“อืม ผีสุนัขล่าเนื้อตัวนี้ดุร้ายยิ่งนักจริงๆ แต่ระดับแก่นแท้ขั้นกลางเท่านั้น ก่อนข้าเข้ามาในทางปีศาจร้าย ข้าใช้เงินจำนวนมากกว้านซื้อสมบัติที่ใช้ปราบภูตผีได้จากในสำนักมาหลายชิ้น เมื่อครู่ใช้ไปอย่างไม่เสียดาย อีกทั้งยังมีอสูรเลี้ยงคอยช่วยเหลือจึงโชคดีสังหารเจ้าเขี้ยวยาวตัวนี้ลงได้” หลิ่วหมิงหัวเราะฮ่าๆ เอ่ยขึ้น
แม้ผู้เฒ่าหลังค่อมกับคุณชายเยาว์วัยยังไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง แต่หลังจากฟังหลิ่วหมิงอธิบาย สีหน้าตกตะลึงบนใบหน้าจึงลดทอนลง
“ฮ่าๆ ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ดูจากผลึกความมืดก้อนนี้ ผีตัวนี้ที่ศิษย์น้องหลิ่วสังหารได้ตามลำพังย่อมแข็งแกร่งมากจริงๆ ฉายาอันดับหนึ่งของศิษย์สายในช่างสมคำร่ำลือโดยแท้ ผู้แซ่หมิ่นนับถือ!” บุรุษแซ่หมิ่นหัวเราะฮ่าๆ เอ่ยขึ้นมา
ผู้เฒ่าหลังค่อมกับคุณชายเยาว์วัยก็ชื่นชมอีกสองสามประโยคด้วย หากก่อนหน้านี้ทั้งสองคนเสแสร้งนอบน้อมอยู่บ้าง ยามนี้ก็ยอมรับนับถือเต็มหัวใจแล้ว
“ทุกท่านชมเกินไป ในเมื่อพวกเราตามหาบาตรแห่งการสร้างใบนี้พบแล้วก็รีบไปจากที่นี่กันเถิด” หลิ่วหมิงเอ่ยถ่อมตนอย่างคุ้นชิน หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนประเด็นเสนอขึ้นมา
“ไม่ผิด ปราณหยินที่นี่หนักหน่วงยิ่งนัก ขึ้นไปก่อนแล้วค่อยวางแผนต่อเถอะ” บุรุษแซ่หมิ่นกวาดสายตามองบาตรสีทองที่อยู่ในมือหลิ่วหมิงแล้วพยักหน้าเอ่ยขึ้นมา
“ของสิ่งนี้เป็นสมบัติล้ำค่าของกองทัพ ให้ศิษย์พี่หมิ่นถือไว้เถิด จะได้มั่นใจว่าจะไม่หายไป”
หลิ่วหมิงสะบัดมือครั้งหนึ่งก็โยนบาตรแห่งการสร้างให้บุรุษแซ่หมิ่น แล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่ลังเลสักนิด
บุรุษแซ่หมิ่นสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขามองหลิ่วหมิงอย่างมีความนัยแล้วรับบาตรแห่งการสร้างไว้ในมืออย่างไม่เกรงใจ
จากนั้นทั้งสี่คนก็ไม่ชักช้าเสียเวลาต่อ พวกเขาพากันบังคับลำแสงเหาะขึ้นไปด้านบนของหลุมยักษ์ ผ่านไปครู่หนึ่งก็เหาะออกจากหลุมยักษ์ที่ปราณหยินเข้มข้นแห่งนี้
“หัวหน้าหมิ่น สหายหลิ่ว พวกท่านกลับมาแล้ว!” หญิงสาวชุดแดงกับบุรุษผู้สะพายคันศรที่รออยู่ด้านนอกรีบเข้ามาหา
“อืม ภารกิจครั้งนี้นับว่าบรรลุผลแล้ว!” บุรุษแซ่หมิ่นถือบาตรแห่งการสร้างที่ส่องแสงสีทองด้วยมือเดียวแล้วกวักมือเอ่ยกับพวกเขา
“ดีเหลือเกิน ในที่สุดครั้งนี้ก็ชิงตามหาบาตรแห่งการสร้างพบก่อนอีกสองหน่วย คิดไม่ถึงว่าภูตเจ็ดทวารพวกนี้กลับไม่ได้ขายพวกเรา” หญิงสาวชุดแดงเห็นเช่นนี้ก็เอ่ยขึ้น ใบหน้าแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น
บุรุษผู้สะพายคันศรข้างกายนางก็เผยสีหน้าตื่นเต้นยินดีออกมาเช่นกัน
เบื้องบนของกองทัพแสงทองตั้งรางวัลให้ภารกิจครั้งนี้ไว้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว นอกจากจะแจกแต้มคุณูปการของนิกายจำนวนมากให้แล้ว ยังมีของล้ำค่าอย่างอื่นเช่นผลึกความมืดของภูตผีอีก มิเช่นนั้นภารกิจครั้งนี้พวกเขาก็คงไม่แย่งชิงกันทำให้ได้ก่อนเช่นนี้
“พูดให้ถึงที่สุดแล้วก็ต้องขอบคุณศิษย์น้องหลิ่วยิ่งนักที่บุกเดี่ยวลงไปสังหารผีสุนัขล่าเนื้อระดับแก่นแท้ขั้นกลางด้านล่างจนสำเร็จ ครั้งนี้หลังกลับไป ข้าจะรายงานอาจารย์อาและอาจารย์ลุงทั้งหลายตามจริง” บุรุษแซ่หมิ่นตบหน้าอกรับประกัน
“ถ้าเช่นนั้นก็ขอบคุณศิษย์พี่หมิ่นยิ่งนัก” หลิ่วหมิงประสานมือยิ้ม
เวลานี้เขากำลังต้องการสร้างชื่อเสียงในเมืองจินกวังอยู่จริงๆ เรื่องนี้จะมีส่วนช่วยให้เขาเข้ากับกองทัพแสงทองได้อย่างสมบูรณ์ไม่น้อย
หญิงสาวกับชายหนุ่มร่างใหญ่ได้ยินคำว่าระดับแก่นแท้ขั้นกลางก็ตกตะลึงอย่างมาก
สังหารภูตผีที่แข็งแกร่งเช่นนี้ตนหนึ่งได้ตามลำพังในเวลาสั้นเช่นนี้ เรื่องนี้กระทั่งผู้อาวุโสระดับแก่นแท้หลายคนในเมืองจินกวังก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ
“เอาล่ะ แม้ภารกิจจะสำเร็จแล้วแต่พวกเรายังประมาทไม่ได้ ออกเดินทางกลับเมืองจินกวังทันที เรื่องอื่นรอออกจากที่แห่งนี้แล้วค่อยวางแผนกัน” บุรุษแซ่หมิ่นกลับมาสีหน้าเยือกเย็นอย่างรวดเร็วแล้วเอ่ยเสียงขรึม
คนที่เหลือได้ยินคำนี้ ในใจก็หวาดหวั่นวูบหนึ่ง พวกเขาพากันพยักหน้าขานตอบว่า “รับทราบ”
“จริงสิ ศิษย์พี่หมิ่น อีกสองหน่วยนั่นจะทำอย่างไร ต้องแจ้งพวกเขาว่าหาบาตรแห่งการสร้างพบแล้วหรือไม่?” หลิ่วหมิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้นมา
“เมื่อครู่ข้าใช้แผ่นค่ายกลสื่อสารแจ้งไปแล้ว เอาล่ะ พวกเราไปเถอะ” บุรุษแซ่หมิ่นพูดพลางโบกมือ แสงกระบี่สีเทาสว่างขึ้นใต้ร่าง ยกร่างเขาลอยขึ้นมา จากนั้นเหาะอย่างรวดเร็วไปทางเมืองจินกวัง
พวกหลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็พากันเร่งลำแสงติดตามไป
ไม่นานลำแสงของพวกเขาก็กลายเป็นจุดแสงหลายจุดหายลับไปบนท้องฟ้า
หลังจากที่พวกเขาจากไป ทันใดนั้นปราณหยินหนาทึบอีกทิศทางหนึ่งก็ปั่นป่วนไปชั่วครู่ เงาพร่าเลือนร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา
จากช่องว่างของปราณหยินสีเทาที่เคลื่อนวนอยู่มองเห็นภูตตัวเล็กสีเขียวรูปร่างแคระแกร็น หัวขนาดเท่ากระบวยตนหนึ่งอยู่เลือนราง มันคือภูตเจ็ดทวารตนหนึ่ง!
หลังจากลูกตาสีแดงอ่อนเหนือกระหม่อมของมันกลอกกลิ้งพักหนึ่ง มุมปากก็ยกขึ้นน้อยๆ จากนั้นปราณสีเทารอบร่างก็ม้วนรอบตัว เหาะเลียดพื้นดินอย่างรวดเร็วไล่ตามทางที่พวกหลิ่วหมิงจากไปอย่างเงียบเชียบ
ราวครึ่งชั่วยามให้หลัง บนท้องฟ้าเหนือป่ารกร้างที่ทอดยาวไม่สิ้นสุด พวกหลิ่วหมิงหกคนกำลังเร่งลำแสงเหาะขึ้นเหนืออย่างรวดเร็ว
บุรุษแซ่หมิ่นที่อยู่ในกลุ่มยืนเหยียบกระบี่บินเอามือไพล่หลังเหาะอยู่ด้านหน้าสุด พวกหญิงสาวชุดแดงสี่คนอยู่ตรงกลาง
ส่วนหลิ่วหมิงเหยียบเมฆสีดำก้อนหนึ่งรั้งท้ายอยู่ลำพังด้านหลังสุดของกลุ่ม สีหน้าเขาราบเรียบไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา