เข้าสู่ระบบผ่าน

ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา นิยาย บท 1

“ฉู่หนิง นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป เจ้าก็คือองค์ชายสิบแปดแห่งราชวงศ์ต้าฉู่ของเรา!”

“เราขอสั่งให้เจ้านำทัพหนึ่งแสนนาย มุ่งหน้าไปยังชายแดนโดยเร็ว เพื่อต้านทานกองทัพสามแสนนายของต้าจ้าว!”

ณ ท้องพระโรงแห่งต้าฉู่ ภายในตำหนักจินหลวน

เด็กหนุ่มร่างผอมบางในอาภรณ์ผ้าป่านเนื้อหยาบผู้หนึ่งกำลังคุกเข่าอยู่ตรงกลาง

สองฟากฝั่งรายล้อมไปด้วยเหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊จนเต็มพื้นที่ ส่วนตำแหน่งด้านหน้าสุดนั้นคือเหล่าองค์ชายสิบกว่าพระองค์ที่สวมใส่อาภรณ์สำหรับเชื้อพระวงศ์

“น้องสิบแปดเอ๋ย ต่อจากนี้ไปพวกเราก็คือครอบครัวเดียวกัน หลายปีมานี้ เจ้าใช้ชีวิตอยู่นอกวัง ตอนนี้ ถึงเวลาที่เจ้าควรจะไปออกแรงแสดงฝีมือที่แนวหน้าเพื่อราชวงศ์บ้างแล้ว!”

“เสด็จพ่อทรงมีพระประสงค์ที่จะฝึกฝนเจ้า จึงได้ส่งเจ้าไปยังแนวหน้าเพื่อสร้างผลงาน เจ้าอย่าได้ทำให้ความหวังดีของเสด็จพ่อต้องสูญเปล่าเล่า!”

“ฉู่หนิง แม้จะเกิดอยู่ในหมู่สามัญชน แต่เจ้าก็มีสายเลือดของราชวงศ์ ย่อมต้องมีความรับผิดชอบ การเดินทางไปยังแนวหน้าครั้งนี้ หากเจ้ามัวแต่รักตัวกลัวตายจนทำให้ราชวงศ์ต้องเสียหน้า เสด็จพ่อจักต้องลงโทษอย่างหนักแน่นอน!”

“ฉู่หนิง ยังไม่รีบขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณของเสด็จพ่ออีกหรือ?”

เหล่าองค์ชายต่างเผยรอยยิ้มเย็นชา ดวงตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

น้ำเสียงนั้นยิ่งฟังดูสูงส่งหยิ่งผยอง!

จากสามัญชนกลายเป็นองค์ชาย แม้จะต้องไปเป็นตัวตายตัวแทนที่แนวหน้า ฉู่หนิงก็สมควรจะซาบซึ้งในบุญคุณของราชวงศ์!

เหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ทั่วทั้งราชสำนักมองเด็กหนุ่มที่คุกเข่าบนพื้น ในแววตานั้นมีทั้งความเวทนา ความเย็นชา และความสะใจในคราวเคราะห์ของผู้อื่น

ต้าฉู่และต้าจ้าวทำศึกที่แนวหน้าต่อเนื่องมาหลายปี แต่ครั้งนี้แคว้นต้าฉู่ประสบภัยแล้งครั้งใหญ่ เป็นเหตุให้เสบียงที่แนวหน้าขาดแคลน ขวัญกำลังใจทหารตกต่ำ กองทัพพ่ายแพ้ยับเยิน

ฮ่องเต้จึงตัดสินพระทัยเลือกองค์ชายองค์หนึ่งไปยังแนวหน้าเพื่อสร้างขวัญกำลังใจของกองทัพให้มั่นคง!

แต่เหล่าองค์ชายต่างรู้ดีว่าศึกครั้งนี้เก้าส่วนตายหนึ่งส่วนรอด จึงไม่มีผู้ใดกล้าไป!

โชคดีที่คนสนิทขององค์รัชทายาทสืบพบว่า ในปีนั้นครั้งที่ฝ่าบาทเสด็จประพาสต้น มีสตรีแพศยานางหนึ่งยั่วยวนฝ่าบาท และได้ให้กำเนิดบุตรชาย กลายเป็นองค์ชายที่ราชวงศ์ทอดทิ้งไว้ข้างนอก

หากเป็นยามปกติ คงไม่มีผู้ใดใส่ใจสายเลือดราชวงศ์ที่พลัดหลงอยู่ข้างนอก

แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน การส่งคนไปตายที่แนวหน้า จะมีใครเหมาะสมไปกว่าองค์ชายกำพร้าผู้นี้อีกหรือ?

ภายใต้การจัดการของเหล่าองค์ชาย ฉู่หนิงจึงถูกรับตัวกลับเข้าพระราชวังได้สำเร็จ ทั้งยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นองค์ชายสิบแปด!

ฉู่หนิงก้มหน้าไม่กล่าววาจาใด ทว่าในใจกลับกำลังหัวเราะเยาะ

องค์ชายพวกนี้ล้วนแต่รักตัวกลัวตาย อยากจะผลักไสเขาไปยังแนวหน้ากันทั้งสิ้น

คิดว่าเขาเป็นเพียงสามัญชนที่ไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ หรือ?

ในฐานะผู้ที่ทะลุมิติ เขาย่อมรู้ดีว่า เมื่อเทียบกับแนวหน้าแล้ว การต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์นั้นโหดร้ายยิ่งกว่า!

การแก่งแย่งในราชวงศ์ดุเดือดถึงเพียงนี้ ตัวเขาไร้ซึ่งอำนาจและอิทธิพล เดิมทีก็ไม่คิดจะอยู่ที่นี่ต่อ การไปยังแนวหน้าต่างหากคือหนทางรอดเพียงหนึ่งเดียว!

สำหรับองค์ชายองค์อื่น การไปแนวหน้าอาจมีแต่เก้าส่วนตายหนึ่งส่วนรอด

แต่สำหรับเขาแล้ว นั่นคือโอกาสที่สวรรค์ประทาน!

แต่ว่า คิดจะให้ข้าไปเป็นตัวตายตัวแทนทั้งที จะไม่ให้ผลประโยชน์อะไรบ้างได้อย่างไร?

ฉู่หนิงเงยหน้าขึ้นมองเหล่าองค์ชาย แสร้งทำสีหน้าตื่นเต้นยินดีอย่างยิ่ง “ขอบคุณท่านพี่ทุกท่านที่เมตตา การได้แบ่งเบาภาระของราชวงศ์ถือเป็นเกียรติของข้า ต่อให้ต้องตายในสงครามที่ชายแดน ห่อศพด้วยหนังม้าก็ไม่เสียดาย!”

“ในฐานะสายเลือดของราชวงศ์ สิบแปดปีมานี้ ข้าไม่เคยทำสิ่งใดเพื่อราชวงศ์เลย การไปยังแนวหน้าครั้งนี้ ข้าจะทุ่มเทสุดกำลัง แม้ร่างกายต้องแหลกสลายเป็นผุยผง เพื่อตอบแทนบุญคุณเสด็จพ่อ!”

น้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยวหนักแน่น ท่าทีที่ไม่หวั่นเกรงต่อความตาย ทำให้เหล่าองค์ชายและขุนนางต่างเงียบงัน

แม้แต่ฉู่หวยที่ประทับอยู่บนบัลลังก์ เมื่อได้เห็นหน้าบุตรชายเป็นครั้งแรก ในใจก็อดรู้สึกผิดขึ้นมาไม่ได้

เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าบุตรชายคนอื่น ๆ ของตนไม่อยากไปแนวหน้า จึงได้จงใจตามหาฉู่หนิงมาเป็นตัวตายตัวแทน

แต่ฉู่หนิงก็เป็นองค์ชายเช่นกัน เหตุใดจึงไม่กล้าช่วงชิงกับคนพวกนี้เล่า?

แม้สิบแปดปีมานี้ฉู่หนิงจะไม่เคยทำสิ่งใดเพื่อราชวงศ์ แต่ราชวงศ์เองก็ไม่เคยทำสิ่งใดเพื่อฉู่หนิงเช่นกัน

บัดนี้เพิ่งตามหาตัวฉู่หนิงพบ ก็จะส่งเขาไปตายที่แนวหน้าเสียแล้ว!

ทว่าฉู่หนิงไม่เพียงแต่จะไม่ปฏิเสธ กลับแสดงท่าทีห้าวหาญมุ่งมั่นถึงเพียงนี้!

เมื่อมองใบหน้าที่หล่อเหลาและมีความคล้ายคลึงกับตนเองอยู่สามส่วน ในหัวของฉู่หวยก็อดปรากฏภาพใบหน้างดงามของสตรีผู้นั้นในอดีตขึ้นมาไม่ได้

มารดาของฉู่หนิง ในปีนั้นนางก็ติดตามเรามาโดยที่ไม่ลังเลเช่นนี้!

เราเป็นเพียงผู้ผ่านทางในชีวิตนาง แต่นางกลับเห็นเราเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดในชีวิต

แม้จะไม่ได้พบหน้าเราอีก นางก็ยังคงให้กำเนิดบุตรชายของเรา!

ยิ่งไปกว่านั้น ฉู่หนิงก็ยอมรับปากจะไปแนวหน้าแล้ว เราเพียงแค่อยากจะประทานรางวัลให้เขาเพิ่มเติม เพื่อชดเชยความรู้สึกผิดในใจเท่านั้น

แต่คนเหล่านี้กลับพูดจาไม่หยุดหย่อน ตั้งใจจะขัดขวาง

ฉู่หนิงไม่กล้าตอบโต้ แต่พวกเจ้าคิดว่าเราผู้เป็นฮ่องเต้องค์นี้ตายไปแล้วหรือไร?

“พอได้แล้ว!”

ฉู่หวยตวาดลั่น ทุบโต๊ะแล้วลุกขึ้น รัศมีแห่งองค์จักรพรรดิที่แผ่ออกจากร่างทำให้เหล่าขุนนางหวาดกลัว พากันคุกเข่าลงกับพื้น

“ฝ่าบาทโปรดอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉู่หวยกวาดตามองทุกคนแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยเสียงเย็น “หากฉู่หนิงไปแนวหน้าด้วยฐานะองค์ชายเพียงอย่างเดียว เกรงว่าคงยากที่จะทำให้คนยอมรับนับถือ”

“ใครก็ได้ ถ่ายทอดราชโองการลงไป แต่งตั้งฉู่หนิงเป็นเผิงไหลจวิ้นอ๋อง พระราชทานตำแหน่งแม่ทัพผิงตง พร้อมจวนหนึ่งหลัง!”

สีหน้าของเหล่าองค์ชายพลันย่ำแย่ขึ้นมาเล็กน้อย

แม้จะได้รับการแต่งตั้งเป็นเพียงจวิ้นอ๋อง แต่ก็ทำให้สถานะของฉู่หนิงแทบไม่ต่างจากพวกเขา และมีคุณสมบัติพอที่จะแย่งชิงบัลลังก์กับพวกเขาได้แล้ว!

ส่วนฉู่หนิงนั้นราวกับตกตะลึงจนโง่งมไปแล้วกับการพระราชทานนี้ ยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่รู้จะทำอย่างไร

เด็กโง่คนนี้ คงไม่เคยเห็นโลกกว้างจริง ๆ !

ฉู่หวยมองฉู่หนิงแวบหนึ่ง “ยังไม่คุกเข่าขอบพระทัยอีก?”

ฉู่หนิงได้สติ รีบทำความเคารพทันที “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงประทานรางวัลพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉู่หวยจึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “เจ้าเพิ่งมาถึงเมืองหลวง ยังไม่คุ้นเคยกับอะไรหลายอย่าง พักอยู่ที่เมืองหลวงสักระยะก่อน แล้วค่อยเดินทางไปแนวหน้า”

“หากไม่มีเรื่องอื่นแล้ว เจ้าก็ถอยออกไปเถิด!”

ฉู่หนิงยกยิ้มมุมปาก “เสด็จพ่อ ลูกเพิ่งมาที่พระราชวังเป็นครั้งแรก จึงได้เตรียมของขวัญแรกพบมามอบให้เสด็จพ่อและบรรดาท่านพี่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

จะไม่มีเรื่องอื่นได้อย่างไรเล่า!

วันนี้เหล่าองค์ชายรังแกตนไว้มากเพียงนี้ จะต้องเอาคืนให้ได้!

อีกอย่าง การทำศึกก็คือการผลาญเงิน หากไร้ซึ่งเงินทองย่อมมิอาจทำการใดได้!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา