“ฉันเคยบอกแล้วว่า ฉันก็เป็นเพียงแค่ทหารรบธรรมดา ๆ คนหนึ่งของสำนักมังกรลับ”
ทหารรบองครักษ์เสือผู้นี้กล่าวออกมาเบา ๆ และไม่คิดที่จะยกตนข่มหลินเจิ้นเป้าเลยแม้แต่น้อย ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเหมือนโดนดูถูก
สิ่งที่ทหารรบองครักษ์เสือผู้นี้พูดออกมา หลินเจิ้นเป้าไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอน
“ความสามารถในการต่อสู้ของแก หากอยู่ในกองทัพอาจไต่เต้าได้ถึงระดับผู้บัญชาการ แล้วจะเป็นเพียงแค่ทหารรบธรรมดา ๆ ได้อย่างไร !”
หลินเจิ้นเป้าถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ในความคิดของเขา คนผู้นี้อาจเป็นคนที่เฉินอีเชิญเข้ามาให้ช่วยเหลือจากต่างประเทศ โดยมีจุดประสงค์เพื่อจัดการกับเขาโดยเฉพาะ
แต่ทว่า !
“ฮ่าฮ่าฮ่า !”
“น่าขำจริง ๆ เมื่อพ่ายแพ้ให้กับทหารฝีมือระดับนี้ก็คิดว่าเขาเป็นยอดฝีมือเสียแล้ว นี่เป็นเรื่องที่น่าขำที่สุดที่ฉันเคยได้ยินมาในรอบหลายสิบปีเลยนะ”
“จริงด้วย ฉันยังสงสัยเลยว่าเจ้าหมอนี่สมองมีปัญหาหรือเปล่า”
“จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ได้ ทหารในประเทศพวกนี้ไม่ค่อยได้ออกไปปฏิบัติภารกิจมากนัก ส่วนใหญ่วันทั้งวันนอกจากการฝึกก็มีแต่การซ้อมรบ ดูเหมือนเลือดที่แปดเปื้อนอยู่บนมือจะมีอยู่เพียงน้อยนิด จึงไม่รู้ถึงสถานการณ์ของคนที่อยู่ในต่างประเทศอย่างเรา ๆ”
“แหม ชีวิตแบบนี้ก็ดูเหมือนจะสุขสบายไม่น้อยเลยนะ แต่มันก็มากพอที่จะทำให้กลายเป็นกบในกะลา ในต่างประเทศ และในสำนักมังกรลับของเรา สิ่งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องธรรมดาที่ใคร ๆ ต่างก็รู้กันดี”
มีทหารองครักษ์เสือหัวเราะเยาะออกมาไม่หยุด
ตอนนี้เฉินอีเองก็หัวเราะออกมาเบา ๆ เช่นกัน
“ตอนนั้นฉันเคยแนะนำเหล่าจอมพลในประเทศของพวกนายว่าให้พาทหารรบภายในประเทศ ออกไปฝึกรบที่ต่างประเทศ เพื่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้ความสามารถและทักษะในการต่อสู้ แต่เขากลับไม่ฟังคำพูดของฉัน แต่กลับเลือกที่จะทำให้พวกนายกลายเป็นแค่ดอกไม้ในเรือนกระจก ช่างน่าสงสารเสียจริง ๆ”
เขาส่ายหัวไม่หยุด
คนของหน่วยทหารเหล่านี้ดูเหมือนจะมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม แต่กลับถูกจำกัดสิทธิ์อยู่แต่ภายในประเทศ
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังก่อการร้ายจากต่างประเทศ เกรงว่ากองทัพทั้งหมดคงจะถูกกวาดล้างในทันที
นี่ไม่ใช่เรื่องตลก แต่มันคือความจริง !
“พวกแกคือใครกันแน่ ?”
หลินเจิ้นเป้าแสดงท่าทีขมขื่นออกมา
เขาเองก็ใช่ว่าไม่เคยสัมผัสกับคนของหน่วยทหารชายแดนมาก่อน แต่คนที่สามารถเอาชนะตนเองได้อย่างหมดจดและรวดเร็วขนาดนี้ คงไม่ใช่สิ่งที่ทหารธรรมดา ๆ จะสามารถทำได้อย่างแน่นอน
ฐานะของคนกลุ่มนี้ ดูเหมือนจะเกินจากสิ่งที่เขาคาดคิดเอาไว้มาก
แต่ในวินาทีถัดมา ดูเหมือนเขาจะคิดเชื่อมโยงถึงเรื่องบางอย่างออก ทำให้คิ้วของเขาขมวดขึ้นและตัวสั่นเทาเล็กน้อยในทันที
“หรือว่าพวกแกคือคนของตระกูลมังกรลับ ?”
“ตระกูลมังกรลับ ?”
เฉินอีเองก็ผงะไปเช่นกัน
คนอื่น ๆ ก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน
นี่มันเรื่องอะไรกัน ?”
หลินเจิ้นเป้าไม่ทันสังเกตเห็นถึงความประหลาดใจของคนที่อยู่รอบข้าง แต่กลับแสดงออกถึงความตื่นเต้น
“ใช่แล้ว พวกแกต้องเป็นตระกูลมังกรลับที่อยู่ภายใต้การดูแลของจอมพลมังกรอย่างแน่นอน”
“ถึงว่าทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินชื่อของสำนักมังกรลับมาก่อน แต่เมื่อตอนนี้มาลองคิด ๆ ดูก็รู้ในทันทีว่าพวกแกจะต้องเป็นคนของตระกูลมังกรลับ !”
“ตระกูลมังกรลับ นั่นคือหน่วยทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในชายแดนภาคตะวันตกเฉียงเหนือเลยนะ ได้ยินมาว่าคนที่จะผ่านเกณฑ์การคัดเลือกขั้นต่ำต้องเป็นราชานักรบเท่านั้น เป็นราชาที่อยู่เหนือเหล่าทหารอีกนับร้อยนับพันคน !”
“แต่ทว่า !”
หลินเจิ้นเป้าเงยหน้าขึ้นทันที และจ้องเฉินอีตาเขม็ง
“ต่อให้พวกแกจะเป็นคนของตระกูลมังกรลับ ก็ไม่มีสิทธิ์จะกลับเข้ามาในประเทศเป็นการส่วนตัวเช่นนี้ อีกอย่างที่นี่คือเขตตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ใช่เขตตะวันตกเฉียงเหนือของพวกแก !”
“......”
เสือขาวลูบหน้าผากโดยไม่รู้ตัว
ดูเหมือนเจ้าหมอนี่จะเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง
ถึงแม้พวกเขาจะกลับมาจากชายแดนทางตอนเหนือ แต่พวกเขาก็ไม่เข้าใจการแบ่งแยกของหน่วยทหารภายในประเทศจริง ๆ
แต่เป็นเพราะหลินเจิ้นเป้ามั่นใจในเหตุผลข้อนี้ จึงจ้องมองพวกของเฉินอีด้วยความโมโห
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ