ศึกเดือด มหากาฬ นิยาย บท 26

สรุปบท บทที่ 26 คุณควรลองมีความรักดูสักครั้ง: ศึกเดือด มหากาฬ

อ่านสรุป บทที่ 26 คุณควรลองมีความรักดูสักครั้ง จาก ศึกเดือด มหากาฬ โดย Light-Knight

บทที่ บทที่ 26 คุณควรลองมีความรักดูสักครั้ง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายใช้ชีวิต ศึกเดือด มหากาฬ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Light-Knight อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

“ผู้ ผู้พัน !”

หลังจากเสียงอุทานด้วยความตกใจ เสียงของจอมพลหนุ่มก็ดังขึ้น หลินเจิ้นเป้ารู้สึกประหลาดใจในตอนแรก แต่เมื่อหันกลับไปมองเขาก็ต้องตกตะลึง

ส่วนกองทหารโหวยี่อีกสามพันนายก็ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตา

ตอนนี้ทำให้ใครหลายคนรู้สึกใจสั่นขึ้นทันที

“แม้แต่หลินเจิ้นเป้ายังเรียกว่าผู้พัน เขาจะต้องเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของกองทหารโหวยี่ และในเวลาเดียวกันก็เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของหน่วยทหารภาคตะวันออกเฉียงโฮ่ต้าวฝู่ !

กองทหารโหวยี่และทหารมังกรลับต่างเป็นกองกำลังที่อยู่ในระดับเดียวกัน ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือทหารมังกรลับมักจะสู้รบอยู่ในต่างประเทศ จึงมีความแข็งแกร่งยิ่งกว่ากองทหารโหวยี่มาก

แต่ก็ไม่มีใครกล้าดูถูกกองทหารโหวยี่ เพราะผู้บัญชาการกองทหารโหวยี่กองนี้ เป็นจอมพลหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดในหน่วยทหารภาคตะวันออกเฉียงใต้ และเกิดในตระกูลโฮ่ซึ่งถือเป็นตระกูลของยอดนักรบ ซึ่งเขาคนนี้ก็คือโฮ่ต้าวฝู่ !

กองทหารโหวยี่จำนวนสามพันนายที่หลินเจิ้นเป้าช่วยเขาดูและอยู่นี้ ก็เป็นเพียงแก่หนึ่งในกองทหารโหวยี่ที่เขามีอยู่ในมือเท่านั้น !

โฮ่ต้าวฝู่เหลือบมองหลินเจิ้นเป้า จากนั้นจึงลูบหน้าผากที่เต็มไปด้วยเลือดของเขา

“ลำบากนายแล้ว”

เมื่อได้ยินคำสี่คำนี้ หลินเจิ้นเป้าก็รู้สึกเบาใจลงอย่างมาก

ดูเหมือนว่าผู้พันจะเข้าข้างเขา

แต่ทว่า คำพูดต่อจากนี้กลับทำให้หลินเจิ้นเป้าและคนอื่น ๆ ต้องยืนผงะอยู่ที่เดิม

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายไม่ใช่ผู้บัญชาการของกองทหารโหวยี่อีกต่อไปแล้ว ส่วนที่เหลือจะจัดการเช่นไรก็แล้วแต่คุณเฉิน ไม่สิ แล้วแต่เจ้ามังกรครับ”

น้ำเสียงของโฮ่ต้าวฝู่ไพเราะอย่างมาก แต่ตอนนี้กลับดูเหมือนเสียงกระซิบจากปีศาจร้าย

หลินเจิ้นเป้าโซเซและทรุดตัวลงบนพื้นในที่สุด

“มี มีสิทธิ์อะไร ?”

“อะไรนะ ?”

โฮ่ต้าวฝู่หัวเราะ

เป็นรอยยิ้มที่เย็นชาอย่างยิ่ง

“นายยังถามอีกหรือว่าฉันมีสิทธิ์อะไร”

“คนที่กล้าบีบบังคับเจ้ามังกรอย่างนายถือว่ามีโทษมหันต์ กองทหารโหวยี่ของฉันไม่มีทางให้อภัยนายแน่นอน”

“อีกอย่าง ดูเหมือนนายจะหยิ่งยโสมากเกินไปแล้ว”

“คนที่ตระกูลหลินของนายดูถูกไม่ใช่เพียงแค่ภรรยาและลูกสาวของเจ้ามังกรเท่านั้น แต่ยังมีครอบครัวของประชาชนตาดำ ๆ อีกนับไม่ถ้วน”

“ก่อนหน้านี้นายต้องการข่มขู่เจ้ามังกร ลงมือกับเขาโดยไร้ความปรานี แต่นายลองดูด้านหลังนายสิ เหยื่อผู้บริสุทธิ์เหล่านั้น พวกเขาทนรับผลที่ตามมาเหล่านี้ได้อย่างนั้นหรือ ?”

หลินเจิ้นเป้ายืนนิ่ง เขาหันกลับไปมองตามสัญชาตญาณ และแสดงอาการตกใจออกมาทันที

คนกลุ่มหนึ่ง

ประมาณสามสิบถึงสี่สิบคน

มีทั้งคนแก่ ทั้งเด็ก ทั้งผู้ชาย ทั้งผู้หญิง

ทุกคนล้วนกำลังจ้องมองเขาและตระกูลหลินด้วยสายตาโกรธแค้น

“พวก พวกคุณ !”

หลินเจิ้นหลงเองก็มองเห็นแล้ว และเขาก็รู้สึกตกใจไม่น้อย

คนเหล่านี้แต่ละคนคือคนในครอบครัวของหญิงสาวที่หลินเทียนเชิงเคยทำร้ายก่อนหน้านี้ มีทั้งบรรดาสามีของพวกเธอ ลูก ๆ พ่อแม่ พี่น้อง

ก่อนหน้านี้เขาใช้เส้นสายในการกดขี่คนเหล่านี้เอาไว้ และบีบบังคับไม่ให้พวกเขามีปากมีเสียง

หากใครที่ไม่เชื่อฟังก็จะส่งลงนรกทันที

แต่ตอนนี้ตระกูลหลินของพวกเขาจบเห่แล้ว

นำโดยเฉ่าเฉียง ตามมาด้วยโฮ่ต้าวฝู่ แล้วยังมีเฉินอีซึ่งไม่รู้ที่มาที่ไปแน่ชัด แต่ดูเหมือนจะมีฐานะที่สูงส่งอย่างมาก แล้วยังจะมีเหตุผลอะไรที่ตระกูลหลินจะไม่จบเห่กัน

ตอนนี้หลินเจิ้นเป้าเข้าใจอย่างถ่องแท้

ความจริงแล้ว คนที่หลินเจิ้นหลง หลินเทียนเชิง รวมไปถึงคนของตระกูลหินทั้งหมดกดขี่ข่มเหง ไม่ได้มีเพียงแค่ภรรยาและลูกสาวของเฉินอีเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องที่อยู่ด้านหลังเหล่านั้นด้วย ซึ่งถือว่าตระกูลหลินทำเรื่องที่ยากเกินกว่าจะให้อภัยได้ !

“เจ้ามังกร คุณตัดสินใจเถอะครับ”

โฮ่ต้าวฝู่ไม่คิดจะหันมองหลินเจิ้นเป้าอีก เขาหันไปหาเฉินอีแล้วยกมือขึ้นคารวะ

ตอนนี้สีหน้าของเฉินอียังคงเรียบเฉย

แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นเหล่านั้น เขาก็รู้ได้ในทันทีว่า เรื่องนี้จำเป็นจะต้องตัดสินใจแล้ว

“ตระกูลหลิน ทั้งเจ้าสำนักหลินและคนที่กระทำความผิดทั้งหมดให้รับโทษด้วยการปลิดชีวิตตัวเอง”

“ส่วนคนที่เหลือในตระกูลหลิน จะได้รับการละเว้นชีวิต แต่ก่อนที่จะมีทายาทรุ่นต่อไป ห้ามประกอบธุรกิจใด ๆ เด็ดขาด”

“พวกแกทำร้ายคนธรรมดา ก็ควรจะต้องลองใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาดูบ้างถึงจะดี”

“เจ้ามังกร ทำไมคุณถึงไม่กลับไปอยู่เป็นเพื่อนนายหญิงกับนายน้อยทั้งสองล่ะคะ”

พวกของหงส์แดงเดินเข้ามาหาและเอ่ยถามด้วยความสงสัย

เฉินอีไม่ตอบอะไร

ถึงแม้เขาจะช่วยฉินปิงหลันสามคนแม่ลูกเอาไว้ได้ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเขากลับจดจำได้เป็นอย่างดี

ถึงแม้เขาจะเคยเอ่ยคำมั่นสัญญาว่าเมื่อถอดตำแหน่งเจ้ามังกรแล้วจะปกป้องดูแลฉินปิงหลันเป็นอย่างดี แต่เมื่อมาถึงจุดนี้จริง ๆ เขากลับรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย

“ถึงแม้เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น จะเกิดจากการบีบบังคับของตระกูลเฉิน ประกอบกับผลพวงจากฤทธิ์ยา แต่อย่างไรเสียฉันก็เป็นคนผิด แล้วควรจะชดใช้อย่างไรดี”

หากปล่อยให้ศัตรูผู้แข็งแกร่งในต่างประเทศได้รับรู้เกี่ยวกับเฉินอีในตอนนี้ เกรงว่าคงจะต้องตกใจจนอ้าปากค้าง

ทั้งเหล่าบรรดาผู้กล้าที่มีชื่อเสียงเป็นที่น่าเกรงขามในต่างประเทศ หรือแม้กระทั่งเทพสังหารในจักรวรรดิแอตแลนติเอง ตอนนี้ก็ต้องรู้สึกหวาดกลัวไม่น้อย

หงส์แดงเป็นผู้หญิง เธอเข้าใจความคิดของเฉินอีดี แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก

มังกรเขียวและเสือขาวเองก็เช่นกัน

และในที่สุดคนที่เอ่ยปากพูดขึ้นมากลับเป็นเต่าดำ

“เจ้ามังกร คุณต้องลองมีความรักดูสักครั้ง”

“......”

พวกของหงส์แดงตาเบิกโพลง

ปกติแล้ว

เต่าดำหากไม่พูดไม่จา ก็คือพูดออกมาแล้วทำให้คนอื่นรู้สึกตกใจได้เสมอ

ริมฝีปากของเฉินอีกระตุกเล็กน้อย

มีความรัก ?

เขาไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องนี้มาก่อน

แต่เต่าดำยังคงพูดต่ออย่างจริงจังว่า : “เจ้ามังกร สิ่งที่คุณต้องทำในตอนนี้ไม่ใช่การเริ่มนับหนึ่งใหม่ นั่นเป็นสิ่งที่ผิด แต่สิ่งที่คุณควรทำก็คือการลงมือจีบนายหญิงอย่างเปิดเผยจริงจังสักครั้ง”

“อย่างไรเสียหากมีนายน้อยทั้งสองอยู่ นายหญิงไม่มีทางทนเห็นนายน้อยทั้งสองกลายเป็นลูกไม่มีพ่อได้อย่างแน่นอน”

“พวกเธอทั้งสองคือโซ่ทองคล้องใจของคุณกับนายหญิง และสิ่งที่คุณควรทำในตอนนี้ก็คือ ตามจีบนายหญิงอย่างสุดกำลังรวมถึงทำหน้าที่พ่อให้สำเร็จ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ