“หึ แค่ใบชาธรรมดา ๆ แลกกับม้าดีของข้าไปตั้งสิบตัว!”
ตำหนักบูรพา
องค์รัชทายาทฉู่เวยโกรธจนหน้าเขียว เขาขว้างถ้วยชาในมือลงบนพื้นอย่างแรง
แต่แค่นี้ยังไม่หายโกรธ เขากระทืบซ้ำลงไปบนใบชาที่อยู่บนพื้นสองครั้ง แล้วตะโกนออกไปข้างนอก “ใครก็ได้ เอาชาเขียวนี่ไปให้หมากิน!”
ชาเขียวนี่ก็เหมือนกับฉู่หนิง แค่เห็นก็รู้สึกขัดหูขัดตา!
องค์ชายเจ็ดผู้ซึ่งสนับสนุนองค์รัชทายาทมาตลอดหัวเราะเบา ๆ “ท่านพี่องค์รัชทายาท ไยต้องถือสาหาความกับคนที่กำลังจะตายด้วยเล่า?”
“ถือสาหาความหรือ?”
องค์รัชทายาทสีหน้ามืดมน “เสด็จพ่อประทานกระบี่คู่กายของเขาให้ฉู่หนิง กระบี่เล่มนั้นควรจะเป็นของข้า หากได้กระบี่คู่กายของเสด็จพ่อมา บารมีและชื่อเสียงของข้าจะเหนือกว่าองค์ชายคนอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิง!”
มุมปากขององค์ชายเจ็ดยกยิ้มเล็กน้อย หัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ยขึ้น “ฉู่หนิงนั่นก็เป็นแค่สามัญชนที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกมากนัก หากท่านพี่องค์รัชทายาทไปหาเขาด้วยตนเอง เขายังจะกล้าเก็บกระบี่คู่กายของเสด็จพ่อไว้อีกหรือ?”
แค่สามัญชนคนหนึ่ง จะกล้ามาแย่งชิงกระบี่คู่กายของฮ่องเต้กับองค์รัชทายาทได้อย่างไร?
ถึงแม้จะได้รับการแต่งตั้งเป็นจวิ้นอ๋อง แต่ก็เป็นเพียงตำแหน่งลอย ๆ ที่ไม่มีทั้งอำนาจบารมี และไร้ที่ดินศักดินา
ดวงตาขององค์รัชทายาทหรี่ลง ฉายแววประหลาดใจระคนยินดี “มีเหตุผล ข้าจะไปด้วยตนเอง กระบี่ของเสด็จพ่อจะตกไปอยู่ในมือของคนแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด!”
องค์รัชทายาทสะบัดแขนเสื้อ แล้วมุ่งหน้าออกจากตำหนักไปด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
ในขณะเดียวกัน บนถนนใหญ่จูเชวี่ย ฉู่หนิงมองจวนหลังใหญ่ที่กินพื้นที่กว่าร้อยหมู่ตรงหน้า มุมปากก็กระตุกเล็กน้อย
จวนหลังใหญ่ขนาดนี้อยู่กันแค่สามคน ช่างฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว
“จวิ้นอ๋อง เชิญด้านในพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ท่าทางน่าเกรงขามผายมือในลักษณะเชื้อเชิญ
ฉู่หนิงมองทั้งสองคนแวบหนึ่ง คนหนึ่งรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้ากว้างคางหนาดูภูมิฐาน อีกคนรูปร่างสูงใหญ่กำยำ ใบหน้าแดงก่ำคมเข้มราวกับผลพุทรา
เขาเดินเข้าไปในประตู พลางเอ่ยถาม “พวกเจ้าสองคนชื่ออะไร?”
“กวนอวิ๋นพ่ะย่ะค่ะ!”
“จ้าวอวี่พ่ะย่ะค่ะ!”
“ทั้งสองคนช่วยเตรียมชาร้อนให้ข้าด้วย อีกเดี๋ยวจะมีแขกมา” ฉู่หนิงสั่งการหนึ่งประโยค แล้วเริ่มเดินสำรวจไปรอบ ๆ จวน
กวนอวิ๋นและจ้าวอวี่สบตากัน ดวงตาฉายแววสงสัยเล็กน้อย
จวิ้นอ๋องท่านนี้มิใช่สามัญชนหรอกหรือ เหตุใดเพิ่งมาถึงเมืองหลวงก็มีแขกมาเยี่ยมเยียนแล้ว?
แม้ในใจจะสงสัย แต่ทั้งสองคนก็ยังคงออกไปเตรียมชาร้อน
ขณะเดียวกัน ภายในพระราชวัง ฮ่องเต้กำลังจิบชาอยู่
“ชานี้ไม่เลวเลย กลิ่นหอมฟุ้ง ทำให้เรารู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ไม่รู้ว่าฉู่หนิงไปได้มาจากที่ใด”
ฮ่องเต้ถือถ้วยชา พลางเอ่ยชมไม่ขาดปาก
หัวหน้าขันทีจ้าวหมิงยิ้มเบา ๆ “ยากนักที่ฝ่าบาทจะทรงโปรด วันพรุ่งนี้บ่าวจะให้เผิงไหลจวิ้นอ๋องนำชามาถวายอีกพ่ะย่ะค่ะ”
ระหว่างที่พูดคุยกัน บุรุษในชุดรัดกุมสีดำ สวมผ้าปิดหน้าสีดำคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนัก
“ฝ่าบาท องค์รัชทายาทเสด็จออกจากวังไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
ดวงตาของฮ่องเต้หรี่ลง วางถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะอย่างแรง “หึ เขาคงจะไปหาฉู่หนิงแล้วกระมัง!”
“ฝ่าบาททรงพระปรีชา!”
“จับตาดูเขาไว้ เราอยากจะเห็นนักว่าเขาคิดจะทำอะไร!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
…
ภายในลานด้านในของจวน ฉู่หนิงที่เดินสำรวจจนทั่วแล้วกำลังพิจารณากระบี่คู่กายของฮ่องเต้
ทันใดนั้น ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกจวน
“องค์รัชทายาทเสด็จ!”
สีหน้าของกวนอวิ๋นและจ้าวอวี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ทั้งสองสบตากัน
จวิ้นอ๋องพูดถูกจริง ๆ ด้วย!
มีแขกมาเยือน!
“ท่านพี่องค์รัชทายาทเสด็จมาเยือน ขออภัยที่ไม่ได้ออกไปต้อนรับ โปรดอภัยให้ด้วย!” ฉู่หนิงแสร้งทำสีหน้าประหลาดใจอย่างยิ่งแล้วเดินเข้าไปต้อนรับ
องค์รัชทายาทพอใจกับท่าทีของฉู่หนิงมาก
อยู่ต่อหน้าเขา ก็ควรจะอ่อนน้อมเช่นนี้!
“ข้ามาโดยไม่ได้บอกกล่าว น้องสิบแปดจะมีความผิดได้อย่างไรกัน?”
“ท่านพี่องค์รัชทายาทเชิญด้านในขอรับ ใครก็ได้ ยกชามา!”
ฉู่หนิงเชิญองค์รัชทายาทเข้าไปในห้องโถง องค์รัชทายาทก็นั่งลงบนที่นั่งหลักอย่างไม่เกรงใจ
ส่วนฉู่หนิง ทำได้เพียงยืนอยู่เท่านั้น
กวนอวิ๋นยกชาเข้ามา แต่รัชทายาทไม่แม้แต่จะชายตามอง สายตาของเขามีเพียงกระบี่คู่กายของฮ่องเต้เท่านั้น!
มุมปากของฉู่หนิงยกยิ้มเล็กน้อย แอบหัวเราะเยาะในใจ
พูดจบ ฉู่หนิงก็โยนกระบี่ในมือไปให้องค์รัชทายาท โดยไม่มีทีท่าอาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อย
องค์รัชทายาทถึงกับงุนงงไปเล็กน้อย
นี่คือกระบี่คู่กายของฮ่องเต้เชียวนะ ในยามคับขันสามารถช่วยชีวิตได้!
เจ้าฉู่หนิงนี่ไม่รู้เรื่องจริง ๆ หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้กันแน่?
ช่างเถอะ จะไปสนใจเรื่องพวกนี้ทำไม
ไม่ว่าฉู่หนิงจะมอบกระบี่ให้จากใจจริงหรือไม่ อย่างไรเสียกระบี่ก็มาอยู่ในมือแล้ว!
เมื่อมองดูกระบี่ที่ใฝ่ฝันมาตลอดในมือ มือขององค์รัชทายาทก็อดสั่นเทาไม่ได้ ในใจรู้สึกตื่นเต้นยินดีอย่างยิ่ง
มีกระบี่เล่มนี้แล้ว เขาก็สามารถข่มองค์ชายคนอื่น ๆ ได้อย่างสิ้นเชิง!
ฉู่หนิงผู้นี้ ช่วยเขาได้มากจริง ๆ
เหลือบมองฉู่หนิงที่ก้มหน้าอยู่ องค์รัชทายาทก็หัวเราะเสียงดัง แล้วเดินเข้าไปตบบ่าเขา “น้องสิบแปดใจกว้างเช่นนี้ ข้าก็จะใจแคบไม่ได้!”
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ข้าให้เงินเจ้าห้าหมื่นตำลึง เป็นอย่างไร?”
ฉู่หนิงนิ่งเงียบไปทันที
เขาคิดว่าองค์รัชทายาทจะให้มากสุดก็แค่หนึ่งหมื่นตำลึง ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายเอ่ยปากก็ให้ถึงห้าหมื่นตำลึง
เขาประเมินความสามารถขององค์รัชทายาทต่ำไปเสียแล้ว
องค์รัชทายาทเห็นฉู่หนิงไม่พูดไม่จา ก็นึกว่าเขายังคิดว่าน้อยไป จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “หกหมื่นตำลึงคงได้แล้วกระมัง!”
ไม่ใช่แค่ได้สิ แต่มันยอดเยี่ยมไปเลยต่างหาก!
ฉู่หนิงรีบพยักหน้า “ท่านพี่องค์รัชทายาทว่าเท่าไรก็เท่านั้นขอรับ”
“ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ เจ้าช่างรู้จักกาลเทศะนัก ข้าพอใจมาก เดี๋ยวจะให้คนส่งเงินมาให้ทันที!”
องค์รัชทายาทพูดพลางขยับเข้าไปใกล้ฉู่หนิง กล่าวเตือนด้วยเสียงต่ำ “แต่เรื่องนี้เจ้าห้ามบอกเสด็จพ่อเด็ดขาด มิเช่นนั้นเงินของข้าจะถูกเรียกคืนทั้งหมด!”
ฉู่หนิงรีบโบกมือ “องค์รัชทายาทโปรดวางใจ ข้าจะไม่เอ่ยเรื่องนี้กับเสด็จพ่อเด็ดขาด!”
องค์รัชทายาทพอใจมาก จากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ
ในลานบ้าน กวนอวิ๋นและจ้าวอวี่เห็นองค์รัชทายาทจากไปพร้อมกับกระบี่คู่กายของฮ่องเต้ ทั้งสองคนก็ร้อนใจขึ้นมาทันที
“จวิ้นอ๋อง กระบี่เป็นของที่ฝ่าบาทพระราชทานให้ ตอนนี้ถูกองค์รัชทายาทเอาไปแล้ว ฝ่าบาทต้องลงโทษท่านแน่พ่ะย่ะค่ะ!”
“องค์รัชทายาทยังเสด็จไปได้ไม่ไกล จวิ้นอ๋องรีบตามไปทวงคืนเถิด!”
ฉู่หนิงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย หัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องรีบร้อน รอดูสถานการณ์ไปก่อน!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา