ศึกเดือด มหากาฬ นิยาย บท 7

สรุปบท บทที่ 7 ตัดขาอีกข้าง: ศึกเดือด มหากาฬ

สรุปตอน บทที่ 7 ตัดขาอีกข้าง – จากเรื่อง ศึกเดือด มหากาฬ โดย Light-Knight

ตอน บทที่ 7 ตัดขาอีกข้าง ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง ศึกเดือด มหากาฬ โดยนักเขียน Light-Knight เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

เฉินอีมองหลินเจิ้นหู่อย่างแน่นิ่ง แววตาไม่มีความตื่นตระหนกใดๆ ทั้งสิ้น

หลินเจิ้นหู่ที่ปืนไฟอยู่ในมือมีความมั่นใจอย่างมาก เมื่อตกอยู่ในการจ้องมองของเฉินอี มือของเขาก็เริ่มสั่นเทาเล็กน้อย โดยภายในใจของเขามีเสียงกำลังเรียกร้องเตือนเขาว่าอย่าได้เหนี่ยวไกปืนเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นคนที่จะตายต้องเป็นเขาแน่นอน

เสียงโหยหวนของหลินเทียนเชิงดังขึ้น มือของหลินเจิ้นหู่ก็สั่นเทาทันทีจนปืนไฟเกือบจะตกลงไปกับพื้น

คราวนี้หลินเจิ้นหู่ถึงค่อยได้เห็นว่าขาขวาของหลินเทียนเชิงถูกตัดออกมาแล้ว หัวหน้าองครักษ์เสือเดินถือขาท่อนนั้นไปโยนให้ตรงหน้าของสุนัขทิเบตันที่หลบอยู่ในมุมกำแพง

ไอ้สวะกล้าเอาปืนมาเล่นต่อหน้าเจ้ามังกร?นี่ช่างเป็นอะไรที่ตลกสิ้นดี!

“แก……” หลินเจิ้นหู่มองไปยังหัวหน้าองครักษ์เสืออย่างอึ้งตะลึง ก่อนจะหันไปมองเฉินอีที่ยังดูสงบนิ่งด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

หลินเจิ้นหู่แม้จะฝันก็ไม่กล้าคิดว่าคนพวกนั้นจะไม่สนใจความปลอดภัยของเจ้ามังกร แล้วตัดขาขวาของหลินเทียนเชิงแทน

ตอนนี้หลินเทียนเชิงเหลือเพียงขาข้างเดียวแล้ว ถ้าพี่ใหญ่กลับมาเห็นเข้าจะต้องอาละวาดแน่

“บังอาจมาแตะต้องคนตระกูลหลินของเรา ฉันจะฆ่าทิ้งซะ!” หลินเจิ้นหู่ร้องคำรามพลางจะยกปืนไฟขึ้นมาอีกครั้ง

แต่ตอนนั้นเองที่เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่ามือที่จับปืนนั้นของตัวเอง ……

มันขาดไปแล้ว!

พร้อมกับองครักษ์มังกรกระโจนเข้ามากดเขาเอาไว้

หลินเจิ้นหู่ที่ถูกองครักษ์มังกรกดให้คุกเข่าลงไปกับพื้นพยายามสะกดความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วแขน

“เรียกคนต่อเถอะ” เฉินอีพูดอย่างเฉยเมย

“แกคิดจะสร้างความบาดหมางให้กับทั้งสองฝ่ายจริงๆ งั้นหรอ?” หลินเจิ้นหู่รู้สึกเจ็บปวดจนเหงื่อไหลท่วม ศัตรูยากเกินที่จะหยั่งรู้ ต่อให้จะสามารถจัดการพวกเขาจนสิ้นซากแล้ว แต่ตระกูลหลินก็ยังต้องมีความแคลงใจอยู่แน่นอน

ทันทีที่ได้ยินคำพูดของหลินเจิ้นหู่ องครักษ์มังกรและองครักษ์เสือต่างตวาดสายตามองไปยังเขาราวกับกำลังมองคนโง่ สร้างความบาดหมางให้กับทั้งสองฝ่าย ?นี่คิดว่าตระกูลหลินของเขาคู่ควรงั้น?

เมื่อได้รู้สึกถึงสายตาดูถูกจากทุกคน ในใจของหลินเจิ้งหู่ก็ยิ่งเกิดความวิตกกังวลมากขึ้น

แต่พอนึกได้ว่าเขาเองก็เป็นถึงบุคคลสำคัญอันดับสองของตระกูลหลิน เพียงไม่นาน เขาก็สามารถสะกดความกังวลในใจลงไป

“ฉันรู้ว่าพวกแกจะต้องเป็นหนึ่งในองค์กรลับของหน่วยทหาร ฉันจะบอกความจริงอย่างหนึ่งในแล้วกันว่า หลินเจิ้นเป้ารองผู้บัญชาการหน่วยทหารของเขตตะวันตกเฉียงใต้ ก็คือน้องสามของฉันเอง ฉะนั้นก่อนที่จะทำอะไร แคงต้องพิจารณาฐานะของตัวเองสักหน่อย”

“เอาอย่างนี้แล้วกัน ตอนนี้พวกแกปล่อยหลานชายของฉันออกมา เรื่องของพี่ใหญ่กับน้องสามเดี๋ยวฉันจะเป็นคนไปพูดแทนพวกแกเอง เพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดครั้งนี้ และถ้าเกิดเป็นไปได้ แกกับตระกูลหลินของพวกเราก็ทำสัญญาสร้างพันธมิตร คิดว่าอย่างไรบ้าง ?”

จุดประสงค์ของเขานั้นง่ายดายมาก เขาใช้ไม้นวมและไม้แข็งในการพูดเพราะอยากจะช่วยหลินเทียนเชิงออกมาให้ได้ก่อน ไม่อย่างนั้นหลินเทียนเชิงอาจต้องตายจากอาการเสียเลือดเยอะแน่

ส่วนเรื่องที่จะจัดการกับหน่วยทหารอย่างไร คงต้องค่อยไปปรึกษากับพี่ใหญ่กับน้องสามอีกที

ความคิดนี้ของเขามีหรือที่จะรอดพ้นจากสายตาของเฉินอีได้

“น่ารำคาญ!” เฉินอีสบถสามคำนี้ออกมาอย่างไม่พอใจพร้อมเอื้อมมือไปหักคอของหลินเจิ้นหู่

ดวงตาทั้งสองของหลินเจิ้นหู่เบิกกว้างตายลงไปทั้งที่ตาไม่หลับ

เมื่อได้เห็นคุณอารองตายไปต่อหน้าต่อตา หลินเทียนเชิงกลับไม่ได้กรีดร้องออกมา ทว่านอนลงไปในกรงสุนัขอย่างขวัญหายแทน

เขาหมดหวังแล้ว ความเจ็บอันมหาศาลบนร่างกายบวกกับวิญญาณที่ถูกโจมตีทำให้ร่างกายของเขาตอนนี้อ่อนแรงและชาไปหมดแล้ว

เฉินอีหยิบโทรศัพท์มือถือของหลินเจิ้นหู่ออกมา แล้วโทรไปหาหลินเจิ้นหลงอีกครั้ง ก่อนจะวางลงไปข้างหูของหลินเทียนเชิง “เรียกคนมาอีก!”

หลังจากที่หลินเทียนเชิงได้ยิน แววตาของเขาก็จ้องมองเฉินอีอย่างงุนงง

ตระกูลหลินยังสามารถที่จะมาช่วยเขาออกไปได้อีกหรอ?เขายังมีโอกาสที่จะแก้แค้นงั้นหรอ?

จริงสิ มันต้องมีอยู่แล้ว ต่อให้ตัวเองตายไป ยังไงก็จะต้องให้พ่อฆ่าไอ้ปีศาจที่อยู่ตรงหน้านี้ให้ได้ ให้เขาตายลงไปตรงหน้าของตัวเอง

และในตอนนั้นเองทั่วทั้งเมืองฉือได้เกิดความหวาดระแวงขึ้น ทุกคนต่างตกอยู่ในอันตรายเพราะกลัวว่าจะไปทำเรื่องอะไรที่ได้กระตุกหนวดเสือโคร่งกินคนอย่างตระกูลหลินเข้าแล้ว

ในขณะเดียวกัน ในลานเล็กของเขตพิเศษหนึ่งในเมืองฉือ ฉินปิงหลันนั่งมองดูโตว๋โตว๋ที่กำลังนอนอยู่บนเตียงด้วยสายตาที่ซับซ้อน พร้อมจับมือของโนว่โนว่ที่มีสีหน้าไร้ความรู้สึกเอาไว้แน่น ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไรต่อดี ?

ผู้ชายคนนั้นที่ทำลายชีวิตของเธอได้ปรากฏตัวอีกครั้งแล้ว

เธอเกลียด เกลียดจนเข้ากระดูกดำ โกรธจนแทบอยากจะสูบเลือดสูบเนื้อของเขา

แต่เมื่อได้เห็นลูกสาวที่ว่านอนสอนง่ายสองคนนี้แล้ว เธอก็เกิดความสับสนขึ้นมา

นี่จะไม่ให้ลูกทั้งสองยอมรับผู้เป็นพ่อ เพียงเพราะความเกลียดของตัวเองงั้นหรอ ?

ลูกสาวถึงแม้จะไม่ค่อยได้พูดถึงพ่อ แต่ฉินปิงหลันรู้ดีว่าพวกเธอไม่มีเวลาไหนเลยที่จะไม่คิดถึงพ่อ โดยเฉพาะโตว๋โตว๋ที่แม้แต่ในก็ยังเรียกร้องหาผู้เป็นพ่อ และอยากจะมีพ่อที่รักและเอ็นดูเธอ พ่อที่สามารถปกป้องเธอ

จริงอยู่ที่ครั้งนี้เขาเหมือนกับตกลงมาจากฟ้ามาช่วยเหลือเธอและลูกๆ แต่สิ่งมากพอที่จะชดเชยความผิดบาปของเขาได้แล้วหรอ ?

ฉินปิงหลันรู้สึกว่าตอนนี้หัวของตัวเองกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว จนต้องถอนหายใจออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้

“นายหญิง ตอนนี้ร่างกายของท่านค่อนข้างอ่อนแอ โปรดดื่มซุปโสมนี้ด้วยค่ะ” มังกรแปดรินซุปโสมส่งให้ฉินปิงหลันด้วยความเคารพอีกครั้ง

ฉินปิงหลันขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางสะบัดมือด้วยความรำคาญใจ “ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ใช่นายหญิงของพวกคุณ ฉันกับผู้ชายคนนั้นไม่ได้ความเกี่ยวข้องกันเลยสักนิด !ฉันไม่ต้องการความสงสารอะไรจากพวกคุณทั้งสิ้น!”

นับตั้งแต่ที่มังกรหนึ่งส่งฉินปิงหลันมาถึงที่นี่ ฉินปิงหลันก็ทำตัวเย็นชามาโดยตลอด โดยที่ไม่ได้สนใจใครเลย แม้แต่มังกรแปดที่อยากจะจับชีพจรเพื่อตรวจร่างกายให้เธอ ฉินปิงหลันก็ไม่ยินยอม

ส่วนชื่อนายหญิงนี้ ก็ยิ่งขัดใจเธออย่างมาก

“นายหญิง หลายปีมานี้เจ้ามังกรเอาแต่ตามหาตัวท่านมาโดยตลอด เขาไม่ได้จงใจที่จะไม่สนใจพวกท่านเลย นายหญิงได้โปรดเชื่อเจ้ามังกรด้วยเถอะค่ะ” มังกรแปดและคนอื่นๆ พากันชันเข่าข้างหนึ่งลงแล้วพูดด้วยความจริงใจ

“ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ใช่นายหญิงอะไรทั้งสิ้น ฉันจะพาลูกๆ ออกไปจากที่นี่” ฉินปิงหลันพูดอย่างเย็นชาพลางโน้มลงไปอุ้มโตว๋โตว๋ที่นอนอยู่บนเตียง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ