เวินเหลียงกอดโทรศัพท์มือถือ ปวดใจจนหายใจไม่ออก
ที่แท้พอฟู่เจิงลงจากเครื่องบินก็พาฉู่ซืออี๋ไปเจอกับเพื่อนของเขานี่เอง
พวกเขารู้และอวยพรกันทุกคน
มีแต่เธอที่ถูกครอบอยู่ในกะลา
และสามปีมานี้ การแต่งงานของพวกเขา มีแต่คนตระกูลฟู่ที่รู้
เขาไม่เคยพาเธอไปเจอเพื่อนของเขาเลย แม้ว่าจะเจอบ้าง แต่ทุกคนต่างก็คิดว่าเธอเป็นลูกบุญธรรมตระกูลฟู่โดยปริยาย
“คุณผู้หญิงครับ?”
คนขับรถมาถึงโรงจอดรถเพื่อมาเป็นสารถี เห็นรถของเวินเหลียงยังอยู่จึงเรียกด้วยความสงสัย
เวินเหลียงปาดน้ำตาอย่างว่องไว ทำเป็นไม่ได้ยินและสตาร์ตรถออกไปทันที
เวินเหลียงจะไม่ใช้อารมณ์ส่วนตัวในการทำงาน
ตอนนี้เธอจึงได้แต่ใช้การทำงานเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง
เมื่อเวินเหลียงหาอีเมลของฟู่เจิงพบ จึงอัพโหลดแผนงานลงในอีเมลแล้วกดส่ง
แพล็บเดียวฟู่เจิงก็ตอบกลับสั้นกระชับเหมือนทุกที ‘ผ่าน หลังจากนี้เธอคอยจับตาดูให้มากหน่อยแล้วกัน’
เวินเหลียงหยุดชะงักครู่หนึ่ง พิมพ์คำว่า ‘ได้’ ส่งไปแล้วมอบหมายงานอย่างรวดเร็ว
หลังจากเลิกงานตอนเย็น เวินเหลียงก็ได้รับข้อความจากฟู่เจิง ‘คืนนี้มีธุระ เธอกลับไปก่อน’
เวินเหลียงเม้มริมฝีปาก ในใจเกิดความรู้สึกเจ็บแปลบราวกับถูกเข็มทิ่มแทง ก่อนจะพิมพ์คำว่า ‘ได้’ ด้วยนิ้วมือที่สั่นระริก
เมื่อก่อนคงเพราะเธอถือเป็นกึ่งผู้บริหารระดับสูงของฟู่ซื่อไม่ว่าจะรับรองลูกค้าอะไรหรือเจอกับผู้รับผิดชอบคนไหน เขามักจะรายงานชัดเจน
แต่สองวันนี้ เขาได้ตัดบทเธอด้วยคำพูดสั้น ๆ แค่ว่า ‘มีธุระ’
‘ธุระ’ นี้ก็คงจะหมายถึงการไปอยู่เป็นเพื่อนฉู่ซืออี๋กระมัง
ฟู่เจิงส่งข้อความมาต่อ ‘ตอนไปดูงานได้เอาของขวัญมาให้เธอด้วยแต่ลืมให้น่ะ มันอยู่ในกระเป๋าเดินทางของฉัน เธอไปเอาเองแล้วกัน’
เวินเหลียง ‘ค่ะ’
ฟู่เจิงเห็นการตอบกลับสั้น ๆ บนหน้าจอ ก็เกิดความรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยทันใด พิงกับพนักเก้าอี้และเอามือนวดระหว่างคิ้ว
เลขาหลินเคาะประตูเข้ามา “ประธานฟู่คะ คุณฉู่มาค่ะ”
เวินเหลียงเดินออกจากห้องทำงาน พลันได้ยินพนักงานบางคนที่ยังไม่กลับกำลังคุยอะไรกันอยู่ข้างนอก
“คนที่มาหาประธานฟู่เมื่อกี้น่ะ ใช่แฟนประธานฟู่หรือเปล่า? ดูหุ่นดี๊ดีแหนะ!”
“น่าเสียดายที่ใส่หน้ากากอนามัย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารักผูกหัวใจท่านประธานปากแข็ง