สรุปตอน ตอนที่ 1031 ผิดปกติ – จากเรื่อง ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet
ตอน ตอนที่ 1031 ผิดปกติ ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
บนกำแพงเมืองจินกวัง ผู้อาวุโสเช่นทารกเฮ่าเยวี่ยเห็นภาพนี้ล้วนโล่งใจขึ้นเล็กน้อย
“ธงผนึกจิตวิญญาณที่ผู้อาวุโสเหยาสร้างเหล่านี้มหัศจรรย์จริงแท้ รวมพลังเวทของผู้ฝึกฝนทั้งหน่วยย่อยไว้ที่ตัวของหัวหน้าทำให้พลังโจมตีของพวกเขาเพิ่มพรวดขึ้นหลายเท่า วิธีการเช่นนี้ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน” ทารกเฮ่าเยวี่ยเอ่ยชม
ในโลกแห่งการฝึกฝนวิธีรวมพลังเวทเช่นนี้ไม่ใช่จะไม่มี แต่พวกมันจำต้องใช้ชั้นจำกัดที่ซับซ้อนอย่างที่สุดอีกทั้งยังมีเงื่อนไขที่เคร่งครัดกว่าจะใช้ได้จริง ตัวอย่างเช่นผู้ฝึกฝนเหล่านี้ต้องฝึกฝนวิชาชนิดเดียวกันและยังต้องฝึกร่วมกันเป็นเวลานานกว่าจะทำได้
ยามนี้เพียงอาศัยธงคำสั่งชิ้นเล็กๆ ชุดหนึ่งก็ทำให้เกิดผลลัพธ์นี้ได้ทันที เรียกได้ว่าน่าตะลึงจริงๆ
คำชมของทารกเฮ่าเยวี่ยออกมาจากใจจริง
สายตาของผู้อาวุโสคนอื่นที่มองไปยังผู้อาวุโสเหยาก็เต็มไปด้วยแววตานับถือเช่นกัน
“ธงผนึกจิตวิญญาณชุดนี้นับว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จ แต่มันยังมีจุดอ่อนเหมือนกัน นั่นก็คือความว่องไวด้อยไปบ้าง ยังต้องพัฒนาต่อไป” ผู้เฒ่าแซ่เหยาส่ายศีรษะยิ้มน้อยๆ สีหน้าบนใบหน้ามีความภาคภูมิใจอยู่เลือนราง
“กองทัพผีร้ายเพียงเสียทัพหน้าไปเท่านั้น หลังจากนี้จะต้องโต้กลับแน่ พวกเจ้าจับตาดูสถานการณ์ศึกอย่างใกล้ชิด!” ผู้เฒ่าแซ่เหยาเก็บงำอารมณ์อย่างรวดเร็วแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“รับทราบ” พวกทารกเฮ่าเยวี่ยรีบตอบ
ปรากฏว่าผู้อาวุโสแซ่เหยาเพิ่งเอ่ยจบไม่นานก็เป็นเช่นที่เขาคาด กองทัพผีร้ายโต้ตอบอย่างรวดเร็วยิ่งนัก
กองทัพผีร้ายฝั่งบุรุษแซ่หมิ่นด้านนี้มีเสียงแตรทุ้มต่ำดังมาจากด้านหลัง ผีร้ายและอสูรที่พุ่งเข้าชนเมืองจินกวังอยู่เมื่อได้ยินเสียงนี้ก็หยุดทันทีแล้วทยอยตั้งกระบวนทัพป้องกัน
ต่อจากนั้นเสียงตะโกนก้องก็ดังขึ้นจากกลางกระบวนทัพรูปวงกลมที่ประกอบไปด้วยผีร้ายหลายร้อยตนด้านล่าง ปราณวิญญาณสีดำแผ่กว้าง หมอกสีดำก้อนแล้วก้อนเล่าผุดออกมารวมตัวกันกลายเป็นหนวดสีดำมหึมาหลายเส้นอย่างรวดเร็วยิ่ง
ฟึบๆ เสียงแหวกอากาศดังลั่น หนวดสีดำพาสายลมแรงดังหวีดหวิวหวดเข้าใส่ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์กลุ่มหนึ่งที่อยู่ใกล้
ผู้ฝึกฝนกลุ่มนี้ก็คือหน่วยย่อยที่บุรุษแซ่หมิ่นเป็นผู้นำนั่นเอง
บุรุษแซ่หมิ่นแค่นหัวเราะ มือตั้งท่าเคล็ดวิชา แสงกระบี่สีเทาปรากฏขึ้นแล้วพุ่งเข้าประจันกับหนวดหนาเส้นหนึ่ง
แสงกระบี่สีเทาเลือนหายวูบเดียวก็ขยายจนใหญ่ร้อยจั้ง “ฉึบ” แล้วฟันหนวดสีดำเส้นหนึ่งสะบั้นอย่างง่ายดาย
ฟึบ ฟึบ!
หนวดเส้นอื่นเลี้ยวเปลี่ยนทิศอย่างแปลกประหลาด พุ่งอ้อมผู้ฝึกฝนแซ่หมิ่นแล้วตวัดเข้าใส่สมาชิกคนอื่นด้านหลังเขาจากหลายทิศ
ฉึบ ฉึบ!
พริบตาเดียวปลายหนวดก็มีเส้นสีดำเรียวเล็กมากมายยุ่บยั่บพุ่งกระจายออกมาล้อมสมาชิกหน่วยยี่สิบกว่าคนเอาไว้
เสียงกรีดร้องดังระงม
เนื่องจากเดิมทีศิษย์ด้านหลังทุ่มสมาธิทั้งหมดถ่ายเทพลังเวททั้งร่างไปยังร่างของบุรุษแซ่หมิ่นที่อยู่ด้านหน้า เมื่อเส้นสีดำเรียวเล็กหลายเส้นพุ่งลงมาจึงมีศิษย์เจ็ดถึงแปดคนถูกทะลวงเป็นรวงผึ้งหรือแม้จะปกป้องจุดสำคัญไว้ได้ แต่จุดอื่นก็ถูกแทงทะลุสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปทันที
บุรุษแซ่หมิ่นหน้าถอดสี เคล็ดกระบี่ที่มือเปลี่ยนไปทันที ท่าเคล็ดวิชาเปลี่ยนแปรดุจกงล้อ กระบี่ยักษ์สีเทาพร่าเลือนวูบหนึ่งก็มีแสงกระบี่ยักษ์หน้าตาเหมือนกันทุกประการอีกหลายสายแยกออกมาในทันใด
วิชาเงากระบี่แยกแสงนั่นเอง!
ฉึบ ฉึบ ฉึบ! เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นติดกันเป็นพรวน
หนวดหลายเส้นยังไม่ทันโจมตีระลอกสองก็ถูกแสงกระบี่สีเทาที่แยกออกมาสี่เล่มสะบั้นอย่างเฉียบขาดและว่องไว
บุรุษแซ่หมิ่นแค่นเสียงเหอะ สองมือสะบัด เงากระบี่สีเทานับไม่ถ้วนปรากฏออกมาทันที พวกมันพร่าเลือนวูบหนึ่ง เงากระบี่ทั้งหมดก็รวมกันอยู่ที่เดียว เพียงพริบตารวมตัวเป็นแสงกระบี่มหึมาขนาดร้อยกว่าจั้งเส้นหนึ่งอีกครั้ง
บุรุษแซ่หมิ่นดวงตาทอประกายเย็นเยียบ แสงกระบี่ยักษ์สีเทาพุ่งเร็วรี่ลงมาพาเสียงเปรี้ยงดุจอสนีบาตคำรามฟันเข้าใส่กองทัพรูปวงกลมของผีร้ายเบื้องล่าง
ฟู่!
ปราณสีดำกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าลอยออกมาจากในกองทัพผีร้ายรวมตัวกันเป็นม่านแสงปราณสีดำหนารูปโล่
“ครืด” เสียงดุจฉีกโลหะ
ม่านแสงรูปโล่ทนอยู่ได้เพียงไม่กี่ลมหายใจก็ถูกแสงกระบี่ยักษ์ฟันทรุดลงไปแล้วพังทลายเสียงดังสนั่น
แสงกระบี่สีเทาร่วงใส่กองทัพผีร้ายเสียงดังสนั่นดุจเขาไท่ซานกดทับศีรษะ
เปรี้ยง! เสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้า ผีร้ายหลายร้อยตนแทบจะถูกแสงกระบี่สีเทากลืนเข้าไปในพริบตา ยังไม่ทันกรีดร้องร้องสักแอะก็กลายเป็นชิ้นๆ
หลังจากทำลายกองทัพผีร้ายจุดนี้ แผ่นค่ายกลสีขาวแผ่นหนึ่งที่มัดติดกับแขนของบุรุษแซ่หมิ่นก็เปล่งแสงทันที เสียงหนึ่งดังออกมาจากด้านในอย่างพอดิบพอดี
“หมิ่นหรง รีบไปช่วยเสริมหน่วยย่อยทางตะวันออกเฉียงเหนือด้านหลังเจ้า!”
ดูจากสถานการณ์โดยรวมในสนามรบ ผู้ฝึกฝนของนิกายเทียนกงฝั่งนี้ครองความเหนือกว่าอย่างสิ้นเชิง
“ฮูม ฮูม ฮูม…”
ในตอนนี้เอง ด้านหลังกองทัพผีร้ายก็มีเสียงแตรสัญญาณทุ้มต่ำดังขึ้น ผีร้ายทั้งหมดเริ่มผละถอยอย่างรวดเร็ว มีทหารผีไม่น้อยหนีไม่ทันถูกลำแสงมากมายโจมตีจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก
ไม่นานทหารของกองทัพผีร้ายทั้งหมดก็หายลับไป
เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ ผู้ฝึกฝนนิกายเทียนกงทั้งหมดพลันโห่ร้องยินดี
บนแท่นเปิดโล่งสูงร้อยจั้งแท่นหนึ่งในเมืองขุ่ยเหล่ย บุรุษวัยกลางคนผมขาวทั้งศีรษะผู้หนึ่งมองทิศทางที่กองทัพผีร้ายผละจากไปอยู่ไกลๆ คิ้วตรงแน่วสองข้างขมวดเล็กน้อย
ภาพที่แทบจะเหมือนกันเกิดขึ้นซ้ำที่เมืองเฮ่าชี่และเมืองฝูหมัวดุจเดียวกัน
แม้เมืองหลักของกองทัพทั้งสี่จะถูกกองทัพผีร้ายโถมโจมตีดุจเกลียวคลื่น แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่าการรบสิ้นสุดโดยผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ได้ชัยครั้งใหญ่และยังโจมตีโต้กลับกองทัพผีร้ายอย่างหนักหน่วง
ข่าวชัยชนะในศึกแรกของกองทัพใหญ่ทั้งสี่ของเผ่ามนุษย์แพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว คนที่ป้อมปราการไท่เทียนย่อมรู้เรื่องนี้ไวยิ่งนัก ชั่วขณะหนึ่งขวัญกำลังใจของกองทัพเผ่ามนุษย์เพิ่มขึ้นอย่างยิ่ง
……
ในที่พักชั่วคราวสักแห่งด้านในป้อมปราการไท่เทียน หลิ่วหมิงกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะกลม เบื้องหน้ามีกระจกสีทองขนาดหนึ่งฉื่อกว่าบานหนึ่งลอยอยู่ สองมือยิงเคล็ดวิชาสายแล้วสายเล่าออกมาร่วงลงบนนั้นไม่หยุดคล้ายกับกำลังผูกพันธะกับบางสิ่ง
“ศิษย์น้องหลิ่ว เจ้าคิดเช่นไรกับข่าวนี้?”
บนเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่งตรงข้ามกับเขา เสี่ยวอู่กำลังนั่งหลังตรงอยู่บนนั้น นางมองหลิ่วหมิงผูกพันธะกับอาวุธเวทแล้วถือแผ่นหยกส่งสารชิ้นนึ่งขึ้นมาถามอะไรไปพลาง
“ข้าไม่ได้เห็นศึกอันเลวร้ายครั้งนั้นกับตาจึงไม่ทราบสถานการณ์อย่างละเอียด ไม่อาจอาศัยข่าวเล็กน้อยตัดสินได้ แต่จากที่ข้ามอง การโจมตีระลอกนี้ของกองทัพผีร้ายคงไม่ได้เรียบง่ายเช่นนั้น โจมตีเมืองใหญ่ทั้งสี่พร้อมกันแล้วยังถูกโจมตีจนผละถอยทั้งหมด มองอย่างไรก็ไม่ปกตินัก” หลิ่วหมิงลืมตาขึ้นเอ่ยตอบเรียบๆ
“อืม ศิษย์น้องหลิ่วคิดเหมือนข้า กองทัพผีร้ายน่าจะไม่ยิงศรไม่เล็งเป้าเช่นนี้ น่าจะมีเป้าหมายพิเศษบางอย่างที่คนไม่รู้กระมัง…” ในดวงตาเสี่ยวอู่เผยแววตาครุ่นคิด
“เรื่องเหล่านี้ยกให้ผู้อื่นขบคิดก็แล้วกัน พวกเราปรึกษาเรื่องกลยุทธ์การร่วมมือที่ผู้อาวุโสฝางพูดถึงดีกว่า” หลิ่วหมิงกลับไม่ได้ขบคิดมากเช่นนั้น เขาเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง
“อืม เป็นเช่นนั้นจริง ต่อให้สถานกาณณ์ศึกเสียเปรียบอีกเท่าใดก็ยังมีผู้อาวุโสระดับดาราพยากรณ์เหล่านั้นคอยกังวลอยู่ พวกเราอย่าเป็นคนแคว้นฉี่กลัวฟ้าถล่มเลย” เสี่ยวอู่นิ่งไปครู่หนึ่งก็พยักหน้าอย่างปลงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา