หลิ่วหมิงสำรวจจุดต่างๆ ในห้องรอบหนึ่ง หลังจากไม่พบสิ่งผิดปกติจึงพลิกฝ่ามือเรียกแผ่นค่ายกลตั้งหนึ่งออกมาทันที นิ้วมือดีดราวกับบิน ธงค่ายกลคันแล้วคันเล่าพุ่งไปแต่ละมุมของห้อง
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ม่านแสงสีน้ำเงินอ่อนชั้นหนึ่งก็ล้อมทั้งห้องเอาไว้
เมื่อทำสิ่งเหล่านี้เสร็จสิ้นหลิ่วหมิงจึงโล่งใจ เขาเดินเข้าไปในห้องนอนแล้วนอนลงบนเตียงศิลา
แม้ระหว่างที่เดินทางในทางปีศาจร้ายเขาจะไม่รู้สึกเหนื่อยอย่างไร แต่ตอนนี้เขาก็ต้องจัดการข้อมูลในสมองที่ได้รับมาให้ดีสักหน่อย
“เดี๋ยวนะ!”
หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม จู่ๆ หลิ่วหมิงก็พลิกตัวลุกขึ้นนั่ง เขาเรียกยันต์เก็บของที่ผู้อาวุโสกู่ผู้นั้นมอบให้ออกมา หลังจากขยี้จนแหลก แสงก็สว่างขึ้นบนพื้น ของหลายชิ้นปรากฏขึ้น
ชุดเกราะสีน้ำเงินเข้มตัวหนึ่ง คัมภีร์หยกสีเทาหม่นเล่มหนึ่งกับขวดหยกขาวใบน้อยที่ไม่สะดุดตาอีกใบหนึ่ง
หลิ่วหมิงยื่นมือออกไปหยิบชุดเกราะมาพิจารณาอย่างละเอียดก่อน เครื่องแบบของกองทัพแสงทองชุดนี้เมื่อลองลูบทั้งลื่นมือทั้งเบาหวิวราวกับไม่มีสิ่งใดอยู่
เขาอ้าปากพ่นพลังเวทบริสุทธิ์สายหนึ่งผสานเข้าไปในชุดเกราะ
แสงสีน้ำเงินสว่างวาบขึ้นเบื้องหน้า จากนั้นชุดเกราะทั้งชุดก็สวมลงบนร่าง
เขาใช้จิตสัมผัสกวาดผ่านรอบหนึ่งจึงเข้าใจ นี่เป็นชุดเกราะป้องกันระดับสูงชุดหนึ่ง พลังป้องกันธรรมดา แต่วัสดุที่ใช้ทำมันขึ้นมาเป็นธาตุหยางซึ่งมีฤทธิ์ในการกั้นปราณหยิน ในสภาพแวดล้อมพิเศษของทางปีศาจร้ายแห่งนี้นับว่าเป็นเครื่องป้องกันที่ไม่เลวชิ้นหนึ่งทีเดียว
ตรงแขนของเกราะสีน้ำเงินมีสัญลักษณ์ของนิกายยอดบริสุทธิ์อยู่ ส่วนบนแผ่นหลังสลักสัญลักษณ์ ‘พญาอินทรี’ ของกองพลที่หนึ่งไว้
เขาสวมชุดเกราะสีน้ำเงินแล้วขยับร่างกายครู่หนึ่ง เมื่อพบว่าไม่ส่งผลกับการเคลื่อนไหวร่างกายสักนิด เขาจึงอดไม่ได้พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
หลังจากนั้นเขาก็สำรวจขวดหยกขาวใบน้อยนั้น พบว่าด้านในใส่โอสถเอาไว้สิบกว่าเม็ด ข้างขวดหยกเขียนตัวอักษรเล็กจิ๋วเอาไว้สองสามบรรทัดบอกวิธีใช้โอสถเหล่านี้
โอสถขับปราณหยินเป็นโอสถชนิดหนึ่งที่ใช้ขับไล่ปราณหยินซึ่งแทรกเข้ามาในร่าง
ทางปีศาจร้ายเต็มไปด้วยความหนาวเย็นและปราณหยินจากยมโลก แม้ตราประทับพันธะที่ประทับบนร่างยามเข้ามาในที่แห่งนี้จะมีฤทธิ์ขับไล่ปราณหยินจากภายนอกที่แทรกเข้ามาได้ แต่นานวันเข้าภายในร่างย่อมสั่งสมปราณหยินไว้ไม่น้อยจึงต้องกินโอสถขับปราณหยินชนิดนี้ตามเวลา
แต่โอสถขับปราณหยินชนิดนี้เป็นของเกินจำเป็นอยู่บ้างสำหรับหลิ่วหมิง วิชาที่เขาฝึกฝนคือวิชาสายวิญญาณ นอกจากนี้ยังมีเคล็ดวิชากระดูกดำปกป้องร่างกายอยู่อีก จึงไม่ต้องกังวลนักว่าปราณหยินจะกัดกร่อน
หลังจากเขาเก็บโอสถขับปราณหยินไป สุดท้ายก็หยิบคัมภีร์หยกเล่มนั้นขึ้นมาแนบบนหน้าผาก แล้วแทรกจิตสัมผัสเข้าไป บนใบหน้าเผยสีหน้าจดจ่อออกมาทันที
ในคัมภีร์หยกบันทึกข้อมูลพื้นฐานจำนวนหนึ่งเกี่ยวกับเมืองแสงทองเอาไว้ แล้วยังมีแผนที่บริเวณใกล้เคียงกับเมือง รวมถึงสภาพของนิกายทั้งสามแห่งที่เหลือด้วย แต่เนื้อหาส่วนใหญ่ในคัมภีร์หยกกล่าวถึงสภาพของกองทัพผีร้ายกับภูตผีพื้นถิ่น
ข้อมูลเหล่านี้เป็นสิ่งที่หลิ่วหมิงต้องการที่สุด เขาอ่านอย่างละเอียดยิ่งนัก ผ่านไปสองสามชั่วยามเต็มๆ เขาจึงดึงจิตออกมาจากในคัมภีร์หยก
“ดูท่าสถานการณ์ในทางปีศาจร้ายแห่งนี้จะซับซ้อนกว่าที่ข้าเคยจิตนาการเอาไว้มาก…” หลิ่วหมิงเอ่ยพึมพำด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
คำแนะนำในคัมภีร์หยกกล่าวว่าความจริงเมืองแสงทองตั้งอยู่ที่ขอบทะเลทรายเหยียนฝูทางตะวันตกของหุบเขามืด รอบด้านของเมืองมีป้อมปราการขนาดเล็กสิบกว่าแห่งกระจายตัวเป็นรูปพัด ล้อมเมืองแสงทองไว้ตรงกลาง กินอาณาเขตเกือบหมื่นลี้
ศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์ที่อาศัยอยู่ในเมืองแสงทองระยะยาวความจริงแล้วมีทั้งหมดราวพันคน นอกจากศิษย์สายในสองสามร้อยคนผู้มาที่นี่เพื่อฝึกปรือพลัง กว่าครึ่งที่เหลือล้วนเป็นศิษย์ที่นิกายส่งมาประจำการ พลังมีตั้งแต่ระดับของเหลวจิตวิญญาณขั้นกลางไปจนถึงระดับผลึกขั้นกลาง มีทั้งศิษย์ที่ต้องโทษจากนิกาย ศิษย์ดำเนินการของนิกายสายนอกและศิษย์ที่รับภารกิจจากป้ายประกาศลี้ลับ พวกเขาไม่ได้สังกัดกองพลทั้งสามของที่แห่งนี้
นอกเหนือจากนั้นกองกำลังซึ่งนิกายใหญ่สามแห่งที่เหลือส่งมาก็ตั้งอยู่ทางตะวันออก ทางใต้และด้านหลังของหุบเขามืด ล้อมหุบเขามืดที่มีค่ายกลเคลื่อนย้ายเข้าออกทางปีศาจร้ายไว้ตรงกลาง
จากข้อมูลที่มีอยู่ในตอนนี้ เขตที่มีหุบเขามืดเป็นศูนย์กลางซึ่งสี่ยอดนิกายใหญ่ยึดครองอยู่เป็นเพียงสถานที่เล็กๆ แห่งหนึ่งที่ไม่ควรค่าเอ่ยถึงในทางปีศาจร้ายเท่านั้น ยิ่งห่างจากหุบเขามืดไปไกล เครื่องหมายก็ยิ่งเลือนราง ถึงขนาดที่มีสถานที่มากมายเป็นเขตว่างเปล่าที่ไม่ทำเครื่องหมายใดๆ ไว้เลย
ส่วนกองทัพผีร้ายกับภูตผีพื้นถิ่นของที่แห่งนี้ แม้ระหว่างทางที่มาเมืองแสงทองเยวี่ยชีจะอธิบายให้เขาฟังแล้วคร่าวๆ แต่ข้อมูลในคัมภีร์หยกอธิบายไว้ละเอียดยิ่งกว่า ในนั้นบันทึกไว้กระทั่งหน้าตาและนิสัยของเผ่าพันธุ์จำนวนหนึ่งไว้อย่างชัดเจน
หลิ่วหมิงนั่งทำสมาธิอยู่ครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นออกจากถ้ำที่พักเข้าไปในเมืองแสงทองอย่างรวดเร็ว
ที่พักของศิษย์หน่วยต่างๆ กินพื้นที่เกินกว่าเจ็ดส่วนในเมือง สถานที่เหล่านี้ไม่มีสิ่งใดน่าดู หลิ่วหมิงมาถึงมุมตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองแสงทองอย่างรวดเร็วยิ่งนัก .ไอลีนโนเวล. ที่นี่มีถนนคดเคี้ยวอยู่หลายสาย สองข้างทางมีร้านรวงอยู่เล็กน้อย
ไม่มีสิ่งใดแตกต่างจากตลาดปกติ ร้านรวงสองข้างทางล้วนเป็นร้านค้าและแผงขายของจำนวนไม่มากที่ค่อนข้างเรียบง่าย ร้านส่วนใหญ่มีผู้ฝึกฝนที่เหมือนผู้ดูแลนั่งเกียจคร้านอยู่ที่นั่นเพียงคนเดียว
แต่เวลานี้ร้านรวงบนถนนช่างเงาหงอย มีคนเดินไปมาเพียงน้อยนิดไม่กี่คน ร้านค้าส่วนใหญ่ไม่มีผู้ใดแวะชม
หลิ่วหมิงมองสำรวจอยู่ครู่หนึ่งก็เดินทอดน่องเข้าไปในร้านที่ดูแล้วขนาดค่อนข้างใหญ่แห่งหนึ่ง ในร้านวางชั้นวางของไว้หลายตัว ด้านหลังโต๊ะมีผู้ฝึกฝนหญิงสวมชุดสีน้ำเงินที่ใบหน้าสะสวยคนหนึ่งยืนอยู่ นางอายุไม่มาก พลังอยู่ราวระดับผลึกขั้นกลาง น่าจะเป็นศิษย์สายในที่มาทำการค้าขายวัตถุดิบจิตวิญญาณที่ทางปีศาจร้ายโดยเฉพาะ
“ศิษย์พี่ท่านนี้ ต้องการขายวัตถุดิบจิตวิญญาณหรือต้องการสิ่งใด” ผู้ฝึกฝนสตรีมองเห็นหลิ่วหมิงเดินเข้ามาก็ลุกขึ้นยืนแล้วทักทายอย่างกระตือรือร้นทันที
“ข้ามาดูไปเรื่อย เจ้าไม่ต้องคอยดูแลข้า” หลิ่วหมิงตอบแล้วเดินไปชมชั้นวางของที่อยู่ด้านข้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา