“ทุกท่านล้วนทราบว่าในแดนวารีมืดของพวกเรา ปกติแล้วเคล็ดวิชาชนิดนี้มีอยู่ในการครอบครองของกลุ่มอำนาจใหญ่ไม่กี่แห่งที่เมืองปี้โยวเท่านั้น ในโลกภายนอกหาพบยาก!” บุรุษเผ่ายมโลกที่นำเคล็ดวิชาออกมาในงานแลกเปลี่ยนเหมือนจะร้อนใจขึ้นมาเล็กน้อยจึงเอ่ยเสียงดัง
“ต่อให้หายากแล้วมีประโยชน์อันใด แม่น้ำมืดส่วนใหญ่อยู่ในที่ห่างไกล อันตรายรายล้อมรอบด้าน อีกทั้งการกลั่นหยดพลังวารีก็สิ้นเปลืองกำลังยิ่งนัก เมื่อกลั่นออกมาแล้วก็ขายให้ได้แค่กลุ่มอำนาจใหญ่บางแห่งที่จะนำไปหลอมอาวุธเวท เคล็ดวิชาพันกลั่นวารีนี่ตอนนี้เป็นของไร้ประโยชน์ชัดๆ”
“เจ้าเอาของชิ้นนี้มาเป็นครั้งที่สามแล้ว ไม่มีใครออกเงินซื้อหรอก เจ้าตัดใจเสียเถอะ”
“ถ้าหินยมโลกสักสองสามพันก้อน ข้าอาจจะรับไว้พิจารณาก็ได้นะ ฮ่าๆ!”
“พวกเจ้า…” เห็นชัดว่าคนที่อยู่หลังโต๊ะศิลาโกรธจนตัวสั่นน้อยๆ ทำให้ไอหมอกที่ล้อมอยู่รอบร่างกายเริ่มไหลเคลื่อนไม่หยุดไปด้วย
“พอแล้ว อีกสิบลมหายใจ หากไม่มีใครขานราคาก็เชิญท่านกลับที่นั่งเถิด” ในตอนนี้เองผู้เฒ่าหนวดยาวผู้นั้นด้านข้างโต๊ะหินก็เอ่ยปากขึ้นช้าๆ
“ข้าเอา”
ขณะที่คนผู้นี้ก้มหน้าอย่างหดหู่กำลังจะเก็บคัมภีร์บนโต๊ะศิลา เตรียมจะเดินลงไปนั่นเอง เสียงหนึ่งก็ดังโพล่งมาจากตรงมุม
คนไม่น้อยตกตะลึงเพราะคนที่เปล่งเสียงออกมาผู้นี้ พวกเขาอดไม่ได้พากันหันมองตามเสียงไป อยากจะดูว่าผู้ที่ยอมจ่ายเงินก้อนโตซื้อสิ่งที่คนมากมายมองว่าเป็นสิ่งไร้ประโยชน์ชิ้นนี้เป็นเทพเทวาจากที่ใด
ผู้ที่ขายเคล็ดวิชากลั่นวารีผู้นั้นได้ยิน ร่างกายพลันหยุดกึกอยู่ที่เดิมแล้วหันมองมาพร้อมกัน
ผู้ที่ให้ราคาอยู่ตรงมุม เขามีไอหมอกสีเทาขมุกขมัวกลุ่มหนึ่งล้อมอยู่รอบตัวเช่นเดียวกับคนอื่นๆ
หลิ่วหมิงนั่นเอง
เมื่อมีเคล็ดวิชานี้ เขาย่อมเดินทางไปตามหาแม่น้ำมืดได้อย่างไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เมื่อใช้น้ำจากแม่น้ำมืดชะล้างร่างกาย ฝึกฝนเคล็ดวิชากระดูกดำขั้นท้ายเสร็จ เขาก็จะหลอมมุกบรรพตธาราสิบสองลูกให้ลุล่วงในคราวเดียวกัน
“อ้อ? ท่านยินดีใช้หินยมโลกหนึ่งหมื่นก้อนซื้อเคล็ดวิชากลั่นวารีหรือ?” ผู้เฒ่าหนวดยาวข้างโต๊ะหินได้ยินก็หันสายตามาในเวลาเดียวกัน แล้วเลิกคิ้วเอ่ยถามขึ้นมา
“ข้านำหินยมโลกมาไม่พอ แต่จะเอาของสิ่งนี้จ่ายที่เหลือ” หลิ่วหมิงเอ่ยพลางก็ลุกขึ้นยืน ร่างกายขยับวูบเดียวมาปรากฏตรงหน้าโต๊ะหิน มือข้างหนึ่งลูบบนแหวนสีดำที่มือขวา ปีกสีเงินยวงกว้างหนึ่งจั้งกว่าคู่หนึ่งโผล่ขึ้นมาบนโต๊ะหิน
ขนเส้นแล้วเส้นเล่าวบนปีกทอแสงสีเงินประหนึ่งสร้างจากเงินบริสุทธิ์ บนผิวมีปราณสีดำลอยวนเวียนส่งเสียงครวญครางทุ้มต่ำออกมาแผ่วเบา
“นี่หรือว่าจะเป็น…ปีกของอสูรแห่งความมืดภูตนกเค้าแมวระดับแก่นแท้!”
“จิ๊ๆ ปีกของภูตนกเค้าแมวแข็งแกร่งดุจหินผา แต่เบาดั่งขนห่าน เป็นวัตถุดิบชั้นยอดสำหรับสร้างอาวุธจำพวกปีกที่หาได้ไม่มาก!”
เห็นชัดว่าผู้ที่มาเข้าร่วมงานแลกเปลี่ยนครั้งนี้ แต่ละคนล้วนสายตาไม่ธรรมดา อยู่ห่างไกลเช่นนี้ยังแยกแยะสิ่งนี้ออกอย่างรวดเร็วและถูกต้องแปดเก้าส่วนในสิบส่วน
“ไม่เลว ปีกของภูตนกเค้าแมวระดับแก่นแท้ขั้นกลางคู่หนึ่ง เก็บรักษาได้สมบูรณ์ หากสองฝั่งไม่ติดขัดย่อมแลกเปลี่ยนกันได้” ผู้เฒ่าหนวดยาวดวงตาทอประกายวูบหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่รีบไม่ช้า
“ข้าจะใช้ของสิ่งนี้กับหินยมโลกอีกห้าพันก้อนแลกเคล็ดวิชากลั่นวารีของท่านได้หรือไม่” หลิ่วหมิงฟังจบก็เคลื่อนสายตาไปหาคนด้านหลังโต๊ะหินแล้วเอ่ยถาม
“เรื่องนี้…ไม่ปิดบังท่าน ข้าต้องรีบใช้หินยมโลกจึงคิดจะปล่อยเคล็ดวิชานี้ ในเมื่อท่านนำปีกอสูรแห่งความมืดระดับแก่นแท้คู่นี้ออกมาก็นับว่ามีความจริงใจ หากท่านยอมเพิ่มหินยมโลกเป็นหกพันก้อน ข้าก็จะยอมทนปวดใจยกให้” ผลปรากฏว่าคนผู้นี้กลับแสดงท่าทีไม่ใคร่จะยินดีออกมาแล้วยังพูดจาอ้อมค้อม
หลิ่วหมิงเห็นคนผู้นี้ท่าทียึกยักเหมือนเจตนาจะขึ้นราคาก็ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้
“สหายท่านนี้ ข้ายินดีให้หินยมโลกสี่พันสองร้อยก้อนซื้อปีกภูตนกเค้าแมวคู่นี้ ไม่ทราบท่านยินดีหรือไม่?” ปรากฏว่าคนที่อยู่ด้านล่างเวทีได้ยินกลับเริ่มให้ราคาแก่หลิ่วหมิงแล้ว
“ข้ายินดีให้หินยมโลกสี่พันห้าร้อยก้อน…” อีกเสียงหนึ่งถามขึ้นอย่ากระตือรือร้นยิ่งนัก
“ข้าให้สี่พันแปดร้อย ขายให้ข้าเถอะ” เพิ่งเอ่ยจบ ก็มีอีกเสียงหนึ่งตะโกนกลบ
“เดี๋ยว เดี๋ยว! ข้าคิดดูแล้ว ในเมื่อท่านจริงใจเช่นนี้ ก็เอาตามราคาที่ท่านพูดก่อนหน้านี้เถิด ยกให้ท่าน” คนผู้นั้นเห็นปีกภูตนกเค้าแมวที่หลิ่วหมิงนำออกมาท่าทางเหมือนจะมีคนให้ราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ ความคิดเดิมจึงหายไปกว่าครึ่งทันที เขารีบร้อนออกปากห้ามแล้วชิงโยนคัมภีร์มาให้ก่อน
หลิ่วหมิงรับคัมภีร์ไปแล้วกวาดจิตสัมผัสอย่างรวดเร็ว หลังจากตรวจสอบแล้วว่าไม่ผิดพลาดจึงแค่นเสียงเหอะออกมาคำหนึ่ง จากนั้นหยิบถุงใบหนึ่งออกมานับหินยมโลกระดับกลางห้าสิบก้อนกวาดส่งไปให้อีกฝ่ายพร้อมกับปีกสีเงินบนโต๊ะ
แล้วเขาก็ลุกขึ้นกลับไปที่นั่ง
เมื่อเผ่ายมโลกผู้นั้นลงไปจากด้านหลังโต๊ะหิน งานแลกเปลี่ยนก็ดำเนินต่อไป
หลังจากนั้นมีคนอีกไม่น้อยก้าวขึ้นไปนำสมบัติของตนเองออกมาเรียกราคาที่ตนเองต้องการ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา