สรุปเนื้อหา บทที่ 8 ก่อนที่พายุฝนจะมาถึง – ศึกเดือด มหากาฬ โดย Light-Knight
บท บทที่ 8 ก่อนที่พายุฝนจะมาถึง ของ ศึกเดือด มหากาฬ ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Light-Knight อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
มังกรแปดกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่มังกรหนึ่งกลับกระตุกเสื้อของเธอพลางส่ายหน้าเบาๆ
กลุ่มลับของสำนักมังกรลับอยู่ในการดูแลของมังกรหนึ่ง ดังนั้นสิ่งที่ฉินปิงหลันเคยประสบมานอกจากเจ้ามังกรแล้ว มังกรหนึ่งถือเป็นคนที่เข้าใจดีที่สุด เขารู้ว่านั่นคือปมที่ใหญ่ที่สุดในใจของฉินปิงหลัน
“ท่านวางใจเถอะครับ พวกเราจะไม่พูดอีก แต่ร่างกายของนายน้อยนั้นอ่อนแออย่างมาก ดังนั้นท่านและนายน้อยโปรดอยู่ที่นี่ต่อด้วย เพื่อเป็นการสะดวกให้มังกรแปดได้รักษาร่างกายของนายน้อย !อีกอย่าง ภัยอันตรายด้านนอกยังไม่คลี่คลาย เพื่อความปลอดภัยของ ผมอยากจะขอให้ท่านอยู่ที่นี่ต่อด้วยเถอะครับ” มังกรหนึ่งรีบพูดขึ้นมา
นายหญิงและนายน้อยจะออกจากที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด นี่คือข้อกำหนด สำหรับเรื่องผิดใจกันของเธอและเจ้ามังกร ยังไงก็ต้องให้เจ้ามังกรมาเป็นคนจัดการเอง พวกเขาที่เป็นเพียงผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาไม่สามารถที่จะพูดอะไรมากมาย ไม่อย่างนั้นทุกอย่างอาจกลับตาลปัตรได้
หลังจากที่ฉินปิงหลันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมาแล้ววางโตว๋โตว๋ลงไปบนเตียงเหมือนเดิม
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วคนพวกนี้ต้องการทำอะไรกันแน่ แต่พอจะดูออกว่าถ้ามีพวกเขาอยู่ด้วยลูกๆ จะต้องปลอดภัยแน่นอน
และในตอนนั้นเองโตว๋โตว๋ก็ลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย แต่ราวกับเธอนึกอะไรบางอย่างได้จึงเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันที “คุณพ่อ……”
โต๋วโต๋วร้องลั่นพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ มองหาคุณพ่อของตัวเอง แต่เธอกลับมองไม่เห็นใบหน้าที่แสนอ่อนโยนนั้นเลย
และพอหันไปเห็นคุณแม่ที่ยืนอยู่ข้างเตียง โตว๋โตว๋ก็รีบจับมือของเธอทันที “แม่คะ หนูเห็นคุณพ่อแล้ว คุณพ่อมาช่วยโตว๋โตว๋แล้ว”
“คุณพ่อล่ะคะ?ทำไมถึงไม่เห็นคุณพ่ออีกแล้ว?เพราะว่าโตว๋โตว๋นอนหลับไป คุณเลยโกรธและไม่ต้องการโตว๋โตว๋แล้วใช่หรือเปล่าคะ ?”
โตว๋โตว๋ลุกขึ้นมาจากเตียง ด้วยความรู้สึกไม่รู้จะทำอย่างไร แล้วดวงตาใสๆที่เต็มไปด้วยความโหยหาก็มีน้ำตาหลั่งไหลลงมา
เธอกลัว กลัวว่าภาพที่ได้เจอกับคุณพ่อนั้นจะเป็นเพียงแค่ความฝันของตัวเองเท่านั้น
ฉินปิงหลันกอดลูกสาวของตัวเองแน่น ในใจของเธอราวกับมีหินก้อนใหญ่หล่นทับลงมา อยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ แต่ก็ร้องไม่ออก “โตว๋โตว๋……”
เมื่อดูจากปฏิกิริยาของแม่แล้ว โตว๋โตว๋ก็เผลอคิดว่าคุณพ่อไปแล้ว ไม่ต้องการเธอแล้ว จึงร้องไห้โฮเสียงดังออกมาทันที “คุณแม่คะ หนูอยากเจอคุณพ่อ หนูอยากเจอคุณพ่อ”
เด็กน้อยร้องไห้ด้วยความวิตกกังวลทำเอาคนที่ได้ยินอดไม่ได้ที่จะหลั่งตาไม่ได้
มังกรแปดปาดน้ำตาตรงปลายตาออกพลางเดินเข้าไปแล้วพูดกับโตว๋โตว๋ด้วยความอ่อนโยน : “นายน้อย เจ้ามังกร……คุณพ่อของหนูไปต่อสู้กับคนชั่วอยู่ สู้กับคนชั่วเสร็จก็กลับมาแล้ว”
“ถ้าหนูไม่เชื่อ หนูถามคุณแม่ก็ได้ พอคุณพ่อช่วยคุณแม่ออกมาได้แล้วก็อยู่ที่นั่นต่อสู้กับคนชั่ว ช่วยแก้แค้นให้กับนายหญิง ……เอ่อ ให้กับคุณแม่และนายน้อย”
หลังจากที่ได้ยินอย่างนั้นโตว๋โตว๋ถึงค่อยหยุดร้องไห้ ภายในแววตาฉายแววคาดหวังขึ้นมา “คุณแม่คะ คุณพ่อสู้กับคนชั่วเสร็จแล้วก็จะกลับมาใช่ไหมคะ ?คุณไม่ได้ไม่ต้องการโตว๋โตว๋แล้วใช่หรือเปล่าคะ ?”
ฉินปิงหลันกัดฟันแน่นพยายามสะกดน้ำตาของตัวเองเอาไว้ แล้วพยักหน้า “ใช่จ้า โตว๋โตว๋ทำตัวดีๆ นะ คุณพ่อสู้กับคนชั่วเสร็จแล้วก็จะกลับมา”
โตว๋โตว๋ได้ยินอย่างนั้นพลางกระโดดลงมาจากเตียงด้วยความดีใจ “อ๋อ ดีแล้วค่ะ ……คุณพ่อไม่ได้ไม่ต้องการโตว๋โตว๋แล้ว ต่อไปโตว๋โตว๋จะมีคุณพ่อแล้ว โตว๋โตว๋มีพ่อแล้ว”
“น้องสาว ได้ยินหรือยัง ต่อไปพวกเราก็จะมีพ่อแล้ว” โตว๋โตว๋กระโดดโลดเต้นพร้อมกับร้องตะโกนกับโนว่โนว่ที่ยืนอยู่ข้างๆ
“คุณแม่เคยบอกแล้วว่าพวกเราไม่มีพ่อ” โนว่โนว่พูดอย่างเย็นชา จนทำให้คนที่อยู่ภายในห้องเกิดความรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของลูกทั้งสอง น้ำตาของฉินปิงหลันถึงกับไม่สามารถอัดอั้นเอาไว้ได้อีกแล้ว เธอหันหน้าหนีวิ่งออกจากห้องไปแล้วมานั่งยังมุมหนึ่งของชั้นล่างพร้อมกับร้องไห้ออกมาด้วยใจที่แตกสลาย
จะโทษลูกสาวหรอ?
ไม่ ลูกไม่ได้ผิดอะไร ?เธอเป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น เด็กที่ไม่เคยได้เจอพ่อมาตั้งแต่เด็ก แล้วอยากเจอกับคุณพ่อเท่านั้น
แต่ว่าคุณพ่อคนนั้นกลับเป็นคนที่ทำลายทั้งชีวิตของฉินปิงหลัน
ตอนนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะบ้าอยู่แล้ว
มังกรหนึ่งที่กังวลเรื่องความปลอดภัยของนายหญิงรีบตามออกมา แต่พอได้เห็นฉินปิงหลันกำลังร้องไห้อย่างเจ็บปวด เขาทำได้เพียงแอบถอนหายใจออกมาอย่างเงียบเท่านั้น
มังกรหนึ่งไม่สงสัยเลยสักนิดว่าถ้าหากไม่ใช่เพราะมีลูกสาวเป็นเชือกผูกมัดเอาไว้ ตอนนี้ฉินปิงหลันคงจะต้องตัดขาดกับเจ้ามังกรแน่ !
เธอถือเป็นผู้หญิงที่ดื้อรันและเย็นชาคนหนึ่ง ไม่อย่างนั้นตอนนั้นก็คงจะไม่เพิกเฉยกับการต่อต้านของตระกูลฉิน แล้วยืนกรานที่จะคลอดเด็กสองคนนี้ออกมาพร้อมกับต้องเลี้ยงดูพวกเธอมาด้วยตัวคนเดียวอย่างลำบากแบบนี้
แต่ก็เป็นเพราะความดื้อรั้นของเธอ ห้าปีมานี้ ลูกสาวจึงเป็นสิ่งที่สนับสนุนให้เธอมีชีวิตต่อมาได้
ทว่าตอนนี้เมื่อได้เห็นทัศนคติที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงของลูกทั้งสองที่มีต่อผู้ชายคนนี้แล้ว อารมณ์ของเธอก็ปะปนกันไปหมด
นี่มันโชคชะตากลั่นแกล้งชัดๆ มังกรหนึ่งที่ได้เห็นบรรยากาศที่มึดครื้มนี้พลางเช็ดน้ำตาตรงปลายตาออก
มวลเมฆบนท้องหนาแน่นขึ้นเรื่อย พร้อมสายลมที่พัดไหวราวกับพายุฝนกำลังจะมาอย่างนั้น
เหมือนกับเมืองเฉินในตอนนี้ที่มีพายุลมฝนพัดผ่านไปทั่วทุกมุมตึก
เรื่องการเคลื่อนสุดเอิกเกริกของตระกูลหลินทำให้คนทั้งเมืองฉือเกิดความหวาดหวั่น เพราะตระกูลหลินกำลังอาละวาดด้วยความโกรธอยู่
แต่อีกฝั่งหนึ่งกลับตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง ภายในคฤหาสน์ริมน้ำ เฉินอีกำลังนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ โดยองครักษ์มังกรและองครักษ์เสือยืนแยกกันเป็นสองแถว รอการมาถึงของคนตระกูลหลิน
และแน่นอนว่ายังมีหลินเทียนเชิงที่ใกล้จะตายแล้วนอนอยู่ในกรงสุนัข
มังกรสองที่เห็นโดรนขนาดเล็กกำลังบินวนไปทั่วทั้งคฤหาสน์ พลางยิ้มออกมาอย่างเยาะเย้ย
นั่นคือโดรนที่หลินเจิ้นหลงส่งมา
ในคฤหาสน์เก่าของตระกูลหลิน หลินเจิ้นหลงกำลังนั่งดูภาพที่ถูกส่งมาจากโดรน เส้นเลือดบนขมับก็ชัดขึ้นมา พร้อมใช้มือทุบลงไปบนโต๊ะไท่ซือที่อยู่ข้างๆ จนแหลก ขณะที่หน้าอกเคลื่อนไหวขึ้นลงอย่างรุนแรง
เมื่อได้เห็นลูกชายที่เหลือขาข้างเดียวหายใจอย่างแผ่วเบาอยู่ในกรงสุนัข หลินเจิ้นหลงก็แทบอยากจะกระโจนเข้าไปตัดแขนตัดขาและเชือดคอพวกเฉินอีอย่างทนไม่ได้
“พ่อ ลงคำสั่งเถอะ พวกเราต้องแก้แค้นให้กับเทียนเชิงและคุณอารอง” ลูกชายคนเล็กของหลินเจิ้นหลงถือมีดอยู่ในมือร้องตะโกนเสียงดัง
“คนแค่ยี่สิบกว่าคน กลับกล้าโอหังขนาดนี้ นายท่าน ถ่ายทอดคำสั่งเถอะครับ บุกเข้าไปฆ่าเพื่อช่วยแก้แค้นให้กับคุณชายและคุณชายรอง”
“ไอ้คนสารเลวกลุ่มนี้ กล้ามาสร้างความอัปยศให้กับตระกูลหลินของเราถึงขนาดนี้ พวกมันกล้าทำขนาดนี้แล้วยังจะมีอะไรที่ทำไม่ได้อีก รอให้ผมจับพวกมันได้ จะทำให้พวกมันได้ตายทั้งเป็นแน่ ให้พวกมันมองดูเนื้อของตัวเองค่อยๆ ถูกสุนัขกินเข้าไปทีละคำๆ ”
“นายท่าน ให้ผมนำคนไปสับพวกเขาเถอะครับ!”
.......
ทุกคนในตระกูลหลินต่างโมโหจัด พร้อมรอขอเปิดสงคราม
เพียงไม่นาน คนนับพันจากตระกูลหลินก็มารวมตัวกันบริเวณรอบคฤหาสน์ริมน้ำ แล้วปิดล้อมคฤหาสน์เอาไว้อย่างแน่นหนา
จากนั้น รัฐมนตรีว่าการเมืองฉือก็ถ่ายทอดคำสั่งให้กองกำลังทั้งหมดของเว่ยอานซือเมืองฉือไปปิดล้อมทุกด้านของคฤหาส์นในระยะหนึ่งกิโลเมตร ทั้งยังสั่งอีกว่าแม้แต่แมลงวันตัวเดียวก็ห้ามปล่อยให้บินออกไปได้
ทุกคนในเว่ยอานซือต่างนึกสงสัยอย่างมาก เรื่องแบบนี้พวกเขาเว่ยอานซือไม่ใช่ว่าควรจะหลีกเลี่ยง รอให้ทุกอย่างจบลงแล้วค่อยมาจัดเก็บพื้นที่หรอกหรอ ?ทำไมครั้งนี้ถึงได้เป็นฝ่ายรุกเข้าไปให้ความร่วมมือด้วย?
ภายในร่ม รัฐมนตรีว่าการเมืองฉือ หันไปถามผู้ว่าการเมืองชิงชวนที่อยู่ข้างๆ ด้วยความร้อนใจ “ท่านผู้ว่าการ พวกเราจะไม่ห้ามจริงๆ หรอครับ ?ตระกูลหลินมีกองกำลังตั้งพันกว่าคนเลยนะครับ แล้วยังมีปืนไฟอีกด้วย”
“ผู้อาวุโสทั้งห้าของตระกูลหลินล้วนมีวรยุทธ์สูงส่งทั้งนั้น อีกอย่างวรยุทธ์ของหลินเจิ้นหลงก็ยิ่งลึกซึ้งยากที่จะคาดเดาได้อีก แบบนี้ท่านชายคนนั้นที่อยู่ด้านในจะรับมือไหวหรอครับ ?”
เฉ่าเฉียงผู้ว่าการเมืองชิงชวนหัวเราะแห้งออกมา “เรื่องของท่านชายคนนั้น ถือเป็นโอกาสที่จะทำให้คุณภาพชีวิตของผมดีขึ้น แต่คนตัวเล็กๆ อย่างพวกเรา……”
รัฐมนตรีว่าการเมืองฉือ เองก็ถอนหายใจออกมาอย่างเอือมระอา ใช่สิ เรื่องของท่านชายคนนั้น แม้แต่คุณสมบัติที่จะเข้าไปช่วยเหลือพวกเขายังไม่มีเลย
หลินเจิ้นหลงมองไปยังคฤหาสน์ที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ค่อยๆ ย่างก้าวเดินเข้าไป อายแค้นบนร่างกายยิ่งนานก็ยิ่งหนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าได้ชะล้างเม็ดฝนที่อยู่บนร่างกายให้หายไปจนหมด
พลังของผู้อาวุโสทั้งห้าก็คือการประสานพลัง พวกเขารวมพลังอยู่ด้วยกัน และรวมพลังในการฆ่าคน
คนตระกูลหลินพากันเดินเข้าไปในประตูทางเข้าของคฤหาสน์ที่เปิดเอาไว้ พร้อมกับล้อมพวกของเฉินอีที่กำลังนั่งอยู่ใต้ร่มกลางลานเอาไว้อย่างหนาแน่น
โดยที่องครักษ์มังกรและองครักษ์เสือยังคงยืนอยู่ด้านหลังของเฉินอีอย่างแน่นิ่งท่ามกลางสายฝนที่เทลงมา
คนนับพันที่ยืนอยู่บริเวณรอบๆ ไม่ได้ทำให้มังกรสองรู้สึกตื่นเต้นอะไรเลย ราวกับว่าพวกเขาไม่มีตัวตนอย่างนั้น
ครั้งก่อน เจ้ามังกรพาคนจำนวนเพียงสิบกว่าคน ฆ่าทุกคนในสำนักงานใหญ่องค์กรทหารรับจ้างของประเทศศัตรูจนหมด ตอนนี้กับแค่พวกคนกระจ้อยตรงหน้าพวกนี้……
ส่วนเฉินอีที่นั่งอยู่ภายใต้ร่มคันใหญ่ ยิ้มอ่อนๆ ออกมาดูวิดีโอที่มังกรแปดส่งมาให้ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน โดยมีโตว๋โตว๋ที่กำลังร้องตะโกนว่าตัวเองมีคุณพ่อแล้ว น้ำเสียงจิ้มลิ้มนั้นทำเอาหัวใจของเฉินอีละลายไปหมด
ตอนนี้เฉินอีอยากจะรีบบินกลับไปแล้วโอบกอดลูกสาวเอาไว้ในอ้อมแขนของตัวเองแน่นๆ
หลินเจิ้นหลงหรี่ตาลงจ้องเขม็นไปยังเฉินอี โดยที่ไม่มีใครพูดอะไรใดๆ ทั้งสิ้นจนทั่วทั้งคฤหาสน์ตกอยู่ในความเงียบงัน
ส่วนหลินเทียนเชิงนั้นได้หมดลมหายใจไปนานแล้ว แต่ถึงจะตายแล้วดวงตาก็ยังไม่ยอมปิด หลังจากที่เข้ามาในคฤหาสน์ หลินเจิ้นหลงหันไปมองเพียงครั้งเดียว ก็ไม่หันไปมองเป็นครั้งที่สองอีก
ในที่สุด ยังคงเป็น หลินเจิ้นหลงที่เป็นฝ่ายยุติบรรยากาศอันเงียบงันนี้ลง “แกอยากจะตายยังไง?”
เฉินอีเงยหน้าขึ้นช้าๆ “คุณรบกวนเวลาผมดูลูกสาวอยู่”
เสียงของเจ้ามังกรยังไม่ทันออกมา จิตสังหารในตัวของมังกรสองก็พลุ่งพล่านออกมา พร้อมกับพุ่งเข้าไปหาหลินเจิ้นหลงด้วยการเคลื่อนไหวอันรวดเร็ว
หลินเจิ้นหลงยังไม่ทันที่จะได้รู้ตัว ร่างกายก็กลายเป็นกระสอบทรายกระเด็นออกไปกระแทกตัวลงท่ามกลางกลุ่มคนตรงนั้น
หลินเจิ้นหลงที่รู้สึกมั่นใจในทักษะฝีมือของตัวเองมาโดยตลอด กลับคิดไม่ถึงว่าแม้แต่กระบวนท่าเดียวของอีกฝ่ายตัวเองก็ยังรับมือไม่ได้ นี่มันเป็นไปได้ยังไง?
“แกคือใครกันแน่?” หลินเจิ้นหลงกุมหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ พยายามลุกขึ้นยืน กลับไปมองเฉินอีอีกครั้งด้วยแววตาแอบซ่อนความกลัวเอาไว้ลึกๆ
“ผู้ชายคนหนึ่งที่มาทวงความยุติธรรมให้กับลูกสาวและแม่ของลูก” เฉินอีลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ พร้อมอายสังหารในร่างกายที่กระจายออกมา!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ