ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 1003

เพียงเวลาเจ็ดถึงแปดลมหายใจ ค้างคาวผีที่พิการแขนขาขาดมากมายก็ร่วงหล่นเกลื่อนพื้น

ค้างคาวผีที่เหลือเห็นท่าไม่ดีจึงบินวนกลางอากาศแล้วกางปีกบินหนีไปยังทางเข้าถ้ำทันที ไม่นานก็หนีหายไปจนเกลี้ยง

ชายหนุ่มร่างผอมมองดูจนตาโตอ้าปากค้าง

ตอนนี้เองปราณสีดำสายหนึ่งก็ลอยออกมาจากใต้โถงถ้ำหิน สตรีผู้สวมชุดตาข่ายสีดำนางหนึ่งปรากฏตัวออกมา เซียเอ๋อร์นั่นเอง

“นายท่าน เซียเอ๋อร์ทำงานไม่เรียบร้อย ปล่อยให้ค้างคาวผีครึ่งหนึ่งหนีไปได้” เซียเอ๋อร์ค้อมกายเล็กน้อยคำนับหลิ่วหมิง

“ไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ เจ้าทำได้ดีมากแล้ว” หลังจากหลิ่วหมิงเอ่ยเรียบๆ ประโยคหนึ่งก็ตบข้างเอว เซียเอ๋อร์กลายเป็นไอหมอกสีดำสายหนึ่งมุดเข้าไปในถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณทันที

“คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าอสูรเลี้ยงของศิษย์น้องหลิ่วจะกลายร่างได้ อีกทั้งยังมีพลังน่าตะลึงเช่นนี้ เพียงยกมือยกเท้าก็โจมตีค้างคาวผีมากมายเช่นนี้จนกระเจิง! ต้องรู้ว่าค้างคาวผีเหล่านี้ไม่เพียงจัดการยากยิ่งนัก ทั้งร่างสักส่วนยังไม่มีวัตถุดิบที่มีราคา พิษที่อยู่ในเลือดยิ่งทำลายอาวุธจิตวิญญาณได้ โดยทั่วไปไม่มีผู้ใดฝืนอยู่สู้กับผีพวกนี้หรอก” ตอนนี้ชายหนุ่มร่างผอมเพิ่งได้สติกลับมา เขาจ้องถุงหนังข้างเอวหลิ่วหมิงแล้วจิ๊ปากเอ่ยชม ท่าทางกระตือรือร้นมากกว่าก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด

นี่ก็ไม่แปลก แม้ตอนนี้หลิ่วหมิงได้ชื่อว่าอันดับหนึ่งของศิษย์นิกายสายใน แต่ศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์คนอื่นที่ออกจากนิกายมาเนิ่นนานหลายสิบปีจนถึงนับร้อยปีเหล่านี้ย่อมไม่คุ้นเคยนัก แม้กระทั่งชื่อของตนก็อาจเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำ

“ภูตผีและอสูรแห่งความมืดในทางปีศาจร้ายแห่งนี้น่าสนใจจริงๆ” หลิ่วหมิงฟังแล้วก็พยักหน้า เข้าใจสภาพของสถานที่แห่งนี้มากขึ้นอีกเล็กน้อย

หลังจากนั้นทั้งสองคนก็สำรวจถ้ำหินทั้งหมดรอบหนึ่งแต่ไม่พบอะไรมากกว่านั้น

สองวันให้หลัง ในที่สุดฝนกัดกร่อนที่โปรยปรายลงมาทั่วท้องฟ้านี้ก็ค่อยๆ หยุด ทั้งสองออกจากถ้ำแล้วเหาะไปเมืองจินกวังต่อทันที

เดินทางเร็วบ้างช้าบ้าง หลังจากนั้นสองวัน ในที่สุดเมืองใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่แห่งหนึ่งก็ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาในสายตาของหลิ่วหมิง

“ศิษย์พี่หลิ่ว ที่นี่คือเมืองซึ่งเป็นฐานที่มั่นหลักของนิกายด้านในทางปีศาจร้าย เมืองจินกวัง” ชายหนุ่มร่างผอมชี้เมืองที่อยู่ไกลๆ เบื้องหน้าแล้วเอ่ยเช่นนี้

ระหว่างทางทั้งสองคนต่างถามชื่อแซ่ของกันและกันมาแล้ว ความสัมพันธ์จึงสนิทสนมขึ้นอีกไม่น้อย

ชายหนุ่มร่างผอมผู้นี้แซ่เยวี่ยนามว่าชี เป็นศิษย์แห่งยอดเขาหยกดำ เข้ามาในทางปีศาจร้ายเพื่อขัดเกลาตนเอง ค้นหาโอกาสเข้าสู่ระดับแกนแท้ จนถึงวันนี้นานสามสิบเก้าปีแล้วแต่ยังไม่สมดังหวังเสียที

เวลานี้หลิ่วหมิงมองออกไปไกลๆ ตามทิศทางที่เยวี่ยชีชี้ก็เห็นเมืองจินกวังอันยิ่งใหญ่อลังการ ครอบครองพื้นที่ราวยี่สิบสามสิบลี้ แทนที่จะเรียกว่าเมืองไม่สู้เรียกที่แห่งนี้ว่าป้อมปราการจะเหมาะสมกว่า

ทั้งเมืองสร้างขึ้นด้วยศิลาสีดำชนิดหนึ่ง กำแพงเมืองสี่ด้านสูงถึงร้อยกว่าจั้ง ใจกลางเมืองมองเห็นหอสูงสีขาวหลังหนึ่งแต่ไกล มันสูงกว่ากำแพงเมืองหลายสิบจั้ง บนยอดหอสูงมีลูกบอลแสงสีทองอ่อนมหึมาลูกหนึ่งลอยอยู่ มันหมุนสาดแสงสีทองอ่อนไปทั่วทุกสารทิศ มองจากไกลๆ ราวกับทั้งเมืองอาบแสงรัศมีสีทอง นี่อาจเป็นสาเหตุที่เมืองแห่งนี้ได้ชื่อว่าเมืองแสงทอง

บนกำแพงทั้งสี่ด้านมีผู้ฝึกฝนลาดตระเวนไปมาเป็นระยะ ทุกระยะหลายสิบจั้งจะมีหอขนาดเล็กหอหนึ่ง บนหอวางเครื่องยิงศรยักษ์น่าตะลึงเครื่องหนึ่งเอาไว้ ลูกศรโลหะแต่ละดอกที่พาดสายอยู่บนนั้นยาวหลายจั้ง บนนั้นแผ่แสงพลังเวทเรืองๆ ออกมา

เครื่องยิงศรยักษ์เช่นนี้โจมตีออกมา กระทั่งผู้ฝึกฝนระดับผลึกก็คงยากจะเผชิญกับคมอาวุธของมันตรงๆ

บนกำแพงฝั่งที่อยู่นอกเมืองทุกหนแห่งล้วนมองเห็นรอยขรุขระคล้ายมีคนโจมตีแล้วทิ้งร่องรอยเอาไว้ แม้บริเวณเหล่านี้จะถูกซ่อมแซมแล้ว แต่ก็ยังเห็นรอยแตกเส้นยาวอยู่ไม่น้อย จากสิ่งนี้เห็นได้ว่าเรื่องที่เยวี่ยชีเล่าว่ากองทัพผีร้ายโจมตีอย่างบ้าคลั่งคงไม่ใช่คำลวง เรื่องจริงเหมือนจะยิ่งกว่านั้น

บนท้องฟ้าใกล้เมืองมีจุดสีดำจำนวนไม่น้อยวนเวียนอยู่ใกล้ไกลทั่วไปหมด เมื่อเพ่งมองจึงเห็นว่าเป็นวิหคสีดำตัวแล้วตัวเล่า น่าจะกำลังลาดตระเวนโดยรอบอยู่

“เมืองแสงทองแห่งนี้คุ้มกันแน่นหนาจริง” หลิ่วหมิงรั้งสายตากลับมาแล้วพยักหน้า

“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว! ตามข้าเข้ามาในเมืองก่อนเถิด ศิษย์ของนิกายคนใดที่เข้ามาในทางปีศาจร้ายเป็นครั้งแรกล้วนต้องไปลงชื่อในเมือง หลังจากนั้นผู้อาวุโสเบื้องบนจึงจะแจกจ่ายภารกิจให้” ชายหนุ่มแซ่เยวี่ยพูดพลางเหาะนำเข้าไปที่ประตูเมืองก่อน หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้จึงกระตุ้นลำแสงตามไป

ขณะที่ยังอยู่ห่างจากประตูเมืองร้อยกว่าจั้ง บนกำแพงก็มีผู้ฝึกฝนสี่ห้าคนเหาะออกมาในทันใด พวกเขาสวมชุดเกราะสีน้ำเงินแบบเดียวกัน มุ่งมาหาทั้งสองคน

“หยุด!” ผู้ฝึกฝนเหล่านี้หยุดห่างไปสิบกว่าจั้ง แสงสีน้ำเงินสว่างวาบขึ้นบนมือผู้ฝึกฝนวัยกลางคนที่เป็นหัวหน้า ทันใดนั้นกระบี่หนายาวหลายฉื่อเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาแล้วชี้มาทางพวกหลิ่วหมิงแต่ไกล จากนั้นเสียงเข้มก็ตวาดถาม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา