ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 1024

“นี่มัน…”

หลิ่วหมิงมองลงไปอย่างไม่รู้ตัวแต่พบว่าพื้นด้านล่างของที่แห่งนี้ดำสนิท ปราณหยินเข้มข้นที่อัดแน่นอยู่ที่นี่ดูเหมือนจะแผ่มาจากด้านล่างนี้

ขณะที่หลิ่วหมิงคิดจะแผ่จิตสัมผัสลงไปต่อให้กระจ่าง เสียงฝีเท้าก็ดังมาจากด้านหน้า ทหารผีสวมชุดเกราะ มือถือโล่โบราณสองตนกำลังเดินส่ายอาดๆ มาจากทางเดินศิลาด้านบน

ไม่นานทหารผีรูปร่างกำยำตนหนึ่งในนั้นก็หยุดเท้าตรงหน้าหลิ่วหมิง แล้วยื่นจมูกมาดมฟุดฟิดห่างจากร่างหลิ่วหมิงหนึ่งจั้งกว่า

“ฮ่าๆ ข้าบอกแล้วว่าเจ้าคิดไปเอง ที่แห่งนี้ประหนึ่งป้อมปราการเหล็ก จะมีคนเข้ามาได้ที่ไหน แค่กลิ่นแปลกๆ นิดหน่อยเท่านั้น เจ้าคิดไปเองแล้วล่ะ” ผีด้านข้างที่มีรูขนาดเท่ากำปั้นบนหน้าเอ่ยเสียดสี

“เหอะ ข้ามั่นใจว่าตรงนี้มีกลิ่นอะไรบางอย่าง” ทหารผีรูปร่างกำยำยังคงเอ่ยอย่างคลางแคลง

ขณะที่ทหารผีสองตนหยุดยืนตะโกนโวยวายอยู่กับที่นั้น เงาดำร่างหนึ่งก็โผล่มาจากความว่างเปล่า แสงกระบี่สีม่วงสายหนึ่งวาดผ่านไปอย่างเงียบเชียบ

“ฟึบๆ” ทหารผีระดับของเหลวจิตวิญญาณสองตนยังไม่ทันตอบสนองแม้แต่น้อยก็ถูกหลิ่วหมิงโจมตีครั้งเดียวจบชีวิตอย่างเงียบงัน

“มีภูตผีพูดมากเช่นนี้ด้วย!”

หลิ่วหมิงลอบตำหนิในใจ หลังจากนั้นจึงเก็บกระบี่ขู่หลุนกับตะกร้าฝ่าค่ายกลในมือไป พร้อมกับตบข้างเอวปล่อยเซียเอ๋อร์ออกมา

ทันทีที่เซียเอ๋อร์ออกมาจากถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณ นางพลันขยายร่างกลายเป็นแมงป่องยักษ์ขนาดหนึ่งจั้งกว่าตัวหนึ่ง สัญลักษณ์สีทองบนหัวเปล่งแสงสีทองผืนหนึ่งออกมา ศพของภูตผีสองตนถูกแสงสีทองสาดส่องกลายเป็นปราณสีดำม้วนตัวเข้าไปในท้องแมงป่องทันที

ในตอนนี้เองเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นไม่ไกล ทางเดินศิลาด้านล่างมีทหารผีกำลังเดินขึ้นมา

ไม่รอให้หลิ่วหมิงสั่ง เซียเอ๋อร์พลันกลายเป็นเงาสีดำร่างหนึ่งเลี้ยวไปยังทางเดินด้านข้าง ทันทีที่ยืนมั่นคงก็อ้าปากกว้าง

“พรึ่บ” เสียงดังขึ้นเบาๆ แสงสีทองสายหนึ่งส่องสว่างกลบเงาผีกลุ่มหนึ่งแล้วสูบกลับไปอย่างเร็วไว

“อึกๆ”

หลิ่วหมิงยังไม่ทันเห็นแม้แต่หน้าตาของทหารผีตนนี้ มันก็กลายเป็นอาหารในท้องของเซียเอ๋อร์เสียแล้ว

หลังจากนั้นหลิ่วหมิงจึงนั่งขัดสมาธิอยู่ที่เดิม เขาแผ่จิตสัมผัสค้นหาด้านในห้องลับทุกห้องอย่างละเอียด ระหว่างนี้หากมีทหารผีเข้าใกล้ เขาก็จะใช้จิตสั่งการให้เซียเอ๋อร์เขมือบอย่างเงียบเชียบ

แม้ชั้นจำกัดของห้องลับเหล่านี้จะไม่ซับซ้อน แต่หลิ่วหมิงอยากใช้จิตสัมผัสสำรวจสภาพทั้งหมดในห้องศิลาให้กระจ่างก็ไม่อาจทำได้ และหากไล่ทำลายชั้นจำกัดทีละห้องเพื่อตรวจสอบก็ยุ่งยากอยู่บ้าง ยังดีที่เขาทดลองดูครั้งหนึ่งแล้วพบว่าจิตสัมผัสพอสัมผัสผ่านชั้นจำกัดได้เลือนรางว่าในห้องมีลมปราณของสิ่งมีชีวิตอยู่หรือไม่ เขาจึงใช้วิธีนี้จำแนกได้อย่างหวุดหวิด

ทว่าลุยสำรวจห้องศิลาตามทางเดินวนติดกันห้าสิบถึงหกสิบห้องกลับพบว่าด้านในไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่แม้แต่ห้องเดียว มีก็แต่ปราณวิญญาณที่เข้มข้นยิ่งกว่าทหารผีที่ลาดตระเวนที่นี่

แม้ร่างกายของเขาจะไม่ขยับ แต่ในใจรู้สึกสังหรณ์ร้ายอยู่เลือนราง

ขณะที่เขาพยายามข่มอารมณ์ลงไปเพื่อปล่อยจิตสัมผัสสำรวจด้านบนต่อนั่นเอง เสียงของเซียเอ๋อร์ก็ดังขึ้นในหู

“นายท่าน เหมือนข้าจะสัมผัสได้ว่าห้องลับหลายห้องด้านล่างมีลมปราณของผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์อยู่”

หลิ่วหมิงได้ยินจึงรีบเปลี่ยนทิศทางของจิตสัมผัส กวาดลงไปด้านล่างตามที่เซียเอ๋อร์ชี้ทาง

เวลาหนึ่งก้านธูปหลังจากนั้นเขาก็ขยับคิ้ว ร่างกายเลือนหายวูบเดียวเหาะตามทางเดินศิลาไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว

หลังจากพุ่งผ่านทางเดินวนมืดทึมสิบกว่าชั้นพร้อมกับสังหารทหารผีระดับต่ำที่ลาดตระเวนอยู่สิบกว่าตนปานสายฟ้าแลบ ในที่สุดหลิ่วหมิงก็มาถึงทางเดินศิลาชั้นหนึ่งที่อยู่ใกล้พื้นด้านล่าง

ตรงนี้อยู่ห่างจากชั้นล่างสุดแค่สิบกว่าชั้นเท่านั้น ปราณหยินมากมายลอยขึ้นมาจากด้านล่างเป็นระยะ เย็นยะเยือกเสียดแทงกระดูกมากกว่าเดิม หลังจากหลิ่วหมิงหยุดเท้ามองลงไปก็อดไม่ได้สูดลมหายใจอย่างตกตะลึง

ครั้งนี้ในที่สุดเขาก็มองเห็นพื้นด้านล่างของเนินเขาหลิงจิ้วลูกนี้ชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว

ด้านล่างคือวังวนปราณสีดำมหึมาอย่างยิ่งลูกหนึ่ง มีขนาดถึงหนึ่งหมู่กว่า

ไอปีศาจข้นคลั่กสีเทาดำสายแล้วสายเล่ากำลังวนเวียนเชื่องช้าราวกับน้ำวน

หลิ่วหมิงคิดจะแผ่จิตสัมผัสออกไปสำรวจให้รู้ชัด แต่ทันทีที่สัมผัสถูกวังวนด้านล่าง จิตสัมผัสพลันเป็นดั่งตุ๊กตาวัวโคลนจมลงทะเล สำรวจสิ่งใดไม่ได้ทั้งสิ้น

เขามองอยู่ที่เดิมเพียงครู่เดียว ทะเลจิตรับรู้กลับเกิดความรู้สึกเวียนหัวตาลายขึ้นเลือนราง

นี่ทำให้เขาตกใจสะดุ้งโหยง รีบรั้งสายตาและจิตสัมผัสกลับมาไม่กล้ามองต่ออีก ในใจรู้สึกตะลึงอย่างบอกไม่ถูก

เมื่อมองไปรอบที่แห่งนี้ก็พบว่าตามทางเดินวนชั้นนี้มีประตูศิลาขนาดหนึ่งจั้งกว่าอยู่ราวเจ็ดถึงแปดบาน บนประตูศิลาแต่ละบานล้วนมีลวดลายค่ายกลชั้นจำกัดรูปวงกลมขนาดครึ่งจั้งวงหนึ่งทอแสงอยู่เรืองๆ

ลวดลายค่ายกลชั้นจำกัดเหล่านี้แตกต่างจากก่อนหน้านี้ มันปรากฏเป็นสีแดงเข้ม ปราณหยินที่ลอยขึ้นมาจากวังวนปราณหยินด้านล่าง นอกจากส่วนหนึ่งที่ทะลุผ่านประตูศิลาเข้าไปในห้องศิลา อีกส่วนหนึ่งรวมตัวกันแทรกเข้าไปในดวงตาค่ายกลของค่ายกลชั้นจำกัดเหล่านี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา