ศึกเดือด มหากาฬ นิยาย บท 9

สรุปบท บทที่ 9 ฆ่าไม่มีละเว้น: ศึกเดือด มหากาฬ

บทที่ 9 ฆ่าไม่มีละเว้น – ตอนที่ต้องอ่านของ ศึกเดือด มหากาฬ

ตอนนี้ของ ศึกเดือด มหากาฬ โดย Light-Knight ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 9 ฆ่าไม่มีละเว้น จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

“คำพูดนี้ของแกมันหมายความว่าอะไร?” หลินเจิ้นหลงขมวดคิ้ว

เขาพอจะเดาได้แล้วว่าหลินเทียนเชิงทำอะไรลงไป แต่แล้วมันจะยังไง ?

คุณชายตระกูลหลินอยากจะทำอะไร ก็ควรจะได้ทำ เทพเจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามายุ่ง !

“ตุ้บ ๆๆ ……”

ยิ่งเฉินอีเดินเข้าไปใกล้มาเท่าไหร่ เสียงเท้าของเขาก็ยิ่งดูมีพลังมากขึ้นเรื่อยๆ

“วันนี้ผมไม่ได้ต้องการอะไรอย่างอื่น ผมต้องการเพียงทวงความยุติธรรมให้กับภรรยาและลูกเท่านั้น”

“หลินเทียนเชิงรังแกภรรยาและลูกของผม ความผิดนี้สมควรตาย !”

ทันใดนั้นเสียงของเฉินอีก็ดังสนั่นไปทั่ว

ความโกรธของหลินเจิ้นหลงปะทุขึ้นมาเช่นเดียวกัน “ไอ้หนุ่ม แกรู้ว่าคนที่แกมาหยามด้วยเป็นคนระดับไหนหรือเปล่า ?”

“ตระกูลหลินของพวกเราเป็นตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองชิงชวน ส่วนน้องสามของฉันก็เป็นถึงผู้บัญชาการของหน่วยทหารเขตตะวันออกเฉียงใต้ พวกแกคิดจะก่อกบฏงั้นหรอ?!”

คำพูดแทงใจ

เขาไม่เชื่อหรอกว่าถ้าแอบโยกย้ายตำแหน่งของน้องสามแล้ว ผู้ชายที่ไม่กลัวตายคนนี้จะยังกล้าโอหังต่อไปได้อีก

แต่ว่า!

เฉินอีกลับยิ้มเยาะออกมาก่อนจะเอ่ยปากพูด

“ให้เวลาคุณหนึ่งชั่วโมง ให้คุณเรียกผู้ช่วยทั้งหมดที่คุณพอจะเรียกได้ให้มาที่นี่”

“ผมอยากจะเห็นจริงๆ ว่าเป็นที่พึ่งแบบไหนกัน ถึงได้ทำให้ตระกูลหลินของคุณกล้ามาสร้างความอัปยศให้กับภรรยา และรังแกลูกของผม !”

บูม!

คราวนี้ หลินเจิ้นหลงถูกยั่วโมโหจนแทบจะคลั่งอยู่แล้ว เขาจ้องเฉินอีเขม็ง พูดด้วยเสียงแหบ: “ดี ดี ไอ้หนุ่มทำได้ดีมาก ในเมื่อแกอยากรนหาที่ตาย อย่างนั้นฉันก็จะสนองให้แล้วกัน”

“ผู้ช่วย?ตลกสิ้นดี!”

“ตระกูลหลินของเราตั้งรกรากในเมืองชิงชวนมากว่าสิบปี ไอ้สวะอย่างแกกลับกล้ามาดูถูกอย่างนั้นหรอ ?”

“แกฆ่าลูกชาย ฆ่าน้องรองของฉัน บัญชีเลือดนี้จะต้องใช้ชีวิตแกมาชดใช้ !”

“บุก ฆ่าอย่าให้เหลือ!”

หลินเจิ้นหลงถูกกระตุ้นจนหน้ามืดตามัว เขาโบกมือแล้วนำผู้อาวุโสทั้งห้ากระโจนเข้าไปหาเฉินอี

“ตาย!”

คนที่อยู่หน้าสุดคือท่านผู้อาวุโสสี่ เขาที่เดิมที่เป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว เมื่อได้เห็นกับตาว่าผู้สืบทอดของตระกูลถูกฆ่าตาย ถึงได้โกรธมากขนาดนี้

หมัดที่สามารถทำลายภูเขาและแม่นำตวาดเข้าไปหาเฉินอี

ทว่าวินาทีต่อมา เฉินอีเพียงยกมือขึ้นมาก็สามารถกำหมัดอันทรงพลังนั้นเอาไว้ได้อย่างสบายๆ จนทำให้คนจำนวนมากถึงกับสั่นสะท้าน

ท่านผู้อาวุโสสี่เองก็ถึงกับเบิกตากว้างเช่นกัน

เขาเป็นถึงปรมาจารย์ชื่อดังในเมืองชิงชวน พลังการต่อสู้สะท้านไปทั่วสารทิศ

แต่เมื่ออยู่ในมือของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ เขากลับทำอะไรไม่ได้เลย?

ส่วนเฉินอีแน่นอนว่าไม่ได้สนใจกับความตกใจของพวกมดตัวเล็กอยู่แล้ว พร้อมกับเพิ่มแรงขึ้นกดหมัดนั้นของท่านผู้อาวุโสสี่จนแหลก ทันใดนั้นทุกคนในตระกูลหลินต่างรู้สึกเกรงกลัวขึ้นมา

นั่นเป็นถึงท่านผู้อาวุโสสี่ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้อาวุโสเชียวนะ แล้วจะมาถูกผู้ชายนิรนามตรงหน้าคนนี้ทำร้ายได้อย่างไร ?

แต่ทุกคนยังไม่ทันได้ตั้งตัว เฉินอีก็ใช้มืออีกข้างขัดขวางผู้อาวุโสห้าที่แอบโจมตีเข้ามาแล้วบีบขาของผู้อาวุโสห้าจนแหลกเป็นชิ้น !

คราวนี้ กลุ่มคนเหล่านั้นของตระกูลหลินก็ไม่สามารถที่จะสะกดความรู้สึกของตัวเองต่อไปได้อีกแล้ว

ในระยะเพียงไม่กี่วิ สองในห้าผู้อาวุโสของตระกูลหลินก็ได้ถูกกำจัดทิ้งไปแล้วสองคนจนต้องลงไปนอนคร่ำครวญอยู่บนพื้น

“แก แก แก!”

ผู้อาวุโสตระกูลหลินที่เหลืออีกสามคนตอนนี้ไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้อีก

ผู้ชายคนนี้มันคืออะไรกันแน่?!

ผู้อาวุโสของตระกูลหลินสองคนทำไมถึงได้ถูกกำจัดได้อย่างง่ายแบบนี้!?

เฉินอียิ้มเยาะแล้วระเบิดหัวของทั้งสองที่อยู่บนพื้นทันที

“แพล็บ!”

เลือดเนื้อสาดกระเด็นออกมา

จิตสังหารอันรุนแรง!

เฉินอีในตอนนี้ราวกับเป็นเทพแห่งการสังหารที่กำลังเดินออกมาจากภูเขาซากศพทะเลเลือด จนทำให้เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลหลินต่างหวาดกลัว

เหล่าปรมาจารย์จำนวนมากของตระกูลหลินเองก็ไม่ต่างกัน

โดยเฉพาะ หลินเจิ้นหลง

เขารู้เรื่องความสามารถของผู้อาวุโสทั้งสองเป็นอย่างดี ว่าในเมืองชิงชวนพวกเขาเป็นถึงปรมาจารย์ด้านการต่อสู้เลยทีเดียว

แต่เมื่ออยู่ในกำมือของเฉินอี แม้แต่กระบวนท่าเดียวกลับไม่สามารถสู้ได้ด้วยซ้ำ

ผู้ชาย ผู้ชายคนนี้น่าเกรงขามขนาดนี้เชียวรึ!

เดิมทีคิดว่าเขาเป็นเพียงชายนิรนามคนหนึ่งเท่านั้น แต่ตอนนี้หลินเจิ้นหลงไม่สามารถสบประมาทเขาได้อีกแล้ว

“ท่านผู้อาวุโสใหญ่ พวกท่านรีบกลับมาก่อนเถอะ!”

หลินเจิ้นหลงร้องตะโกนออกไป

ผู้อาวุโสทั้งสามไม่กล้าที่จะลังเล รีบกลับไปยังฐานทัพของตระกูลหลินอย่างรวดเร็ว แต่ว่าผู้อาวุโสสามที่อยู่ด้านหลังสุดกลับถูกเฉินอีจับเอาไว้ก่อน แล้วถูกเตะลงไปที่กระดูกขาทำให้ต้องล้มลงไปคลานกับพื้นอย่างกับเศษสวะ

เขากำหมัดแน่น ไม่คิดที่จะเสแสร้งกับเฉินอีอีกต่อไปแล้วโบกมือขึ้น

“มือปืน ยิงได้!”

“แคร็กๆ !”

เสียงเตรียมปืนดังขึ้นพร้อมกับเหล่ามือปืนที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีปรากฏตัวขึ้น

กระบอกปืนสีดำสนิทนับสิบทำให้ความรู้สึกกลัวในใจของหลินเจิ้นหลงสงบลงมาได้ไม่น้อย

ต่อให้จะเป็นคนที่มีวรยุทธ์มากแค่ไหน แต่มีหรือที่จะเป็นคู่ต่อสู้กับปืนไฟได้ ?

เมื่อได้อย่างนี้ เขาก็เงยหน้าขึ้นอย่างสะใจเหลียวมองไปยังเฉินอีอย่างดูถูก

เจ้าหมอนี่ ต่อให้จะเติบโตมาในหน่วยทหาร แต่ด้วยกฎแล้วหากไม่มีคำสั่งพวกเขาจะไม่สามารถใช้ปืนไฟได้เด็ดขาด ซึ่งนี่ก็คือข้อแตกต่างระหว่างพวกเขาตระกูลหลินและคนชั้นต่ำอย่างพวกเขา !

แต่ว่า!

ตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้เฉินอียังคงมีสีหน้าที่สงบ เป็นความสงบที่ทำให้บางคนถึงกับรู้สึกว้าวุ่นใจ

ทันใดนั้น เฉินอียกมือขึ้นแล้วร้องตะโกนด้วยเสียงเคร่งขรึม

“สำนักมังลับที่ซ่อนตัวอยู่ เตรียมแถว!”

“ห๊า!” หลินเจิ้นหลงร้องออกมาอย่างงุนงง

เมื่อได้ยินเสียงนี้ดังสนั่นขึ้นไปบนท้องฟ้า คราวนี้คนตระกูลหลินต่างนิ่งอึ้ง

สำนักมังกรลับ?

มันคืออะไร?!

หลินเจิ้นหลงกวาดสายตาไปรอบ กลับมองไม่เห็นร่างใครปรากฏตัวขึ้นมา จู่ๆ หลินเจิ้นหลงก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมา

เจ้าหนุ่มนี่ ต้องตาย

แต่ผู้อาวุโสใหญ่กลับเอื้อมมือไปคว้าเขาเอาไว้ พร้อมพูดด้วยเสียงที่หวาดกลัวสุดขีด: “เจ้า เจ้าสำนัก ข้างบน !”

“หืม?”

หลินเจิ้นหลงแหงนหน้าขึ้นไปอย่างไม่เข้าใจ

เพียงพริบตา เขาถึงกับหน้ามืดแทบทรุดลงไปกับพื้น

บนท้องฟ้า เครื่องบินรบมากมายทั้งหมดมีจำนวนกว่าร้อยลำกำลังบินลงมาข้างล่าง

โดยเฉพาะอาวุธรบที่อยู่บนเครื่องบินรบ ที่ตอนนี้ปากกระบอกปืนกำลังเล็งไปยังหัวของคนตระกูลหลิน

ในเวลาเพียงสิบวินาที

ไม่สิ เวลาไม่ถึงสิบนาที ตระกูลหลินของพวกเขาก็ถูกกำจัดจนราบคาบ !

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ