ของขวัญแรกพบหรือ?
องค์รัชทายาทและเหล่าองค์ชายต่างเผยรอยยิ้มเย็นชาที่มุมปาก
แค่สามัญชนคนหนึ่งยังจะนำของขวัญแรกพบมาด้วย?
ด้วยฐานะของพวกเขา ของล้ำค่าหายากอันใดบ้างที่ไม่เคยเห็น จะมาอยากได้ของจากสามัญชนเช่นเจ้าหรือ?
ทว่า ฉู่หวยที่ประทับอยู่บนบัลลังก์มังกรกลับเผยสีหน้ายินดีออกมา “ดูท่ามารดาของเจ้าจะสั่งสอนเจ้ามาเป็นอย่างดี นำของขวัญของเจ้าขึ้นมาสิ”
อย่างไรเสีย เขาก็เป็นบุตรของเรา ทั้งยังจะถูกส่งไปยังแนวหน้าเพื่อเป็นตัวตายตัวแทนด้วยน้ำมือของเขาเอง จะไม่รับของขวัญของฉู่หนิงเลยก็คงจะไม่ได้กระมัง?
ฉู่หนิงหยิบหยกแขวนขนาดครึ่งฝ่ามือออกมาจากอกเสื้อ “นี่คือของขวัญที่ลูกตั้งใจมอบให้เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าของฉู่หวยเปลี่ยนไปเล็กน้อย “รีบนำมาให้เราดูเร็วเข้า!”
หัวหน้าขันทีจ้าวหมิงรีบรับหยกแขวนมาทันที จากนั้นยื่นให้ฉู่หวย
เมื่อมองหยกแขวนที่ยังคงมีความอบอุ่นซึ่งอยู่ในมือ ฉู่หวยก็เผยสีหน้าหวนรำลึกถึงอดีต
นี่คือของขวัญที่เรามอบให้แก่มารดาของฉู่หนิง
คาดไม่ถึงว่านางจะเก็บรักษามันไว้ตลอด ทั้งยังส่งต่อให้ฉู่หนิงอีก
นาง คงจะเกลียดชังเราที่ไม่เคยไปหานางเลยกระมัง
“ของขวัญชิ้นนี้ เราชอบมาก!”
เมื่อจัดการกับอารมณ์ของตนเองได้แล้ว ฉู่หวยก็กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกที่แฝงไปด้วยความรู้สึกผิดต่อมารดาของฉู่หนิง “เจ้ามอบของขวัญแรกพบให้เรา เราก็จะมอบของให้เจ้าหนึ่งชิ้นเช่นกัน”
“ใครก็ได้ นำกระบี่คู่กายของเรามามอบให้ฉู่หนิง”
ทันทีที่คำนี้หลุดออกมา สีหน้าขององค์รัชทายาท เหล่าองค์ชาย และขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ต่างก็เปลี่ยนไปอย่างยิ่ง
กระบี่คู่กายของฮ่องเต้ นั่นคือสมบัติล้ำค่าประหนึ่งฮ่องเต้เสด็จมาด้วยพระองค์เอง มีกระบี่เล่มนี้อยู่ในมือ ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าลบหลู่ฉู่หนิง
องค์รัชทายาทเป็นคนแรกที่ไม่ยอม รีบก้าวออกมายืนคัดค้าน “เสด็จพ่อ กระบี่เล่มนี้...”
“องค์รัชทายาท เจ้ากำลังสงสัยในการตัดสินใจของเราอย่างนั้นหรือ?”
ฮ่องเต้ตรัสขัดขึ้นก่อนที่องค์รัชทายาทจะพูดจบ “อีกไม่นานฉู่หนิงจะต้องไปทัพหน้า มีกระบี่เล่มนี้อยู่ในมือ จะได้ใช้ควบคุมเหล่าทหารที่แนวหน้าได้!”
องค์รัชทายาทไม่กล้าโต้เถียง ทว่าแววตาอันเย็นชากลับฉายแววอำมหิตแวบหนึ่ง
เขาแอบมองกระบี่เล่มนี้มานานแล้ว ไม่คิดว่าตอนนี้จะตกเป็นของฉู่หนิงเสียได้
ในขณะนั้น จ้าวหมิงถือกระบี่คมกริบในฝักสีเหลืองอร่ามมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉู่หนิง
ฉู่หนิงยื่นมือไปรับกระบี่ล้ำค่า กล่าวด้วยความตื่นตระหนก “เสด็จพ่อ กระบี่เล่มนี้ล้ำค่าเกินไป ลูกเคิดว่าท่านพี่องค์รัชทายาทดูจะชอบมันมาก ไม่สู้มอบกระบี่เล่มนี้ให้เขาดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
ดวงตาขององค์รัชทายาทเป็นประกาย!
นับว่าเจ้าเด็กนี่รู้จักกาลเทศะ ของที่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควรจะได้ ก็สมควรจะเป็นฝ่ายมอบออกมาเอง!
องค์รัชทายาทมองฮ่องเต้ด้วยความยินดี “เสด็จพ่อ ยากนักที่ฉู่หนิงจะมีน้ำใจเช่นนี้ กระบี่เล่มนี้...”
ฉู่หวยทำหน้าบึ้ง “หึ กระบี่เล่มนี้ใช้สำหรับควบคุมเหล่าทหารแนวหน้า หรือว่าองค์รัชทายาทอยากจะไปแนวหน้า?”
องค์รัชทายาทถึงกับพูดไม่ออกในทันที
แม้จะอยากได้กระบี่เล่มนี้ แต่เขาก็ไม่อยากไปแนวหน้า
โชคดีที่ฮ่องเต้เองก็รู้ว่าการตำหนิองค์รัชทายาทต่อหน้าธารกำนัลจะเป็นการทำลายบารมีของเขา จึงหันไปมองฉู่หนิง “ของที่เรามอบให้เจ้า จะส่งต่อให้ผู้อื่นตามใจชอบได้อย่างไร?”
“เสด็จพ่อทรงสั่งสอนได้ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
ฉู่หนิงก้มหน้ากล่าวอย่างนอบน้อม “เป็นเพราะลูกเพิ่งมาถึงจึงไม่เข้าใจกฎระเบียบ ถือโอกาสใช้ของขวัญแรกพบนี้เป็นการขอโทษท่านพี่องค์รัชทายาท”
พูดจบ เขาก็หยิบห่อผ้าออกมาจากแขนเสื้อ
หลังจากคลี่ผ้าที่ห่อไว้หลายชั้นออก ก็เผยให้เห็นของที่อยู่ข้างใน...ใบชาสีเขียวมรกตกองหนึ่ง!
ฉู่หนิงกล่าวด้วยสีหน้าจริงใจ “ข้ารู้ว่าองค์รัชทายาทและเสด็จพี่ทุกท่านไม่ได้ขาดแคลนของล้ำค่าหายากอันใด แต่ใบชานี้ข้าเป็นคนปลูกและเก็บด้วยตนเอง ถือเป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ หวังว่าเสด็จพี่ทุกท่านจะรับไว้”
วุ่นวายมาตั้งนาน ทำทีลับ ๆ ล่อ ๆ บอกว่าเป็นของขวัญแรกพบ สุดท้ายกลับเป็นแค่ใบชากองหนึ่งอย่างนั้นหรือ?
แค่ชาเขียวธรรมดา ๆ ยังกล้าเอาออกมาให้ขายหน้าอีก?
มุมปากขององค์รัชทายาทกระตุก “น้ำใจของน้องสิบแปดพวกเราขอรับไว้ แต่ใบชานี้เจ้าเก็บไว้เองเถิด”
ฉู่หนิงถอนหายใจยาว “ท่านพี่องค์รัชทายาทไม่ชอบชาเขียวที่ข้าปลูกด้วยตนเองสินะ”
แววตาที่ผิดหวังนั้นถูกฮ่องเต้เห็นเข้าพอดี
เจ้าพวกลูกทรพี!
ถึงแม้ฉู่หนิงจะเป็นตัวตายตัวแทน แต่ก็เป็นน้องชายของพวกเจ้านะ
คนเขาให้ของขวัญยังจะรังเกียจอีก?
“อีกทั้งเมื่อครู่พวกเจ้าก็เพิ่งรับของขวัญจากฉู่หนิงไป ตามหลักการแล้วก็ควรจะให้ของขวัญตอบแทนเช่นกัน”
เมื่อฮ่องเต้ตรัสออกมาแล้ว เหล่าองค์ชายก็ไม่อาจจะยืนนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
องค์รัชทายาทเป็นคนแรกที่แสดงท่าที “เสด็จพ่อตรัสได้ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ ลูกยินดีมอบม้าดีสิบตัวให้แก่น้องสิบแปด!”
ม้าชั้นดีหนึ่งตัวอย่างน้อยก็ต้องราคาสองร้อยตำลึง!
องค์รัชทายาทมอบของขวัญตอบแทน จะให้แค่ม้าตัวเดียวก็คงไม่ได้
แต่ก็ไม่อาจมอบของที่ล้ำค่าเกินไป ม้าสิบตัวจะว่ามากก็ไม่มาก จะว่าน้อยก็ไม่น้อย
องค์ชายคนอื่น ๆ ต่างคำนวณมูลค่าในใจ แล้วพากันก้าวออกมา
“น้องสิบแปด พี่มีร้านขายผ้าสองแห่งทางใต้ของเมืองขอมอบให้เจ้า!”
“พี่มอบร้านตีเหล็กสองแห่งให้เจ้า!”
“พี่มอบผ้าไหมหนึ่งร้อยพับ!”
“พี่มอบไข่มุกราตรีหนึ่งคู่!”
...
แม้ในใจจะไม่เต็มใจ แต่เมื่อฮ่องเต้ผู้เป็นบิดาเอ่ยปากแล้ว ใครเล่าจะกล้าไม่ให้?
เมื่อคิดว่าของล้ำค่าของตนเองถูกฉู่หนิงใช้ชาเขียวแลกไป เหล่าองค์ชายก็รู้สึกพะอืดพะอมราวกับกลืนแมลงวันตายเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น
แต่ฮ่องเต้กลับพอพระทัยอย่างยิ่ง ทรงลุกขึ้นยืนแล้วแย้มสรวลพลางตรัสว่า “ฉู่หนิงเอ๋ย ยังไม่รีบขอบคุณพวกเขาอีก”
“ขอบพระทัยเสด็จพี่ทุกท่าน!” ฉู่หนิงประสานมือคารวะเหล่าองค์ชายด้วยสีหน้าจริงใจ
ฮ่องเต้หัวเราะฮ่า ๆ “อย่างนี้สิถึงจะเหมือนครอบครัวเดียวกัน ต่อไปพวกเจ้าต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อปกป้องต้าฉู่ของเราให้รุ่งเรืองไปร้อยชั่วอายุคน”
“จริงสิ เจ้าเพิ่งมาถึงเมืองหลวง ยังไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่นี่ เราจะส่งองครักษ์สองนายติดตามเจ้าไป เผื่อว่าเจ้าจะไม่รู้จักทาง”
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ!”
ฉู่หนิงประสานมือคารวะ จากนั้นองครักษ์สองนายก็เดินตามเขาออกไปพร้อมกัน
แต่ในขณะนี้ องค์รัชทายาทฉู่เวยกลับจ้องมองแผ่นหลังของฉู่หนิงที่เดินจากไปอย่างเย็นชา
ไม่สิ พูดให้ถูกคือ เขากำลังจ้องมองกระบี่คู่กายของฮ่องเต้ในมือของฉู่หนิง!

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา