"คุณชายลี่ เรื่องมันเป็นแบบนี้ ครั้งนี้วังซื่อกรุ๊ปทำลายวางแผนของพวกเราอย่างสิ้นเชิงแล้ว"
ณ คฤหาสน์ของหลี่ซือกรุ๊ป ในห้องสูทอันหรูหราที่หนึ่ง หลี่เจ๋อนั่งด้วยตรงนั้นด้วยสีหน้าที่หม่นหมอง
ด้านหน้ามีคนนั่งอยู่อีกหนึ่งคน
ผู้อำนวยการในธนาคารที่สองเมืองฉือ หวางยู่ชุน
"ถึงแม้ฉันจะรู้เรื่องนี้แล้ว แต่ฉันก็ค่อนข้างแปลกใจ กองทุนมูลนิธิโตว๋โนว่นี้โผล่มาจากไหนกันแน่ ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน"
หลี่เจ๋อรู้สึกแปลกใจเรื่องนี้เป็นที่สุด
เขาสามารถบรรลุอำนาจของสินทรัพย์ถึงระดับหลายหมื่นล้านในเมืองเอกจนกระทั่งถึงในประเทศ เขาก็ถือว่าเข้าใจอยู่บ้าง แต่ดูเหมือนว่ากองทุนมูลนิธิโตว๋โนว่จะโผล่ขึ้นมาจากอากาศ
ถ้าจะว่าอีกฝ่ายเป็นเจ้าสัวทางการเงินรายใหญ่ในต่างประเทศ งั้นก็คงไม่สนเรื่องโครงการก่อสร้างหมู่บ้านในเมือง อยู่แล้ว จึงมีข้อสงสัยมากมาย
หวางยู่ชุนก็แสดงท่าทางน่าเกลียดเช่นกัน
"สำหรับกองทุนมูลนิธิโตว๋โนว่นี้ ฉันก็จะขอให้คนอื่นสืบเรื่องข้อมูลเกี่ยวข้องหน่อย"
"สองวันนี้อีกฝ่ายเพิ่งจะสร้างขึ้นมา อีกอย่างเงินทุนที่ไหลมาจากต่างประเทศ และเป็นเงินทุนจากธนาคารแรกโดยตรง ฉันอยากจะขัดขวางก็คงไม่มีความสามารถอยู่แล้ว"
อีกอย่างนี่เป็นเงินทุนของมูลนิธิเอง ไม่ได้เป็นการกู้ยืม แค่ธนาคารแรกเพียงลำพังก็ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เขาจะรับมือได้
ดูเหมือนธนาคารแรกจะรองลงไปจากธนาคารที่หนึ่ง ทว่าด้านหน้าเป็นกิจการเอกชน ด้านหลังเป็นกิจการของรัฐบาล!
"เหอะๆ เจ้าสัวทางการเงินต่างประเทศนี่ กลับมีความน่าสนใจอย่างมาก วังซื่อกรุ๊ปคงต้องร่วมงานกับธุรกิจต่างประเทศ แบบนั้นพวกเขาต้องแลกด้วยอะไรมาเหรอ?"
"โครงการก่อสร้างที่รวมกันยังไม่ถึงสามสี่พันล้าน กลับมีเงินทุนสภาพคล่องเป็นหมื่นล้าน พูดแบบนี้แล้วคุณจะเชื่อผมไหม?"
"คุณชายลี่ ความหมายของท่าน หรือว่าต้อง?"
จู่ๆหวางยู่ชุนก็นึกถึงอะไรขึ้นมา จึงอดกลั้นหายใจไว้ไม่ได้
ความคิดนั้นกล้าหาญเกินไปหน่อยหรือเปล่า สำหรับเขาแล้วไม่กล้าไปครุ่นคิดเลย
หลี่เจ๋อมองฃหวางยู่ชุนเพียงชั่วพริบตา นัยน์ตาเต็มไปด้วยการดูหมิ่น
ไอ้ขี้ขลาด
"ถ้าฉันเดาไม่ผิด เป้าหมายที่แท้จริงของวังซื่อกรุ๊ปและคนที่อยู่เบื้องหลังของเขาต้องไม่ใช่โครงการก่อสร้างหมู่บ้านในเมือง แต่อยากจะควบคุมเศรษฐกิจของทั้งเมืองฉือ"
"เหอะๆ วังจ่างหลินมักจะเสแสร้งแกล้งทำตลอดมา บอกว่าต้องสามัคคีกันให้มาก จะช่วยเหลือธุรกิจเล็กให้พัฒนาขึ้นมา เป็นนักธุรกิจที่มีจิตใจงดงาม ล้วนเป็นเพียงเรื่องตลกเท่านั้น!"
"ตระกูลหลินในตอนนั้นยังคงรอโอกาสจากวังซื่อกรุ๊ป แต่ตอนนี้ตระกูลหลินล้มไปแล้ว และมีคนที่มาแทนที่ยิ่งใหญ่กว่าก็คือตระกูลหลี่ของพวกเรา แค่กลัวว่าวังจ่างหลินจะนั่งไม่อยู่ ไม่ได้มีเครือข่ายใดๆในประเทศ ทำได้เพียงร่วมมือกับคนตะวันตก เหอะๆ ข่าวนี้ขืนเอาออกมาปล่อยคงระเบิดแน่นอน ไม่แน่พรุ่งนี้วังซื่อกรุ๊ปก็คงจบกันแล้ว"
หวางยู่ชุนอดกลืนน้ำลายไม่ได้ แล้วถามด้วยเสียงสั่นเทา "งั้นจะปล่อยข่าวนี้ออกไปจู่โจมวังซื่อกรุ๊ปหน่อยไหม?"
"ไม่ต้อง ฉันอยากดูเหมือนกันว่าอำนาจที่อยู่เบื้องหลังของวังซื่อกรุ๊ปนั้นแข็งแกร่งขนาดไไหน"
"อีกอย่างเงินทุนหนึ่งหมื่นล้าน เหอะๆ ถ้าวังซื่อกรุ๊ปสามารถบรรลุได้ ไม่แน่โครงการก่อสร้างหมู่บ้านในเมืองก็คงจะเพอร์เฟคมาก ถึงเวลาพวกเราค่อยใช้เล่ห์เหลี่ยมแย่งมันมา"
"แบบนี้ เงินพวกเราก็ได้ ใช้หมู่บ้านในเมืองเป็นช่องทางการจำหน่าย ไม่แน่อาจได้กลายเป็นตลาดมืดแห่งที่สองก็ได้!"
"......."
ตอนนี้หวางยู่ชุนแค่อยากจากไป
เขานึกไม่ถึงว่าหลี่เจ๋อจะมีความคิดชั่วร้ายขนาดนี้ กลับอยากจะเลี้ยงวังซื่อกรุ๊ปเหมือนกระต่ายที่เลี้ยงจนอ้วนท้วมแล้วค่อยฆ่าทิ้ง อีกอย่างยังจะเปิดตลาดมืดด้วย!
"แกชายหลี่เจ๋อ ตลาดมือนี้ไม่สามารถเปิดได้ ขืนถูกคนของทางการจับได้ ตระกูลหลี่คงล้มสลายแล้ว!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ