“หากพวกเรามุ่งฝ่าไปยังทิศทางหนึ่ง จะหลุดออกไปได้ไหม?” หญิงสาวชุดแดงขมวดคิ้วงามแล้วเอ่ยถามขึ้นมา
“เมื่อค่ายกลกำแพงผีตั้งสำเร็จแล้ว วิธีการใช้กำลังหักหาญเช่นนี้ย่อมทำไม่ได้ ปราณหยินเข้มข้นจะส่งผลต่อจิตสัมผัสและการรับรู้ทิศทาง ท้ายที่สุดจะพบว่าตนเองวนเวียนอยู่กับที่เท่านั้น แล้วยังถูกทหารผีที่ซุ่มซ่อนอยู่ท่ามกลางปราณหยินลอบโจมตีได้ง่ายอีกด้วย” คุณชายเยาว์วัยส่ายหน้าแล้วเอ่ยอย่างจริงจัง
“หัวหน้าหน่วยหมิ่น ท่านพูดมาเถอะ ตอนนี้พวกเราจะรับมืออย่างไรดี?” บุรุษผู้สะพายคันศรวางมือข้างหนึ่งลงบนคันศรยาวบนแผ่นหลังแล้วเอ่ยถามเสียงเข้ม
“ทุกท่านอย่าเพิ่งตื่นตระหนก ก่อนอื่นอย่าสับสนจนเสียกระบวน ระวังกองทัพผีลอบโจมตี ข้าจะไปค้นหาดวงตาของค่ายกลนี้ แม้ข้าไม่กล้ารับประกันว่าจะสังหารแม่ทัพตนนั้นแล้วทำลายดวงตาค่ายกลอย่างสมบูรณ์ได้ แต่ก่อกวนมันให้คลายออกเล็กน้อยน่าจะยังทำได้อยู่ พวกท่านจงฉวยโอกาสนั้นฝ่าออกไป” บุรุษแซ่หมิ่นมองประเมินทหารผีที่ยืนเป็นทิวแถวเลือนรางอยู่ไม่ไกล แล้วสั่งอย่างไม่ลังเลสักนิด
เพิ่งเอ่ยจบ แสงกระบี่สีเทาก็หุ้มรอบร่างเขาแล้วพุ่งเร็วรี่ไปยังทิศทางหนึ่ง พริบตาเดียวก็จมหายไร้ร่องรอยไปในหมอกสีเทาหนาทึบ
พวกหลิ่วหมิงเรียกอาวุธจิตวิญญาณจำพวกเกราะป้องกันนานาชนิดออกมาแล้วตั้งสมาธิระแวดระวัง ไม่มีผู้ใดกล้าเลินเล่อแม้แต่น้อย
ระหว่างที่สนทนากันวงแหวนปราณหยินที่ขังทุกคนอยู่ก็หดจนเหลือขนาดสองสามร้อยจั้งแล้ว อากาศรอบตัวพวกเขาเต็มไปด้วยปราณหยินหนาทึบที่หนาวเสียดแทงกระดูก แม้อยู่ห่างกันไม่ถึงสิบจั้งก็ไม่อาจมองเห็นหน้าตาของอีกฝ่ายชัด
ในเวลานี้เองเสียงสุนัขเห่าก็ดังมาจากด้านข้าง
แสงสีน้ำตาลสายแล้วสายเล่าพุ่งออกมาจากหมอกหนาทึบราวกับสายฟ้าแลบ พวกมันคือสุนัขผีเจ็ดถึงแปดตัว ดวงตาของพวกมันทอแสงสีแดงแล้วกระโจนเข้าใส่บุรุษผู้สะพายคันศรกับผู้เฒ่าหลังค่อมที่อยู่ใกล้ที่สุด
บุรุษผู้สะพายคันศรเห็นเช่นนี้ก็เบี่ยงร่างกายเล็กน้อยกลางอากาศ หลบพ้นสุนัขผีสองตัวที่กระโจนมาขย้ำ มือข้างที่วางอยู่บนคันศรชักคันศรยาวที่สะพายอยู่ด้านหลังมาไว้ในมือ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งดึงอากาศ ลูกบอลเพลิงสีแดงฉานสามลูกก่อตัวขึ้นบนปลายนิ้วแล้วกลายเป็นลูกศรแสงสีแดงดอกแล้วดอกเล่า
ทันทีที่เขาปล่อยมือข้างหนึ่งของเขาเบาๆ แสงสีแดงสามเส้นก็พุ่งเร็วรี่เข้าใส่สุนัขผีสามตัวที่อยู่ด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
ผู้เฒ่าหลังค่อมเองก็ดวงตาทอประกายเย็นเยียบ สองมือกุมตรีศูลเหล็กสีเงินเล่มหนึ่งที่ปรากฏขึ้นในมือไว้เบาๆ เขาสะบัดทีหนึ่งก็เกิดเสียงอสนีบาต แสงอสนีบาตสีเงินสองสายพุ่งออกจากหัวของตรีศูล ฟันเข้าใส่แผ่นหลังของสุนัขผีสองตัวทันที
ผลลัพธ์กลับกลายเป็นภาพที่ทำให้ตกตะลึง!
หลังจากสุนัขผีเหล่านี้ถูกลูกศรแสงกับแสงอสนีบาตโจมตี พวกมันกลับดูดลูกศรอัคคีกับอสนีบาตเข้าไปในตัวแล้วทะยานมาด้านหน้าจนพุ่งมาถึงข้างตัวทั้งสองคน “เปรี้ยง” ทันใดนั้นสุนัขผีเหล่านี้ก็ระเบิดตัวเองกลายเป็นเพลิงภูตสีน้ำตาลดวงแล้วดวงเล่า
สุนัขผีเหล่านี้ไม่มีร่างจริง แต่ถูกสร้างขึ้นมาจากวิญญาณ
คลื่นหนาวเย็นขนาดยักษ์โถมเข้าใส่ใบหน้า จุดที่หมอกสีเทาพัดผ่าน อากาศบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง
ทั้งสองคนไม่ทันป้องกัน เกราะป้องกันถูกสะเก็ดไฟหยินสีเทาจำนวนหนึ่งตกใส่จนเกิดเสียงดังชี่แล้วเริ่มสั่นไหว
หลังจากนั้นสุนัขผีจำนวนมากก็พุ่งออกมาจากไอหมอกสีเทารอบด้านอย่างต่อเนื่อง
หญิงสาวชุดแดงกับคุณชายเยาว์วัยหวาดผวา คนหนึ่งเรียกผ้าเช็ดหน้าสีแดงผืนหนึ่งออกมา ส่วนอีกคนเรียกพัดพับมาไว้ในมือ แสงจิตวิญญาณส่องสว่างวูบวาบขณะที่พวกเขาพุ่งเข้าไป
แต่มีสองคนแรกเป็นตัวอย่างก่อนหน้าแล้ว ทุกคนจึงใช้การโจมตีระยะไกล พยายามขัดขวางไม่ให้สุนัขผีเหล่านี้เข้าใกล้
เวลานี้รอบตัวหลิ่วหมิงมีปราณสีดำพลุ่งพล่าน เมื่อเขาเห็นภาพตรงหน้า ร่างกายก็พร่าเลือนวูบหนึ่งถอยไปข้างหลังหลายก้าว ขณะที่คิดจะปล่อยกระบี่บินออกไปสังหารผีเหล่านี้ ทันใดนั้นหัวไหล่ก็ร้อนวูบ แสงสีน้ำเงินสว่างจ้าออกมาจากใต้เสื้อ เงาวัวสีน้ำเงินตัวหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้า ภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนนั่นเอง!
เงาเชอฮ่วนที่ถูกปล่อยออกมาแหงนหน้าคำรามอย่างไร้เสียง หลังจากปรากฏตัวจนเห็นชัดก็อ้าปากกว้าง
“ฟู่” พายุหมุนสีน้ำเงินลูกหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่าล้อมสุนัขผีสองตัวที่พุ่งเข้ามา แล้วส่งลงท้อง
“เอื๊อก”
หลังจากสุนัขผีถูกเชอฮ่วนกลืนลงไป มันก็ระเบิดตัวเองกลายเป็นเปลวเพลิงสีน้ำตาลดวงหนึ่ง เคลื่อนวนอยู่ในท้องเชอฮ่วนไม่หยุด แต่ไม่อาจฝ่าออกไปได้
เพียงสองสามลมหายใจให้หลัง เพลิงปราณสีน้ำตาลก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เงาเชอฮ่วนแหงนหน้ากู่ร้องราวกับว่ากำลังยินดีอย่างยิ่ง
“เอ๋”
หลิ่วหมิงย่อมตาโตอ้าปากค้างกับภาพนี้
ภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนปรากฏตัวออกมาเองแล้วกลืนกินภูตผีเหล่านี้ นี่เหนือความคาดหมายของเขาเกินไปแล้วจริงๆ
แต่เขากับภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนจิตใจเชื่อมถึงกัน เขาย่อมสัมผัสถึงความกระหายอยากที่ส่งออกมาจากเงาได้
“ภาพสัญลักษณ์นี้ของสหายหลิ่วเหมือนจะกลืนกินภูตผีจำพวกวิญญาณได้!” ผู้เฒ่าหลังค่อมเห็นเช่นนี้ก็ดีใจรีบเอ่ยออกมา
“ข้าจะลองดูอีกครั้ง!”
หลิ่วหมิงตอบอย่างไม่แน่ใจนัก จากนั้นทำท่าเคล็ดวิชาด้วยมือข้างหนึ่ง!
“ฟู่” เงาเชอฮ่วนอ้าปากกว้างอีกครั้งแล้วพ่นพายุหมุนสีน้ำเงินอีกลูกหนึ่งออกมากวาดสุนัขผีหลายตัวที่อยู่ใกล้ๆ เข้าไปในปาก ไอหมอกสีเทาสายแล้วสายเล่าบริเวณใกล้ๆ ก็ถูกสูบลงไปในท้องไม่ขาดสายเช่นกัน
ทุกคนเห็นเช่นนี้ ขณะที่ต้านสุนัขผีที่พุ่งเข้ามาจึงเผยสีหน้ายินดีอย่างยิ่งไปด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา