เฉินอีมองหลินเจิ้นหู่อย่างแน่นิ่ง แววตาไม่มีความตื่นตระหนกใดๆ ทั้งสิ้น
หลินเจิ้นหู่ที่ปืนไฟอยู่ในมือมีความมั่นใจอย่างมาก เมื่อตกอยู่ในการจ้องมองของเฉินอี มือของเขาก็เริ่มสั่นเทาเล็กน้อย โดยภายในใจของเขามีเสียงกำลังเรียกร้องเตือนเขาว่าอย่าได้เหนี่ยวไกปืนเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นคนที่จะตายต้องเป็นเขาแน่นอน
เสียงโหยหวนของหลินเทียนเชิงดังขึ้น มือของหลินเจิ้นหู่ก็สั่นเทาทันทีจนปืนไฟเกือบจะตกลงไปกับพื้น
คราวนี้หลินเจิ้นหู่ถึงค่อยได้เห็นว่าขาขวาของหลินเทียนเชิงถูกตัดออกมาแล้ว หัวหน้าองครักษ์เสือเดินถือขาท่อนนั้นไปโยนให้ตรงหน้าของสุนัขทิเบตันที่หลบอยู่ในมุมกำแพง
ไอ้สวะกล้าเอาปืนมาเล่นต่อหน้าเจ้ามังกร?นี่ช่างเป็นอะไรที่ตลกสิ้นดี!
“แก……” หลินเจิ้นหู่มองไปยังหัวหน้าองครักษ์เสืออย่างอึ้งตะลึง ก่อนจะหันไปมองเฉินอีที่ยังดูสงบนิ่งด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
หลินเจิ้นหู่แม้จะฝันก็ไม่กล้าคิดว่าคนพวกนั้นจะไม่สนใจความปลอดภัยของเจ้ามังกร แล้วตัดขาขวาของหลินเทียนเชิงแทน
ตอนนี้หลินเทียนเชิงเหลือเพียงขาข้างเดียวแล้ว ถ้าพี่ใหญ่กลับมาเห็นเข้าจะต้องอาละวาดแน่
“บังอาจมาแตะต้องคนตระกูลหลินของเรา ฉันจะฆ่าทิ้งซะ!” หลินเจิ้นหู่ร้องคำรามพลางจะยกปืนไฟขึ้นมาอีกครั้ง
แต่ตอนนั้นเองที่เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่ามือที่จับปืนนั้นของตัวเอง ……
มันขาดไปแล้ว!
พร้อมกับองครักษ์มังกรกระโจนเข้ามากดเขาเอาไว้
หลินเจิ้นหู่ที่ถูกองครักษ์มังกรกดให้คุกเข่าลงไปกับพื้นพยายามสะกดความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วแขน
“เรียกคนต่อเถอะ” เฉินอีพูดอย่างเฉยเมย
“แกคิดจะสร้างความบาดหมางให้กับทั้งสองฝ่ายจริงๆ งั้นหรอ?” หลินเจิ้นหู่รู้สึกเจ็บปวดจนเหงื่อไหลท่วม ศัตรูยากเกินที่จะหยั่งรู้ ต่อให้จะสามารถจัดการพวกเขาจนสิ้นซากแล้ว แต่ตระกูลหลินก็ยังต้องมีความแคลงใจอยู่แน่นอน
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของหลินเจิ้นหู่ องครักษ์มังกรและองครักษ์เสือต่างตวาดสายตามองไปยังเขาราวกับกำลังมองคนโง่ สร้างความบาดหมางให้กับทั้งสองฝ่าย ?นี่คิดว่าตระกูลหลินของเขาคู่ควรงั้น?
เมื่อได้รู้สึกถึงสายตาดูถูกจากทุกคน ในใจของหลินเจิ้งหู่ก็ยิ่งเกิดความวิตกกังวลมากขึ้น
แต่พอนึกได้ว่าเขาเองก็เป็นถึงบุคคลสำคัญอันดับสองของตระกูลหลิน เพียงไม่นาน เขาก็สามารถสะกดความกังวลในใจลงไป
“ฉันรู้ว่าพวกแกจะต้องเป็นหนึ่งในองค์กรลับของหน่วยทหาร ฉันจะบอกความจริงอย่างหนึ่งในแล้วกันว่า หลินเจิ้นเป้ารองผู้บัญชาการหน่วยทหารของเขตตะวันตกเฉียงใต้ ก็คือน้องสามของฉันเอง ฉะนั้นก่อนที่จะทำอะไร แคงต้องพิจารณาฐานะของตัวเองสักหน่อย”
“เอาอย่างนี้แล้วกัน ตอนนี้พวกแกปล่อยหลานชายของฉันออกมา เรื่องของพี่ใหญ่กับน้องสามเดี๋ยวฉันจะเป็นคนไปพูดแทนพวกแกเอง เพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดครั้งนี้ และถ้าเกิดเป็นไปได้ แกกับตระกูลหลินของพวกเราก็ทำสัญญาสร้างพันธมิตร คิดว่าอย่างไรบ้าง ?”
จุดประสงค์ของเขานั้นง่ายดายมาก เขาใช้ไม้นวมและไม้แข็งในการพูดเพราะอยากจะช่วยหลินเทียนเชิงออกมาให้ได้ก่อน ไม่อย่างนั้นหลินเทียนเชิงอาจต้องตายจากอาการเสียเลือดเยอะแน่
ส่วนเรื่องที่จะจัดการกับหน่วยทหารอย่างไร คงต้องค่อยไปปรึกษากับพี่ใหญ่กับน้องสามอีกที
ความคิดนี้ของเขามีหรือที่จะรอดพ้นจากสายตาของเฉินอีได้
“น่ารำคาญ!” เฉินอีสบถสามคำนี้ออกมาอย่างไม่พอใจพร้อมเอื้อมมือไปหักคอของหลินเจิ้นหู่
ดวงตาทั้งสองของหลินเจิ้นหู่เบิกกว้างตายลงไปทั้งที่ตาไม่หลับ
เมื่อได้เห็นคุณอารองตายไปต่อหน้าต่อตา หลินเทียนเชิงกลับไม่ได้กรีดร้องออกมา ทว่านอนลงไปในกรงสุนัขอย่างขวัญหายแทน
เขาหมดหวังแล้ว ความเจ็บอันมหาศาลบนร่างกายบวกกับวิญญาณที่ถูกโจมตีทำให้ร่างกายของเขาตอนนี้อ่อนแรงและชาไปหมดแล้ว
เฉินอีหยิบโทรศัพท์มือถือของหลินเจิ้นหู่ออกมา แล้วโทรไปหาหลินเจิ้นหลงอีกครั้ง ก่อนจะวางลงไปข้างหูของหลินเทียนเชิง “เรียกคนมาอีก!”
หลังจากที่หลินเทียนเชิงได้ยิน แววตาของเขาก็จ้องมองเฉินอีอย่างงุนงง
ตระกูลหลินยังสามารถที่จะมาช่วยเขาออกไปได้อีกหรอ?เขายังมีโอกาสที่จะแก้แค้นงั้นหรอ?
จริงสิ มันต้องมีอยู่แล้ว ต่อให้ตัวเองตายไป ยังไงก็จะต้องให้พ่อฆ่าไอ้ปีศาจที่อยู่ตรงหน้านี้ให้ได้ ให้เขาตายลงไปตรงหน้าของตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ