สรุปตอน ตอนที่ 1012 การต่อสู้อันดุเดือดกับสุนัขทมิฬ (ต้น) – จากเรื่อง ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet
ตอน ตอนที่ 1012 การต่อสู้อันดุเดือดกับสุนัขทมิฬ (ต้น) ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
หลังจากนั้นคลื่นพลังเวทระลอกแล้วระลอกเล่าก็แผ่จากเบื้องล่างตามขึ้นมาติดๆ ปราณหยินรอบด้านปั่นป่วนอย่างรุนแรง เกิดกระแสลมหมุนอลหม่านลูกแล้วลูกเล่า
หลิ่วหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปมาไม่หยุด แสงกระบี่ใต้ร่างส่องสว่างแล้วมุ่งลงไปด้านล่างด้วยความเร็วเต็มที่ เพียงครู่เดียวเขาก็มาถึงก้นหลุมยักษ์
แต่ภาพด้านล่างกลับทำให้เขาตาโตพูดไม่ออก
เซียเอ๋อร์ลอยอยู่ที่ก้นหลุม มันตัวใหญ่ยักษ์ถึงหนึ่งจั้งกว่า แผ่แสงสีทองแสบตาออกมาจากบนร่างและกำลังขยับก้ามใหญ่ทั้งสองข้างจนกลายเป็นเงาเลือนรางโจมตีอย่างบ้าคลั่งใส่ผีตัวหนึ่งที่หน้าตาเหมือนสุนัขขนาดใหญ่สีดำ
สุนัขยักษ์สีดำมีลมปราณที่น่าตะลึง น่าจะเป็นภูตผีน่ากลัวระดับแก่นแท้ตนหนึ่ง ขนาดตัวใหญ่กว่าเซียเอ๋อร์หลายเท่า ร่างกายสูงหลายจั้ง รอบร่างมีปราณวิญญาณหนาทึบดั่งหมึกวนเวียนอยู่รอบๆ ทั้งร่างมีกระดูกแหลมสีดำมากมายกระจายอยู่ทั่ว แต่ละแท่งยาวถึงหลายฉื่อ ดูน่ากลัวราวกับกระบี่แหลมคมอันน่าสยดสยอง
นอกเหนือจากนี้ตรงก้นของสุนัขยักษ์ยังมีหางเส้นยักษ์ดุจแส้เหล็กยาวหลายจั้งเส้นหนึ่ง กรงเล็บคู่หน้าสองข้างที่มีเล็บคมงอกยาวตวัดว่องไวกลางอากาศจนเกิดเสียงตัดอากาศดัง “ฟึบๆ” หางก็ราวกับอสรพิษร้าย สะบัดอ้อมลำตัวออกมาต้านการโจมตีจากก้ามยักษ์ของเซียเอ๋อร์
หลิ่วหมิงสังเกตอยู่ครู่หนึ่งก็พบว่าผีสุนัขยักษ์ตัวนี้ ยามเผชิญหน้ากับเซียเอ๋อร์ที่ขนาดร่างเล็กกว่าหนึ่งเท่ากลับมีท่าทางเหมือนหวาดกลัวอย่างมาก มันโจมตีน้อยครั้งส่วนใหญ่เอาแต่ป้องกัน
แต่พลังของทั้งสองฝ่ายต่างกันมากเกินไปแล้วจริงๆ แม้สุนัขยักษ์จะแลดูหวาดหวั่นเล็กน้อยยามถูกแสงสีทองของเซียเอ๋อร์ห้อมล้อม แต่ไม่ว่าจะเป็นเพลิงพิษสีม่วงที่เซียเอ๋อร์พ่นออกมาจากปากหรือเส้นสีดำที่เกิดจากเหล็กไนและหางโค้งก็ไม่อาจทะลวงผ่านการป้องกันแน่นหนาของกรงเล็บคู่หน้ากับหางเส้นโตของสุนัขยักษ์ไปได้
อีกทั้งเมื่อเวลาผ่านไป เซียเอ๋อร์ยังถูกพละกำลังมหาศาลที่ส่งผ่านกรงเล็บคู่หน้ากับหางใหญ่โตของมันกระแทกถอยหลังเป็นระยะไม่หยุด ร่างกายเกิดแผลรอยแตกตื้นๆ ไม่น้อย
หลิ่วหมิงเห็นภาพตรงหน้าก็หวาดหวั่น แต่หลังจากกวาดสายตามองไปอีกฝั่งก็มีสีหน้ายินดีขึ้นมาทันที
ตรงพื้นบริเวณนั้นมีศิลาสีดำทรงกลมขนาดเท่าศีรษะก้อนแล้วก้อนเล่าวางอยู่เกลื่อนกลาด ส่วนตรงกลางมีโครงกระดูกรูปร่างเหมือนมนุษย์ไม่น้อยกระจัดกระจายอยู่ บนโครงกระดูกยังพอเห็นเสื้อผ้าของผู้ฝึกฝนได้อยู่บ้าง ท่ามกลางสิ่งเหล่านั้นมีของสิ่งหนึ่งสาดแสงสีทองอ่อนออกมา มันคือบาตรสีทองขนาดเท่าโม่ชิ้นหนึ่งที่บนผิวสลักยันต์ลึกลับนับไม่ถ้วนไว้รางๆ
“บาตรแห่งการสร้าง! อยู่ที่นี่จริงอย่างที่คิด…” หลิ่วหมิงพึมพำ จากนั้นรั้งสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว มองไปยังการต่อสู้อีกครั้ง
แม้การโจมตีของเซียเอ๋อร์จะรุนแรง แต่ความจริงแล้วมันตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่ง สุนัขยักษ์เหมือนจะเอาชนะความหวาดกลัวที่มีต่อแสงสีทองได้ทีละน้อย แล้วเริ่มเป็นฝ่ายลงมือโจมตีกลับ
เขาแผดเสียงคำรามแล้วลงมืออย่างไม่ลังเลอีก
แขนเสื้อสองข้างของเขาสะบัดอย่างแรง เบื้องหน้าเกิดคมดาบสายลมสีน้ำเงินมากมายทันที คมดาบสายลมแต่ละเล่มขนาดเท่าบานประตูพาเสียงแหวกอากาศดังฉึบๆ ซัดเข้าใส่สุนัขยักษ์สีดำมืดฟ้ามัวดิน
ในเวลาเดียวกันปราณสีดำรอบร่างเขาก็โถมออกมากลืนเกราะพลังเวทสามชั้นรอบร่าง จากนั้นเมื่อแขนทั้งสองข้างสะบัดครั้งหนึ่ง มังกรสีดำยาวสิบกว่าจั้งสองตัวก็ร้องคำรามพุ่งออกมาตามคมดาบสายลมไปติดๆ
มังกรสีดำก่อตัวเป็นรูปร่างชัดเจน บนร่างมีเกล็ดมหึมาชิ้นแล้วชิ้นเล่า แลดูดั่งมีชีวิต แทบจะไม่ต่างอันใดกับมังกรตัวจริง
พร้อมกับที่มังกรและคมดาบสายลมพุ่งลงมาเสียงดังหวีดหวิว ตัวหลิ่วหมิงก็กระทืบเท้าอย่างแรงครั้งหนึ่ง แล้วกลายเป็นเงาดำร่างหนึ่งพุ่งรวดเร็วเข้าใส่สุนัขยักษ์ด้วย
สุนัขยักษ์สีดำรู้สึกถึงหลิ่วหมิงนานแล้ว แต่เดิมทีมันกำลังยุ่งต้านการโจมตีอันบ้าคลั่งของเซียเอ๋อร์อยู่ เวลานี้เมื่อเห็นหลิ่วหมิงโจมตีมาอย่างดุดัน มันจึงคำรามขึ้นครั้งหนึ่งแล้วไม่สนใจแสงสีทองแสบตาบนร่างเซียเอ๋อร์ต่อไปอีก หางเส้นโตสะบัดรุนแรงวูบหนึ่งกลายเป็นเงาแส้สีดำสายหนึ่งหวดลงบนร่างเซียเอ๋อร์อย่างจัง “ปัง” นางถูกโจมตีปลิวไปในครั้งเดียว
หลังจากนั้นสุนัขสีดำก็หันกลับมาประจันหน้ากับคมดาบสายลมมากมายและมังกรสีดำสองตัวที่พุ่งเข้ามาอย่างเร็วรี่ มันอ้าปากคำรามก้อง คลื่นเสียงสีเทาวงแล้ววงเล่าซัดออกมาจากปากของมัน
ผลปรากฏว่าคมดาบสายลมสีน้ำเงินที่มาถึงก่อนสัมผัสถูกคลื่นเสียงก็แตกกระจายสลายไปทันที มังกรหมอกสีดำดุดันสองตัวที่ตามมาด้านหลังก็ถูกคลื่นเสียงสีเทาซัดตามไปติดๆ หลังจากต้านทานอยู่ได้สองลมหายใจพวกมันก็ส่งเสียงดัง “ปัง” “ปัง” สองครั้งระเบิดตัวเองไปพร้อมกัน
แต่เวลาเพียงชั่วครู่นี้ ร่างกายของหลิ่วหมิงก็พุ่งเข้ามาใกล้อยู่ในระยะสองสามจั้งเบื้องหน้าสุนัขยักษ์สีดำแล้ว สายตาทอประกายเย็นเยียบ มือข้างหนึ่งตวัดกลางอากาศอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย แสงสีม่วงสว่างวาบพร้อมกับที่กระบี่ขู่หลุ่นปรากฏในมือ
แขนของเขาสะบัดวูบหนึ่ง แสงกระบี่สีม่วงยาวหนึ่งจั้งกว่าสิบกว่าเส้นก็ซัดออกมาอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นรวมเป็นร่างเดียวกลางอากาศกลายเป็นคมดาบยักษ์ค้ำฟ้าเล่มหนึ่ง
หลิ่วหมิงตวาดเบาๆ แขนที่ถือกระบี่เหวี่ยงลงเบื้องล่างอย่างหนักหน่วง คมกระบี่มหึมาพาเสียงอสนีบาตคำรามดังสนั่นร่วงลงมา ชั่วอึดใจมันก็ผ่าคลื่นเสียงสีเทาตรงกลางแล้วไม่หยุดยั้งแม้สักนิด ฟันเข้าใส่สุนัขยักษ์อย่างรุนแรงต่อ
นับตั้งแต่หลิ่วหมิงลงมือจนถึงตอนควบคุมกระบี่ขู่หลุนฟันลงมา ตลอดกระบวนการเรียกได้ว่าเกิดขึ้นในอึดใจเดียว ไม่มีการเคลื่อนไหวเสียเปล่าแม้แต่น้อย ราวกับคิดคำนวนไว้อย่างแม่นยำเรียบร้อยแล้ว
ดวงตาของสุนัขยักษ์สีดำฉายแววตกตะลึงเล็กน้อย กรงเล็บคู่หน้ายกขึ้นสะบัดไขว้กลางอากาศอย่างแรงครั้งหนึ่ง เงากรงเล็บสีดำสนิทขนาดหนึ่งจั้งสองสายพุ่งไขว้กันออกไปแล้วชนลงบนคมกระบี่ยักษ์สีม่วงอย่างรุนแรง
ครืน!ทว่าสุนัขยักษ์ขยับก้นเพียงวูบเดียว หางเส้นโตราวกับแส้เหล็กก็พาสายลมแรงกระหน่ำข้างพุ่งมาถึง แล้วฟาดลงบนคมกระบี่ยักษ์สีม่วงที่ร่วงลงมาอย่างหนักหน่วง
แขนสองข้างของเขาขยับ ปราณดำพวยพุ่งลงมา ท่ามกลางเสียงพยัคฆ์คำรามสะเทือนแก้วหูแทบดับ เงาหัวพยัคฆ์สีดำขนาดเท่าตึกสองตัวก็อ้าปากสีแดงสดโถมลงมา พลังน่าหวาดผวาอย่างที่สุด
หลังจากตัวหลิ่วหมิงส่งการโจมตีครั้งนี้ออกไป แสงสีดำบนร่างก็ส่องสว่าง ร่างกายหายวับไปอีกครั้งแล้วกลายเป็นเงาดำสายหนึ่งวนล้อมอสูรยักษ์ไว้อย่างรวดเร็ว จากนั้นโผเข้าใส่สุนัขยักษ์จากอีกทางหนึ่ง
สุนัขยักษ์สีดำแหงนหน้าขึ้นทันที มันอ้าปากกว้างส่งคลื่นเสียงที่มันถนัดออกมาโจมตีอีกครั้ง คลื่นเสียงสีเทาขมุกขมัวหลายวงซัดออกมาอย่างรุนแรง กลืนหัวพยัคฆ์สีดำสองตัวเข้าไปด้านใน
“ฟู่” “ฟู่” เสียงดังขึ้นสองครั้งแทบจะในเวลาเดียวกัน หัวพยัคฆ์สีดำสองหัวที่ตกอยู่กลางคลื่นเสียงสีเทาพลันบิดเบี้ยวแล้วระเบิดกลายเป็นคลื่นปราณในพริบตา
จากนั้นสุนัขยักษ์สีดำก็หันหัวกลับมา ขย้ำเงาดำที่โถมเข้ามาโจมตีจากอีกด้านดุจสายฟ้าแลบ
“ปัง!”
เงาคนสีดำสั่นไหวครั้งสองครั้งก็กลายเป็นปราณดำกลุ่มหนึ่งสลายไปในปากของสุนัขยักษ์ มันเป็นเงาลวงร่างหนึ่ง
ในตอนนี้เอง เสียงครวญยาวพลันดังออกมาจากปราณสีดำกลางอากาศที่สลายมาจากหัวพยัคฆ์หัวหนึ่ง แสงสีม่วงสว่างวาบ รุ้งยาวสีม่วงยาวสิบกว่าจั้งเส้นหนึ่งพุ่งออกมาฟันสุนัขยักษ์สีดำ
รุ้งยาวเส้นนี้ใสแวววาว ปราณกระบี่ชั้นแล้วชั้นเล่าแผ่ออกไปรอบด้าน บนผิวมีอสรพิษอสนีบาตส่งเสียงดังเปรี๊ยะๆ พุ่งทะลวงสะเปะสะปะ ทรงพลังกว่ากระบี่ยักษ์สีม่วงเมื่อครู่หลายเท่าอย่างเห็นได้ชัด
กลางรุ้งเส้นยาวเห็นเงาของหลิ่วหมิงผลุบโผล่อยู่ เขาใช้วิชากระบี่ร่างเป็นหนึ่ง ซ่อนร่างไว้ในเงาหัวพยัคฆ์ตั้งแต่แรก!
รุ้งกระบี่ยังไม่ทันร่วงลงมา จิตกระบี่อันเย็นเยียบอย่างยิ่งสายหนึ่งก็ซัดลงมาถึงก่อน ล้อมสุนัขยักษ์สีดำข้างล่างเอาไว้
เหตุการณ์พลิกผันเหล่านี้เกิดขึ้นรวดเร็วประหนึ่งเหยี่ยวโฉบกระต่าย!
สุนัขยักษ์สั่นสะท้านแล้วได้สติกลับมา มันคิดจะหาวิธีหลบรุ้งกระบี่สีม่วงอีกครั้งแต่ไม่ทันกาลแล้ว จึงได้แต่อ้าปากคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว หางเส้นยักษ์ด้านหลังสะบัดทอแสงสีดำขลับชั้นหนึ่งแล้วหวดออกไปดุจกระบองกระดูกยักษ์ ฟาดเข้าใส่รุ้งยาวสีม่วงอย่างรุนแรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา