริบมาอีกรึเปล่า ถ้ารักษาไม่ดี ถ้าเกิดถังเต๋อโมโหเดือดดาลจะลงโทษพวกเรา งั้นก็ลำบากแล้วสิ” เฉินเป่ยบอกไป
หลีชิงเยียนพึมพำออกมา “ออกรถ”
รถไมบัคสตาร์ทขึ้นทันใด ขับไปยังที่ไกลออกไป……
…………
บนถนนอีกเส้นของเมืองหู้ไห่ รถเบนซ์สีดำคันหนึ่งขับอย่างรวดเร็ว ป้าใหญ่ป้าสองนั่งอยู่ที่นั่งแถวหลัง สีหน้าดูแย่มาก
“หญิงร้ายชายเลว กล้าให้ฉันขอโทษคนต่ำแบบนั้น……ไม่รู้จักดีเลว! “ป้าใหญ่เอ่ยปากอย่างแค้นเคือง ผมยาวเป็นกระเซิง ความโกรธในใจยากจะเลือนหาย
“ตระกูลหลีถูกดขี่แบบนี้เมื่อไรกัน เช่าเทียน ถ้าไม่ใช่เห็นแก่หน้าของถังเต๋อ จะเรียกคนมาจับพวกมันยัดกระสอบถ่วงแม่น้ำไปแล้ว!” ป้าสองพูดเสียงหนาวเย็น สายตาอึมครึม
หลีเช่าเทียนอยู่ฝั่งที่นั่งข้างคนขับสีหน้ามืดครึ้มราวกับน้ำ พูดว่า “ป้าใหญ่ป้าสอง พวกคุณสบายใจได้ ผมหลีเช่าเทียน แค้นนี้ไม่ชำระไม่ใช่ลูกผู้ชาย”
ทันใดนั้น!
เสียงกระดิ่งดังขึ้นมาจากมือถือของหลีเช่าเทียน
หลีเช่าเทียนล้วงมือถือออกมา มีคลิปสั้นๆ ส่งเข้ามาให้จากหมายเลขที่ไม่รู้จัก
หลีเช่าเทียนกดเปิด ท่าทางเปลี่ยนไปอย่างมาก ทั้งตัวปล่อยความอาฆาตมาดร้ายที่น่ากลัวอย่างน่ากลัวออกมา
ภายในห้องโดยสารถูกแทนที่ด้วยบรรยากาศอึมครึมหนาวเย็น!
หลีเช่าเทียนบีบมือถือไว้ สั่นเทาไปทั่วตัว ดวงตาแดงก่ำ ราวกับปีศาจร้ายระเบิดอารมณ์
“เช่าเทียน เป็นอะไรไป?” ป้าใหญ่ป้าสองไม่เข้าใจว่าเป็นอะไร หลีเช่าเทียนถึงแพร่กระจายความอาฆาตออกมาทั่วตัว แม้แต่พวกเธอยังตกตะลึงภายในใจ
หลีเซิ่งมึนงง “เช่าเทียน ลูกไม่เคยขาดเงิน ยังต้องการเงินอะไรอีก?”
มุมปากหลีเช่าเทียนยกเส้นรัศมีวงกลมที่ลึกล้ำขึ้น “คุณพ่อครับ อีกไม่นาน เดี๋ยวพ่อก็รู้แล้ว……”
เช้าตรู่วันต่อมา หลังจากหลีชิงเยียนออกไปทำงาน เฉินเป่ยก็ทำงานบ้านเป็นปกติ
ทันใดนั้นเสียงตึกตักลอยลงมาจากด้านบน ซูเสี่ยวหยุนเดินลงมาจากชั้นสอง ตะโกนร้องด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “พ่อหนุ่ม เข้ามา”
“มีอะไรเหรอ?”
เฉินเป่ยขยับเข้าไปใกล้
“นายดูอันนี้สิ” ซูเสี่ยวหยุนยื่นแล็ปท็อปในมือให้เฉินเป่ย
เฉินเป่ยรับมาดู สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย!
“นี่มันหมายความว่าอะไร?” เฉินเป่ยยืนแล็ปท็อปกลับไปอย่างนิ่งเฉย ก่อนจะสอบถาม
“เช้านี้หลังจากที่บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปเปิดราคา ราคาหุ้นก็ตกฮวบ ตอนนี้ระเหยไปพันกว่าล้านแล้ว!” ซูเสี่ยวหยุนสีหน้าเคร่งขรึม พูดอย่างเร่งรีบ
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เฉินเป่ยขมวดหัวคิ้วขึ้น
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เกรงว่าตระกูลหลีจะประสบกับการโจมตีของคู่แข่งเข้าแล้ว” ซูเสี่ยวหยุนครุ่นคิดพักหนึ่ง จากนั้นพูดการคาดเดาออกมา
……………
ภายในอาคารตระกูลหลี เวลานี้ยุ่งวุ่นวาย ในตึกทำงาน พนักงานนับไม่ถ้วนเท้าพันกันยุ่ง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น รับอย่างไม่ขาดสาย
ในห้องทำงานประธาน หลีชิงเยียนกอดหน้าอกไว้ ขมวดคิ้วแน่น
โทรศัพท์ในห้องทำงานประธานแข่งกันดังไม่หยุด ไม่เคยได้หยุดลงเลย!
“ประธานหลี ไม่ดีแล้ว ในตลาดหุ้นเกิดความไม่มั่นคงอีกแล้ว ราคาหุ้นบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปตกลงอีกครั้งแล้ว”
ผู้จัดการท่านหนึ่งพุ่งเข้าในห้องทำงานประธานหลี รีบเร่งรายงาน
“ประธานหลี เกรงว่าตลาดหุ้นเจอคู่แข่งจงใจบีบ ซื้อหุ้นบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปอย่างคลุ้มคลั่ง แล้วขายออกในราคาต่ำ ตอนนี้เมืองหู้ไห่วุ่นวายใหญ่แล้ว!”
หลังจากนั้นเลขาฯ สาวของท่านประธานคนหนึ่งก็เดินเข้ามาห้องทำงาน สีหน้าดูไม่ดีนัก
“ประธานหลีคะ ทางทีมวิกฤตทำการคาดคะเนแล้ว ยังมีเวลาไม่ถึง24ชั่วโมง บริษัทตระกูลหลีจะตายเพราะล้มละลายค่ะ!” หลินเฉว่รีบร้อนเดินเข้ามา ยื่นรายงานให้
“นี่……สรุปมันเรื่องอะไรกัน?” แม้ว่าหลีชิงเยียนที่ประสบการณ์มากมาย แต่ตอนที่เผชิญหน้ากับวิกฤตที่มากะทันหันนี้ ใบหน้าสง่างามก็ซีดเซียว เผยสีหน้าลนลานออกมา
แต่ไหนแต่ไรเธอไม่เคยเจอเรื่องราวที่ผิดปกติน่ากลัวขนาดนี้ บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปที่ยิ่งใหญ่ ชั่วเวลาคืนเดียว จะใกล้ถึงขั้นล้มละลายอย่างคาดไม่ถึง!!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สายเปย์เบอร์หนึ่ง