“จวิ้นอ๋อง ท่าน...ท่านคงไม่ได้คิดจะขายหอกเล่มนี้ไปด้วยหรอกนะพ่ะย่ะค่ะ?”
“ทำเช่นนี้มิได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ หอกเล่มนี้เป็นของที่ฝ่าบาทเคยใช้เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ ล้ำค่าหาใดเปรียบ ขายไม่ได้เด็ดขาด!”
จ้าวอวี่และกวนอวิ๋นพอเห็นท่าทีของฉู่หนิงก็ร้อนรนขึ้นมาทันที
ขายกระบี่คู่กายของฮ่องเต้ไปแล้ว ฮ่องเต้ไม่ทรงลงโทษ นั่นเป็นเพราะความโปรดปรานที่ทรงมีต่อท่านจวิ้นอ๋องแล้ว
แต่หากจะขายหอกเล่มนี้อีก ฝ่าบาทต้องทรงพิโรธเป็นแน่!
ฉู่หนิงยกยิ้มมุมปาก มองหอกยาวในมือแล้วเอ่ยชมอย่างประหลาดใจ “หอกเล่มนี้เป็นของที่เสด็จพ่อเคยใช้ คงจะมีค่ายิ่งกว่าสินะ!”
“อีกไม่นานข้าก็จะต้องไปทัพหน้าแล้ว หากไม่มีเงินมากพอ ทหารเบื้องล่างที่ไหนจะยอมฟังคำสั่งข้า?”
กวนอวิ๋นและจ้าวอวี่พลันนิ่งเงียบไป
การพ่ายศึกที่แนวหน้า ไม่ใช่เพียงเพราะขาดแคลนเสบียง แต่ยังมีสาเหตุมาจากเบี้ยหวัดทหารไม่เพียงพอด้วย
หากเผิงไหลจวิ้นอ๋องไปมือเปล่า ทหารที่แนวหน้าคนไหนจะยอมฟังคำสั่งขององค์ชายที่ไม่มีทั้งอำนาจ บารมี และเงินทอง?
ทุกสิ่งที่เผิงไหลจวิ้นอ๋องทำ ล้วนทำเพื่อเหล่าทหารที่แนวหน้าทั้งสิ้น!
ในวินาทีนี้ ภาพลักษณ์ของฉู่หนิงในใจของพวกเขาก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
เดิมทีคิดว่าฉู่หนิงเป็นเพียงองค์ชายตัวตายตัวแทน แต่การกระทำของฉู่หนิงกลับพิชิตใจพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์
“เผิงไหลจวิ้นอ๋องทรงห่วงใยในความปลอดภัยของบ้านเมือง ถึงกับยอมขายหอกยาวที่ฝ่าบาทพระราชทานให้ จ้าวอวี่ยินดีนำทางให้ท่านพ่ะย่ะค่ะ!”
ฉู่หนิงยกยิ้มมุมปาก “ไปที่จวนขององค์ชายรองก่อน”
...
ณ พระราชวัง ฮ่องเต้กำลังตรวจฎีกา
ทันใดนั้น องครักษ์เงาก็เข้ามารายงาน “ฝ่าบาท เผิงไหลจวิ้นอ๋องกำลังนำหอกประกายเงินมุ่งหน้าไปยังจวนขององค์ชายรองแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
พู่กันที่กำลังจรดลงบนฎีกาพลันหยุดชะงัก หมึกหยดหนึ่งไหลซึมลงมาบดบังตัวอักษรเป็นวงกว้าง
ฮ่องเต้ทรงกริ้วจนขว้างฎีกาลงบนพื้นอย่างแรง “ฉู่หนิงคิดจะทำอะไร? หรือว่าเขายังคิดจะขายหอกประกายเงินที่เราให้ไปอีกหรือ?”
เจ้าเด็กสารเลวนี่ ไม่รู้หรือไรว่าหอกยาวที่เราพระราชทานให้นั้นสามารถช่วยชีวิตในยามคับขันได้!
องครักษ์เงาตอบอย่างระมัดระวัง “จ้าวอวี่ส่งข่าวมาว่า เผิงไหลจวิ้นอ๋องต้องการขายหอกประกายเงินจริง ๆ เพื่อรวบรวมเงินให้เพียงพอสำหรับไปปลอบขวัญกองทัพทั้งสามที่แนวหน้าพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้ที่ยังทรงกริ้วอยู่ถึงกับชะงักงัน
ใช่สิ ฉู่หนิงที่ไม่มีทั้งอำนาจและบารมี จะทำให้กองทัพนับแสนนายที่แนวหน้ายอมเชื่อฟังเขาได้อย่างไรหากไม่มีเงิน
ว่ากันตามจริงแล้ว ราชสำนักยังค้างจ่ายเบี้ยหวัดของทหารที่แนวหน้าอยู่ถึงสามเดือน
ที่แท้ การที่ฉู่หนิงขายทั้งกระบี่และหอก ก็เพื่อรวบรวมเบี้ยหวัด สร้างขวัญและกำลังใจให้ทหาร!
ฉู่หนิงกำลังทำเพื่อบ้านเมืองต่างหาก!
เป็นเราเองที่เข้าใจเขาผิดไป!
“จับตาดูเขาไว้ก่อน เราอยากจะเห็นนักว่าใครหน้าไหนมันจะกล้าซื้อหอกประกายเงิน!”
“กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
...
จวนองค์ชายรอง ณ โถงรับรอง
ฉู่หมิงมองหอกประกายเงินตรงหน้าด้วยดวงตาเป็นประกาย
นี่คือหอกยาวที่เสด็จพ่อเคยใช้เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ มีความหมายมากกว่ากระบี่คู่กายเสียอีก!
ฉู่หนิงมองพี่ชายของตนเอง บนใบหน้ากลับเผยท่าทีซื่อ ๆ ออกมา
“พี่รอง ท่านชอบหอกเล่มนี้หรือไม่?”
“ชอบ!”
ฉู่หมิงชื่นชมมันจนวางไม่ลง พยักหน้าอย่างไม่ลังเล
“ในเมื่อพี่รองชอบ เช่นนั้นก็ขายหอกเล่มนี้ให้พี่รองก็แล้วกัน!”
ฉู่หนิงเข้าเรื่องทันที “กระบี่คู่กายของเสด็จพ่อขายให้ท่านพี่องค์รัชทายาทไปหกหมื่นตำลึง หอกเล่มนี้ย่อมต้องเหนือกว่ากระบี่คู่กายเล่มนั้น หนึ่งแสนตำลึง พี่รองก็สามารถเก็บหอกเล่มนี้ไว้ได้เลย!”
องค์ชายรองได้ยินดังนั้นก็ร้อนรนขึ้นมาทันที
“ชอบก็ชอบอยู่หรอก แต่หอกเล่มนี้เป็นของที่เสด็จพ่อพระราชทานให้น้องสิบแปด พี่จะแย่งของรักของคนอื่นได้อย่างไรกัน!”
ล้อกันเล่นหรือไร องค์รัชทายาทซื้อกระบี่ไปก็ถูกกักบริเวณ หากข้าซื้อหอกเล่มนี้ไป ไม่รู้ว่าจะถูกเสด็จพ่อลงโทษอย่างไรบ้าง!
ฉู่หนิงไปที่จวนขององค์ชายสามจริง ๆ
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในจวนขององค์ชายรองได้แพร่ออกไปแล้ว องค์ชายสามจึงพูดกันตรง ๆ ปฏิเสธข้อเสนอขายหอกของฉู่หนิงทันที
แน่นอนว่า เพื่อไล่ฉู่หนิงไปให้พ้น ๆ องค์ชายสามก็ให้เงินหนึ่งพันตำลึงเช่นกัน
เรื่องราวต่อจากนั้นก็ง่ายดายแล้ว เมื่อมีบทเรียนจากองค์ชายรองและองค์ชายสามเป็นตัวอย่าง องค์ชายคนอื่น ๆ ก็เตรียมเงินหนึ่งพันตำลึงไว้ ก่อนที่จะฉู่หนิงจะไปถึงจวนเสียอีก
ทั้งสามคนที่ออกมามือเปล่า ตอนกลับจำต้องซื้อรถม้าหนึ่งคัน บนรถม้าวางหีบใบเล็ก ๆ ไว้เต็มถึงสิบหกใบ
องค์ชายสิบแปดพระองค์ ตัดองค์รัชทายาทและตัวฉู่หนิงเองออกไป คนละหนึ่งพันตำลึง รวมเป็นเงินหนึ่งหมื่นหกพันตำลึง!
เพียงแค่ออกมาข้างนอกรอบเดียว ฉู่หนิงก็ได้กลับไปอย่างเต็มไม้เต็มมือ!
จะไปแนวหน้า หากไม่มีเงินเพียงพอจะได้อย่างไร การหาเงินคือภารกิจอันดับแรก!
และข่าวนี้ก็แพร่ไปถึงพระราชวังอย่างรวดเร็ว
“องค์ชายแต่ละคนให้เงินเขาหนึ่งพันตำลึงเพื่อไล่ไปหรือ?”
ฮ่องเต้เบิกพระเนตรกว้าง “ฉู่หนิงแค่เดินเล่นรอบเดียวก็ได้เงินมามากมายขนาดนี้เชียว?”
องครักษ์เงาพยักหน้า
ฮ่องเต้ทรงกริ้วจนพระหัตถ์สั่นเทา
องค์ชายพวกนี้ ตอนที่เปิดศึกบอกให้พวกเขาระดมเงิน แต่ละคนก็ซุกซ่อนเอาไว้ ไม่อยากจะออกเงินเลยสักนิด
ตอนนี้เพื่อจะไล่ฉู่หนิงไป กลับยอมควักเงินคนละหนึ่งพันตำลึง!
ช่างใจกว้างเสียจริง!
น่าเสียดายที่ความใจกว้างของพวกเจ้าใช้ผิดที่ผิดทาง หากนำไปใช้กับทหารที่แนวหน้า ราชวงศ์ต้าฉู่จะตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้อย่างไร?
ฮ่องเต้ที่ยิ่งคิดก็ยิ่งกริ้ว พลันทุบโต๊ะทำงานอย่างแรง ตวาดเสียงดังลั่น “จ้าวหมิง ถ่ายทอดราชโองการเดี๋ยวนี้ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของฮองเฮา นอกจากฉู่หนิงแล้ว ให้องค์ชายคนอื่น ๆ ทุกคนคัดลอกพระคัมภีร์ถวายคนละหนึ่งจบ!”
“พ่ะย่ะค่ะ!” จ้าวหมิงรับคำแล้วรีบออกไปถ่ายทอดราชโองการทันที
ส่วนตัวต้นเรื่องอย่างฉู่หนิง ในตอนนี้กลับกำลังมองกวนอวิ๋นและจ้าวอวี่ที่กำลังขนย้ายหีบเงินอยู่ พลางเอ่ยถาม “จวนของข้าใหญ่เกินไป แต่คนน้อยเกินไป พวกเจ้าสองคนพอจะมีใครแนะนำบ้างหรือไม่?”
รีดไถองค์ชายทุกคนไปรอบหนึ่งแล้ว จะไปรีดไถเงินจากคนพวกนี้อีกคงจะยาก ต่อไปคงต้องหาคนมาปกป้องชีวิตน้อย ๆ ของตัวเองแล้ว!

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา