“คำพูดนี้ของแกมันหมายความว่าอะไร?” หลินเจิ้นหลงขมวดคิ้ว
เขาพอจะเดาได้แล้วว่าหลินเทียนเชิงทำอะไรลงไป แต่แล้วมันจะยังไง ?
คุณชายตระกูลหลินอยากจะทำอะไร ก็ควรจะได้ทำ เทพเจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามายุ่ง !
“ตุ้บ ๆๆ ……”
ยิ่งเฉินอีเดินเข้าไปใกล้มาเท่าไหร่ เสียงเท้าของเขาก็ยิ่งดูมีพลังมากขึ้นเรื่อยๆ
“วันนี้ผมไม่ได้ต้องการอะไรอย่างอื่น ผมต้องการเพียงทวงความยุติธรรมให้กับภรรยาและลูกเท่านั้น”
“หลินเทียนเชิงรังแกภรรยาและลูกของผม ความผิดนี้สมควรตาย !”
ทันใดนั้นเสียงของเฉินอีก็ดังสนั่นไปทั่ว
ความโกรธของหลินเจิ้นหลงปะทุขึ้นมาเช่นเดียวกัน “ไอ้หนุ่ม แกรู้ว่าคนที่แกมาหยามด้วยเป็นคนระดับไหนหรือเปล่า ?”
“ตระกูลหลินของพวกเราเป็นตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองชิงชวน ส่วนน้องสามของฉันก็เป็นถึงผู้บัญชาการของหน่วยทหารเขตตะวันออกเฉียงใต้ พวกแกคิดจะก่อกบฏงั้นหรอ?!”
คำพูดแทงใจ
เขาไม่เชื่อหรอกว่าถ้าแอบโยกย้ายตำแหน่งของน้องสามแล้ว ผู้ชายที่ไม่กลัวตายคนนี้จะยังกล้าโอหังต่อไปได้อีก
แต่ว่า!
เฉินอีกลับยิ้มเยาะออกมาก่อนจะเอ่ยปากพูด
“ให้เวลาคุณหนึ่งชั่วโมง ให้คุณเรียกผู้ช่วยทั้งหมดที่คุณพอจะเรียกได้ให้มาที่นี่”
“ผมอยากจะเห็นจริงๆ ว่าเป็นที่พึ่งแบบไหนกัน ถึงได้ทำให้ตระกูลหลินของคุณกล้ามาสร้างความอัปยศให้กับภรรยา และรังแกลูกของผม !”
บูม!
คราวนี้ หลินเจิ้นหลงถูกยั่วโมโหจนแทบจะคลั่งอยู่แล้ว เขาจ้องเฉินอีเขม็ง พูดด้วยเสียงแหบ: “ดี ดี ไอ้หนุ่มทำได้ดีมาก ในเมื่อแกอยากรนหาที่ตาย อย่างนั้นฉันก็จะสนองให้แล้วกัน”
“ผู้ช่วย?ตลกสิ้นดี!”
“ตระกูลหลินของเราตั้งรกรากในเมืองชิงชวนมากว่าสิบปี ไอ้สวะอย่างแกกลับกล้ามาดูถูกอย่างนั้นหรอ ?”
“แกฆ่าลูกชาย ฆ่าน้องรองของฉัน บัญชีเลือดนี้จะต้องใช้ชีวิตแกมาชดใช้ !”
“บุก ฆ่าอย่าให้เหลือ!”
หลินเจิ้นหลงถูกกระตุ้นจนหน้ามืดตามัว เขาโบกมือแล้วนำผู้อาวุโสทั้งห้ากระโจนเข้าไปหาเฉินอี
“ตาย!”
คนที่อยู่หน้าสุดคือท่านผู้อาวุโสสี่ เขาที่เดิมที่เป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว เมื่อได้เห็นกับตาว่าผู้สืบทอดของตระกูลถูกฆ่าตาย ถึงได้โกรธมากขนาดนี้
หมัดที่สามารถทำลายภูเขาและแม่นำตวาดเข้าไปหาเฉินอี
ทว่าวินาทีต่อมา เฉินอีเพียงยกมือขึ้นมาก็สามารถกำหมัดอันทรงพลังนั้นเอาไว้ได้อย่างสบายๆ จนทำให้คนจำนวนมากถึงกับสั่นสะท้าน
ท่านผู้อาวุโสสี่เองก็ถึงกับเบิกตากว้างเช่นกัน
เขาเป็นถึงปรมาจารย์ชื่อดังในเมืองชิงชวน พลังการต่อสู้สะท้านไปทั่วสารทิศ
แต่เมื่ออยู่ในมือของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ เขากลับทำอะไรไม่ได้เลย?
ส่วนเฉินอีแน่นอนว่าไม่ได้สนใจกับความตกใจของพวกมดตัวเล็กอยู่แล้ว พร้อมกับเพิ่มแรงขึ้นกดหมัดนั้นของท่านผู้อาวุโสสี่จนแหลก ทันใดนั้นทุกคนในตระกูลหลินต่างรู้สึกเกรงกลัวขึ้นมา
นั่นเป็นถึงท่านผู้อาวุโสสี่ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้อาวุโสเชียวนะ แล้วจะมาถูกผู้ชายนิรนามตรงหน้าคนนี้ทำร้ายได้อย่างไร ?
แต่ทุกคนยังไม่ทันได้ตั้งตัว เฉินอีก็ใช้มืออีกข้างขัดขวางผู้อาวุโสห้าที่แอบโจมตีเข้ามาแล้วบีบขาของผู้อาวุโสห้าจนแหลกเป็นชิ้น !
คราวนี้ กลุ่มคนเหล่านั้นของตระกูลหลินก็ไม่สามารถที่จะสะกดความรู้สึกของตัวเองต่อไปได้อีกแล้ว
ในระยะเพียงไม่กี่วิ สองในห้าผู้อาวุโสของตระกูลหลินก็ได้ถูกกำจัดทิ้งไปแล้วสองคนจนต้องลงไปนอนคร่ำครวญอยู่บนพื้น
“แก แก แก!”
ผู้อาวุโสตระกูลหลินที่เหลืออีกสามคนตอนนี้ไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้อีก
ผู้ชายคนนี้มันคืออะไรกันแน่?!
ผู้อาวุโสของตระกูลหลินสองคนทำไมถึงได้ถูกกำจัดได้อย่างง่ายแบบนี้!?
เฉินอียิ้มเยาะแล้วระเบิดหัวของทั้งสองที่อยู่บนพื้นทันที
“แพล็บ!”
เลือดเนื้อสาดกระเด็นออกมา
จิตสังหารอันรุนแรง!
เฉินอีในตอนนี้ราวกับเป็นเทพแห่งการสังหารที่กำลังเดินออกมาจากภูเขาซากศพทะเลเลือด จนทำให้เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลหลินต่างหวาดกลัว
เหล่าปรมาจารย์จำนวนมากของตระกูลหลินเองก็ไม่ต่างกัน
โดยเฉพาะ หลินเจิ้นหลง
เขารู้เรื่องความสามารถของผู้อาวุโสทั้งสองเป็นอย่างดี ว่าในเมืองชิงชวนพวกเขาเป็นถึงปรมาจารย์ด้านการต่อสู้เลยทีเดียว
แต่เมื่ออยู่ในกำมือของเฉินอี แม้แต่กระบวนท่าเดียวกลับไม่สามารถสู้ได้ด้วยซ้ำ
ผู้ชาย ผู้ชายคนนี้น่าเกรงขามขนาดนี้เชียวรึ!
เดิมทีคิดว่าเขาเป็นเพียงชายนิรนามคนหนึ่งเท่านั้น แต่ตอนนี้หลินเจิ้นหลงไม่สามารถสบประมาทเขาได้อีกแล้ว
“ท่านผู้อาวุโสใหญ่ พวกท่านรีบกลับมาก่อนเถอะ!”
หลินเจิ้นหลงร้องตะโกนออกไป
ผู้อาวุโสทั้งสามไม่กล้าที่จะลังเล รีบกลับไปยังฐานทัพของตระกูลหลินอย่างรวดเร็ว แต่ว่าผู้อาวุโสสามที่อยู่ด้านหลังสุดกลับถูกเฉินอีจับเอาไว้ก่อน แล้วถูกเตะลงไปที่กระดูกขาทำให้ต้องล้มลงไปคลานกับพื้นอย่างกับเศษสวะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ