ป้อมปราการไท่เทียน รุ่งเช้าวันถัดมา
แสงสว่างเพิ่งเริ่มปรากฏบนท้องฟ้าสีเทาขมุกขมัว บนกำแพงเมืองรอบด้านที่เดิมทีเงียบสงัดจู่ๆ กลับมีเสียงตะโกนร้อนรนดังขึ้น
“ฝั่งตะวันออกมีร่องรอยของกองทัพผี!”
“ฝั่งเหนือมีทหารผีจำนวนมากรวมตัวอยู่! ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือก็ด้วย!”
“แย่แล้ว ทางใต้มีกองทัพผีปรากฏตัว…”
เวลานี้เสียงระฆังดังเหง่งหง่างดังลั่นสะท้อนก้องไปทั่วทั้งป้อมปราการ
ต่อจากนั้นเสียงบุรุษกังวานเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นกลางท้องฟ้า ส่งมาถึงในหูของทุกคนอย่างชัดเจนยิ่งนัก
“ระวัง รอบป้องปราการมีกองทัพผีจำนวนมาก ทุกคนกลับประจำตำแหน่งทันที!”
เดิมทีหลิ่วหมิงนั่งขัดสมาธิโคจรปราณอยู่ในที่พักชั่วคราว ทันทีที่ได้ยินเสียงระฆังดังขึ้น เขาก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่กล้าชักช้าและมุ่งไปยังลานกว้างใจกลางป้อมอย่างรวดเร็ว
ลานกว้างใจกลางป้อมปราการไท่เทียนเวลานี้มีสิ่งก่อสร้างหน้าตาเหมือนหอคอยขนาดมหึมาที่สูงกว่ากำแพงเมืองรอบด้านหนึ่งเท่ากว่าอยู่เจ็ดหลัง
สิ่งก่อสร้างเหล่านี้เรียงตัวเป็นวง แต่ละหลังสูงถึงสองสามร้อยจั้ง แต่หอที่อยู่ตรงกลางเห็นชัดว่าสูงกว่าหกหลังที่อยู่รอบด้านอยู่บ้าง ตัวสิ่งก่อสร้างเป็นทรงหกเหลี่ยม แต่ละด้านเรียบลื่นผิดธรรมดาและสลักยันต์พิเศษจำนวนหนึ่งเอาไว้ พวกมันทอแสงจิตวิญญาณเลือนรางแล้วไหลเคลื่อนไปมาไม่หยุด
เวลานี้บนยอดหอคอยมหึมาตรงกลางมีลูกกลมสีทองอร่ามลูกหนึ่งลอยอยู่ มันหมุนเชื่องช้าแผ่แสงเรืองรองสีทองอ่อนออกมาไม่หยุด เฉาฉางเฮ่อชายหนุ่มผมเงินนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ลูกกลม
“ศิษย์น้องหลิ่ว ไปอยู่บนหอด้านหน้าทางซ้ายของข้า” เมื่อหลิ่วหมิงรีบเร่งมาถึงใต้หอคอย หูก็พลันได้ยินเสียงกระแสจิตของเฉาฉางเฮ่อ
หลิ่วหมิงฟังจบก็ทะยานร่างขึ้นไปบนยอดหอคอยสูงที่เฉาฉางเฮ่อชี้ทันที
ค่ายกลชั้นจำกัดรูปหกเหลี่ยมที่แทบจะอัดเต็มแท่นเรียบบนยอดหอปรากฏตรงหน้า อีกห้ามุมที่เหลือมีผู้ฝึกฝนของกองทัพแสงทองที่สวมชุดเกราะสีน้ำเงินนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านในแล้ว เสี่ยวอู่ก็อยู่ในนั้นด้วย แต่มุมหนึ่งฝั่งซ้ายของเขากลับว่างเปล่า
เวลานี้ตรงหน้าทุกคนมีกระจกแสงสีทองขนาดหนึ่งฉื่อกว่าบานหนึ่งลอยอยู่ เวลานี้หอคอยสูงห้าหลังรอบด้านก็มีคนทยอยมาถึงแล้วทะยานขึ้นไปบนหอสูงหลังอื่นตามการสั่งการของเฉาฉางเฮ่อเช่นเดียวกัน
หลังจากเสี่ยวอู่เห็นหลิ่วหมิงปรากฏตัวก็ผงกศีรษะให้เขานิดๆ แล้วเหลือบสายตามองมุมด้านข้างที่ว่างเปล่า
หลิ่วหมิงเข้าใจความหมาย เขาไม่พูดพร่ำเดินไปนั่งขัดสมาธิที่มุมว่างนั่นแล้วเรียกกระจกแสงสีทองเหมือนกับคนอื่นออกมา จากนั้นยิงเคล็ดวิชาสายหนึ่งเข้าไป กระจกแสงสีทองลอยนิ่งอย่างมั่นคงอยู่เบื้องหน้าทันที
เพียงครู่เดียวบนหอคอยสูงทั้งหกหลังก็มีผู้ฝึกฝนของกองทัพแสงทองหกคนอยู่ประจำตำแหน่งจนครบ กระจกแสงสีทองสามสิบหกบานเปล่งแสงสีทองเจิดจ้า มองจากไกลๆ ยอดหอคอยสูงทั้งหกหลัง ทอแสงสีทองระยิบระยับจนไม่อาจมองตรงๆ ได้แม้แต่น้อย
“ทุกคนเข้าประจำตำแหน่งในค่ายกลแสงทองแล้ว ศิษย์น้องทุกคน ฟังคำสั่งของข้าแล้วกระตุ้นค่ายกล อย่าให้ผิดพลาด!” เฉาฉางเฮ่อลุกขึ้นยืน เขากวาดสายตามองรอบด้าน เมื่อเห็นทุกคนพร้อมเรียบร้อยจึงเอ่ยเสียงขรึมทันที
ต่อจากนั้นก็เห็นแสงสีทองสว่างขึ้นบนมือทั้งสองข้างของเขา ธงค่ายกลสีทองสองผืนปรากฏออกมา เขาหลับตาทั้งสองข้างลงประหนึ่งภิกษุชราเข้าฌาน นิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับ
หลิ่วหมิงฟังแล้วก็กวาดสายตาไปรอบด้านพบว่าบนกำแพงเมืองรอบด้านมีผู้คนวิ่งขวักไขว่ ส่วนใหญ่เป็นผู้ฝึกฝนจากกองทัพอีกสามแห่งที่สวมเสื้อผ้าสีเหลือง สีขาวและสีดำซึ่งกำลังตีฆ้องลั่นกลองรบเตรียมตัวสำหรับศึกใหญ่ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้น
สี่มุมของป้อมปราการคือดวงตาค่ายกลของมหาค่ายกลชั้นจำกัดของป้อมปราการไท่เทียน แต่ละมุมมีศิษย์ของกองทัพคุณธรรมผู้สวมชุดเกราะสีขาวสิบกว่าคนอยู่ ใต้เท้าของคนเหล่านี้ล้วนมีค่ายกลรูปวงกลมที่ทอแสงสีเงินอ่อนวงหนึ่ง ยันต์บนผิวค่ายกลไหลเคลื่อนไปมาแลดูสะดุดตาอย่างยิ่ง
คนเหล่านี้ถือแผ่นค่ายกลและธงค่ายกลไว้ในมือ ปากเอ่ยท่องมนตร์ ถ่ายเทพลังเวทเข้าไปในค่ายกลรูปวงกลมใต้เท้าไม่หยุด
ในเวลาเดียวกันนี้ศิษย์นิกายเทียนกงที่สวมอาภรณ์สีเหลืองคนแล้วคนเล่าบนกำแพงเมืองรอบด้านก็กำลังปล่อยหุ่นสารพัดแบบออกมาไม่หยุด แสงจิตวิญญาณหลากสีกะพริบวูบวาบพร้อมกับที่หุ่นตัวแล้วตัวเล่าปรากฏขึ้นตีนกำแพงเมืองเบื้องหน้าพวกเขา ในนั้นมีหุ่นขนาดยักษ์ประหนึ่งขุนเขาลูกย่อมๆ อยู่หลายตัว
หุ่นทั้งหมดยืนเรียงกันเป็นแถวขวางหน้ากำแพงเมืองทั้งสี่ด้านกลายเป็นกำแพงชั้นแรกของทั้งป้อมปราการ
ด้านข้างศิษย์นิกายเทียนกง เงาดำร่างแล้วร่างเล่าที่มีปราณดำวนเวียนรอบตัวกำลังตั้งท่ารอต่อสู้ พวกเขาก็คือกลุ่มศิษย์จากนิกายปีศาจลี้ลับนั่นเอง
นอกจากศิษย์หัวกะทิจากนิกายต่างๆ เหล่านี้ ศิษย์ประจำป้อมก็ทยอยมาอยู่ข้างเครื่องยิงศรขนาดยักษ์เครื่องแล้วเครื่องเล่าและตามหอคอยทรงกลม ทุกคนล้วนมีสีหน้าเคร่งเครียด
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ถอนหายใจแผ่วเบา เขารั้งสายตากลับมาแล้วเริ่มแผ่จิตสัมผัสตรวจสอบสภาพรอบด้านป้อมปราการ
แล้วเขาก็เห็นว่าเวลานี้สี่ด้านแปดทิศของป้อมปราการไท่เทียนเต็มไปด้วยไอหมอกสีเทาปั่นป่วนผืนหนึ่ง กลางไอหมอกมีจุดสีดำขนาดใหญ่เล็กมากมายรวมตัวเป็นกระบวนทัพสี่เหลี่ยมอย่างเป็นระเบียบกองแล้วกองเล่า มองดูคร่าวๆ มีมากถึงหลายหมื่นตน!
แม้จะตรวจสอบสภาพโดยละเอียดในกองทัพของอีกฝ่ายไม่ได้ แต่ดูจากที่กองทัพผีร้ายสร้างความรู้สึกกดดันได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ดูท่าอีกฝ่ายคงวางแผนมานานแล้ว
นี่ทำให้หลิ่วหมิงอดไม่ได้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเผยสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย
ในตอนนี้เองเสียงดังลั่นก็ดังขึ้นจากมุมกำแพงเมืองทั้งสี่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา