ณ ที่แห่งหนึ่งของหุบเขามืดอันทอดยาว ลึกเข้าไปในถ้ำภูเขาที่เร้นลับอย่างที่สุดแห่งหนึ่ง เงาคนร่างหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนศิลายักษ์ก้อนหนึ่งอย่างนิ่งสงบ รอบร่างมีประกายแสงสีแดงไหลเคลื่อนไม่หยุดอยู่เลือนราง
จู่ๆ ร่างกายของคนผู้นี้ก็ขยับเล็กน้อย เขาอุทานแผ่วเบาด้วยความฉงน ทันใดนั้นแสงสีขาวแสบตาสายหนึ่งก็ส่องสว่างขึ้นในมือ นั่นคือหินหยกสีขาวพิสุทธิ์ก่อนหนึ่ง
แสงสีขาวฉับพลันส่องสว่างทั่วถ้ำ ที่แห่งนี้คือถ้ำภูเขาธรรมชาติที่ค่อนข้างเรียบง่ายแห่งหนึ่ง นอกจากศิลายักษ์สีเขียวที่วางนอนให้คนผู้นี้นั่งขัดสมาธิอยู่ก้อนนั้นก็ไม่มีสิ่งอื่นใด
คนผู้นี้เป็นผู้เฒ่าผู้สวมอาภรณ์ตัวยาวสีแดงเพลิงผู้หนึ่ง อาภรณ์ทอแสงสีแดงเรืองๆ บนใบหน้าของเขามีรอยเหี่ยวย่นเล็กน้อย จอนผมเป็นสีขาวประปราย ดูอายุราวหกสิบปี ทั่วทั้งร่างดูไม่ออกสักนิดว่ามีจุดใดพิเศษ มีเพียงปลอกแขนสีทองเหมือนกำไลที่สวมอยู่บนข้อมือของเขาข้างละชิ้นเท่านั้นที่แลดูสะดุดตาอยู่บ้าง
หยกขาวในมือผู้เฒ่าส่งลำแสงออกมา ในแสงนั่นปรากฏอักษรตัวเล็กสีขาวหนึ่งแถว
ทันทีที่กวาดสายตาผ่านอักษรเหล่านี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
เขาเผยสีหน้าครุ่นคิดออกมาเล็กน้อย จากนั้นพลิกมือเรียกแผ่นค่ายกลหินสีน้ำเงินที่ดูเรียบง่ายชิ้นหนึ่งออกมา แผ่นค่ายกลเปล่งแสงสีน้ำเงินวูบวาบแล้วสลายไปทันที
ผู้เฒ่าชุดแดงลุกพรวดขึ้นมา แสงสีแดงบนร่างส่องสว่างวูบหนึ่ง อึดใจต่อมาคนก็ไปปรากฏตัวบนท้องฟ้าเหนือยอดเขายักษ์สีดำสนิทด้านนอกถ้ำ
สถานที่แห่งนี้เดิมทีลมก็โหมแรงไม่ขาดอยู่แล้ว ทว่ายามที่สายลมบนภูเขากระหน่ำผ่านผู้เฒ่ากลับราวกับไม่มีสิ่งใด ทะลุผ่านร่างไปทันทีดุจดั่งเขาไม่มีตัวตน
สองตาของเขามีประกายสีแดงไหลเคลื่อนอยู่ ดวงตาทอประกายลึกล้ำชวนให้รู้สึกเหมือนเห็นกระจ่างทุกสิ่ง
ผู้เฒ่ามิใช่ใครอื่น เขาก็คือที่พึ่งสำคัญที่สุดในทางปีศาจร้ายของสี่ยอดนิกายใหญ่เผ่ามนุษย์ตอนนี้ หั่วเยี่ยเจินเหรินผู้ฝึกฝนผู้มีพลังแข็งแกร่งระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์จากนิกายยอดบริสุทธิ์!
“ป้อมปราการไท่เทียนเกิดปัญหาแล้วจริงๆ …”
ผู้เฒ่าทอดสายตามองไปทางทิศเหนือครู่หนึ่งแล้วเอ่ยพึมพำกับตนเอง เขาหันหน้าไปมองยอดเขาสีดำสนิทเบื้องล่าง ใบหน้าฉายแววลังเล
ในฐานะผู้มีพลังแข็งแกร่งที่รักษาการณ์ในทางปีศาจร้าย สาเหตุที่เขาฝึกฝนเงียบๆ อยู่ในหุบเขามืดมาตลอดโดยไม่สนใจเรื่องยิบย่อยของสี่กองทัพใหญ่แต่อย่างใด ความจริงก็เพื่อปกป้องทางเชื่อมที่หุบเขามืดแห่งนี้ เพราะอย่างไรที่แห่งนี้ก็คือทางเชื่อมระหว่างเผ่ามนุษย์กับทางปีศาจร้าย จะยอมเสียไปไม่ได้เด็ดขาด
ผู้เฒ่าชุดแดงใคร่ครวญอยู่พักหนึ่งก็สะบัดแขนเสื้อกว้าง ผ้าเช็ดหน้าไหมสีน้ำเงินผืนหนึ่งปรากฏออกมาแล้วทอแสงสีน้ำเงินวูบหนึ่ง ทันใดนั้นผ้าเช็ดหน้าไหมพลันกลายเป็นไอหมอกสีน้ำเงินไร้ขอบเขต ล้อมยอดเขาสีดำสนิทและยอดเขาขนาดเล็กรอบๆ ที่อยู่เบื้องล่างไว้ด้านใน
ต่อจากนั้นมือข้างหนึ่งของเขาพลันใช้เคล็ดวิชา หลังจากยิงเคล็ดวิชาสิบกว่าสายเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ไอหมอกสีน้ำเงินที่ลอยพัดไม่หยุดนิ่งก็หายไปไร้ร่องรอยในพริบตา ยอดเขาทั้งหมดฟื้นกลับคืนสภาพเดิมอีกครั้ง
เมื่อทำทุกสิ่งนี้เสร็จ ผู้เฒ่าชุดแดงจึงพยักหน้า ร่างกายขยับวูบเดียวกลายเป็นเมฆสีแดงก้อนหนึ่ง มุ่งเร็วรี่ไปยังป้อมปราการไท่เทียนทางทิศเหนือ
เหาะไปได้ไม่ไกลหนัก อากาศเบื้องหน้าพลันสั่นไหว เส้นสีดำเรียวเล็กกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นโดยไร้ลางบอก พวกมันพุ่งพรวดเข้าใส่เมฆอัคคีซึ่งเป็นร่างแปลงของผู้เฒ่าชุดแดงในทันใด
อากาศจุดที่เส้นสีดำพุ่งผ่านเกิดแรงสั่นไหวประหลาด รอยแยกมิติสีดำสนิทเส้นแล้วเส้นเล่าปรากฏขึ้นในพริบตา จากนั้นแรงดูดน่าตะลึงก็แผ่ออกมาจากด้านใน
ผู้เฒ่าชุดแดงสีหน้าเปลี่ยนไปในทันใด แขนเสื้อกว้างสะบัด คลื่นอัคคีสีแดงฉานลุกโหมบนร่าง เปลวเพลิงวนล้อมรอบร่างเขาจนทั้งร่างกลายเป็นลูกบอลเพลิงเจิดจ้าแสบตาดุจดวงตะวันดวงหนึ่งลอยอยู่กลางท้องฟ้า ส่องแสงรัศมีหมื่นสายไปทั่วทุกสารทิศ
เส้นสีดำเรียวเล็กถูกแสงรัศมีแผดเผาดังชี่สลายไปเกือบครึ่ง แต่ก็ยังเหลือกว่าครึ่งพุ่งหายวับไปแล้วทะลวงเข้ามาในลูกบอลเพลิง
ลูกบอลเพลิงสั่นไหวเบาๆ แต่ไม่นานก็พื้นกลับมานิ่งสงบอีกครั้ง
อึดใจต่อมาลูกบอลเพลิงมหึมาทั้งลูกก็แยกจากหนึ่งเป็นสองก่อนจะสลายไปกับอากาศ เผยร่างของผู้เฒ่าชุดแดงออกมา ดวงตาของเขาเปล่งประกายวาวโรจน์ มองไปยังทิศทางที่เส้นสีดำพุ่งพรวดออกมาจากความว่างเปล่า ที่ตรงนั้นฟื้นกลับมาสงบแล้ว ไม่มีความผิดปกติแม้แต่น้อย
“เหอะ!”
หั่วเยี่ยเจินเหรินแค่นเสียงหยัน เปลวเพลิงรอบร่างยิ่งลุกโชน สองแขนยกไขว้หน้าร่าง ปลอกแขนสีทองบนข้อมือฉับพลันพ่นเปลวเพลิงร้อนแรงออกมารวมตัวกันเป็นลูกบอลเพลิงสีขาวใหญ่หนึ่งจั้งกว่าลูกหนึ่งเบื้องหน้า
“ไป”
ผู้เฒ่ายกมือข้างหนึ่งขึ้นชี้ ลูกบอลเพลิงหดเข้าไปตรงกลางจากนั้นเพียงชั่วอึดใจก็กลายเป็นวิหคอัคคีจิ๋วสีขาวตัวหนึ่ง สองปีกกระพือครั้งเดียว ร่างกายก็เลือนหายไปไร้ร่องรอย
ครู่ต่อมาวิหคอัคคีสีขาวพลันปรากฏตัวกลางอากาศห่างไปหลายสิบจั้งแล้วกรีดร้องเสียงแหลมสูง เปลวไฟรอบร่างมีแสงสีดำชั้นหนึ่งปกคลุมอยู่ สองปีกกระพือแล้วดิ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง
“ฟุบ!”
อากาศเบื้องหน้าไหวเป็นระลอกรุนแรงดุจผืนน้ำ เพียงพริบตาวิหคอัคคีก็จมหายเข้าไป จากนั้นเสียงระเบิดพลันดังกึกก้อง เปลวเพลิงสีขาวนับไม่ถ้วนพุ่งกระจายไปทั่วทุกสารทิศ แทบจะย้อมพื้นที่หนึ่งลี้กว่ารอบด้านให้กลายเป็นสีขาว ความร้อนที่แผ่ออกมาทำให้อากาศบริเวณใกล้เคียงบิดเบี้ยวจนเปลี่ยนรูป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา