ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 1059

สรุปบท ตอนที่ 1059 วงแหวนยมโลกคลั่ง: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

ตอน ตอนที่ 1059 วงแหวนยมโลกคลั่ง จาก ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 1059 วงแหวนยมโลกคลั่ง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ดูจากเครื่องแต่งกายที่สวม ชาวยมโลกผู้นี้เหมือนจะเป็นเผ่ายมโลกที่มาจากโลกข้างนอก พลังเพียงระดับแก่นแท้เท่านั้น แต่เอาชนะผู้ท้าประลองที่ขึ้นมาบนเวทีประลองได้สามตนติดแล้ว จึงดึงความสนใจของผู้คนมาไม่น้อยเช่นกัน

จิตสัมผัสอันเฉียบคมของหลิ่วหมิงย่อมสัมผัสสายตาของชาวยมโลกผู้นี้ได้ เขามองกลับไปอย่างแปลกใจทันที

ปรากฏว่าชาวยมโลกผู้นี้กลับยิ้มอย่างเป็นมิตรให้เขา ทำให้หลิ่วหมิงมึนงงไปเล็กน้อย ในใจพึมพำกับตนเองอยู่พักหนึ่ง

ในเวลาเดียวกันบนเวทีประลองทั้งสิบ การประลองก็ผลัดกันดำเนินไปอย่างดุเดือด

เวทีประลองที่หลิ่วหมิงอยู่ ด้วยความที่เขาขึ้นมาก็แสดงพลังข่มขวัญทันที ชั่วเวลาหนึ่งจึงไม่มีผู้ใดกล้าขึ้นเวทีมาท้าสู้

พอดีเพราะสถานการณ์เช่นนี้ คนที่ล้อมดูอยู่เหล่านั้นเพียงครู่เดียวก็ย้ายความสนใจไปยังการต่อสู้บนเวทีประลองอื่น

หลิ่วหมิงจึงสบาย นั่งขัดสมาธิหลับตาทำสมาธิกลางเวทีประลอง

แต่อย่างไรนี่ก็เป็นเวทีประลองแข่งขันคัดเลือก หลิ่วหมิงเป็นเพียงผู้ฝึกฝนระดับแก่นเสมือนคนหนึ่ง เวลาครึ่งหนึ่งของชั่วจิบชาผ่านไป บุรุษร่างใหญ่ระดับแก่นแท้ขั้นต้นผู้มีเรือนร่างกำยำแข็งแกร่งตนหนึ่งก็กระโดดขึ้นมาบนเวทีประลอง

“ข้าซาเหยียน ขอท่านโปรดชี้แนะด้วย”

พร้อมกับที่ชั้นจำกัดสีเทาส่องแสงขึ้น บุรุษร่างใหญ่กำยำก็ประสานมือเอ่ยขึ้นมา

“อิ่นหาน” หลิ่วหมิงประสานมือให้เขา

ครั้งนี้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเตรียมตัวมาก่อนหรือไม่ ไม่ทันรอให้หลิ่วหมิงเคลื่อนไหวอย่างใด บุรุษร่างใหญ่กำยำก็ตวาดเบาๆ ปราณสีเทาทะลักออกมาจากทั่วร่าง สองเท้าวิ่งทะยานพุ่งตรงเข้ามาหาหลิ่วหมิง

เสียงตึงๆ ดังสนั่น เวทีประลองทั้งเวทีสั่นไหวไม่หยุดตามฝีเท้าอันหนักอึ้งของบุรุษร่างใหญ่ ร่างกายของบุรุษร่างใหญ่กำยำค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น ปราณสีเทารอบร่างกระหวัดเกี่ยวกันอยู่พักหนึ่งก็กลายเป็นเงาภูเขาน้อยสีเทาหม่นขนาดหลายสิบจั้งลูกหนึ่งพุ่งตรงเข้ามาหาหลิ่วหมิง พลังน่าทึ่งทีเดียว

แต่เดิมคิดว่าเผ่ายมโลกชำนาญวิชาสายวิญญาณ คิดไม่ถึงว่าในหมู่ชาวยมโลกก็มีผู้ฝึกร่างที่ห้าวหาญเช่นนี้ด้วย

สีหน้าประหลาดใจพาดผ่านใบหน้าของหลิ่วหมิง สองมือใช้เคล็ดวิชาทันที

ปราณดำโถมออกมา พร้อมกับเสียงมังกรคำรามดังก้องฟ้า!

มังกรหมอกสีดำยาวยี่สิบกว่าจั้งห้าตัว โผล่ออกมาจากแผ่นหลังของหลิ่วหมิงแล้วเหาะวนขึ้นไปบนฟ้า พวกมันบินวนอย่างว่องไวบนท้องฟ้าเหนือเวทีประลองรอบหนึ่งก็เข้าประจันหน้ากับภูเขาน้อยสีเทาหม่นที่พุ่งเร็วรี่มาถึงทันที

“ปุ้งๆ” เสียงแผ่วเบาดังขึ้นหลายครั้ง!

มังกรหมอกสีดำโถมใส่ภูเขาน้อยสีเทาที่บุรุษร่างกำยำสร้างขึ้นตามต่อกัน แต่ปรากฏว่าพวกมันกลับพังทลายราวกับหน้าต่างกระดาษแล้วสลายกลายเป็นหมอกดำหนาทึบ ไม่อาจขัดขวางภูเขาน้อยจากการเข้าใกล้หลิ่วหมิงได้แม้แต่นิด

“ลูกไม้กระจอก!” เสียงหัวเราะหยันของซาเหยียนดังออกมาจากด้านในภูเขาน้อยสีเทาหม่น

ทว่าตอนที่ภูเขาน้อยของเขาอยู่ห่างจากหลิ่วหมิงเพียงเอื้อมมือนั่นเอง ร่างกายของหลิ่วหมิงพลันขยับวูบเดียวหายไปจากที่เดิม

อึดใจต่อมาหลังจากที่หลิ่วหมิงเลือนหายไป เขาก็ปรากฏตัวห่างไปด้านหลังซาเหยียนสิบจั้ง

“เหอะ!” เสียงแค่นหยันที่มีความโกรธเกรี้ยวปะปนอยู่ของซาเหยียนดังออกมาจากในภูเขาน้อยสีเทาที่โจมตีพลาดเป้า จากนั้นเขาก็หักเลี้ยวแล้วพุ่งเข้าใส่หลิ่วหมิงอีกครั้ง

“คุกมืด”

แววตาของหลิ่วหมิงเย็นเยียบ เขาจี้นิ้วไปบนอากาศรอบเงาภูเขาน้อยที่บุรุษร่างกำยำสร้างขึ้น มังกรหมอกสีดำที่เดิมถูกบุรุษกำยำชนจนทลายกลายเป็นหมอกสีดำเต็มฟ้า ชั่วพริบตาก็รวมตัวกันอีกครั้งกลายเป็นแสงสีดำเส้นแล้วเส้นเล่าถักทอประสานกันแล้วกลืนเขาเข้าไป

ต่อจากนั้นดวงตาของหลิ่วหมิงพลันเปล่งประกายเจิดจ้า เขายกแขนเสื้อ เสียงใสกังวานดังขึ้น แสงสีเทาสายหนึ่งพุ่งออกมา ด้านในแสงสีเทาเห็นกระบี่ยาวสีเทาตลอดเล่มยาวสามฉื่อกว่าเล่มหนึ่งอย่างชัดเจน!

กระบี่ยาวแลดูหม่นหมองไร้ประกายไม่สะดุดตาสักนิด แต่เมื่อเคล็ดกระบี่ที่มือของหลิ่วหมิงควบคุม ลวดลายยมโลกสามสิบหกลายบนผิวก็เปล่งแสงในทันใด ปราณยมโลกสีเทาสายแล้วสายเล่าทะลักออกมาจากในตัวกระบี่!

ทันใดนั้นรุ้งยาวสีเทาสายหนึ่งพลันวาดผ่านท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว “ฟึบ” จากนั้นทะลวงเข้าไปในคุกมืด

นั่นคือกระบี่วิญญาณมืดแม่ลูกที่เพิ่งได้มาใหม่นั่นเอง!

จะว่าไปแล้ว วันนั้นหลังจากหลิ่วหมิงได้อาวุธยมโลกชิ้นนี้มาก็เสียเวลาศึกษาอยู่พักหนึ่ง

ยังดีที่ระดับพลังวันนี้ของเขาบรรลุระดับแก่นเสมือนแล้ว การผูกพันธะกับอาวุธจิตวิญญาณจำพวกกระบี่ที่เข้ากับวิชาของตนชิ้นหนึ่งย่อมไม่ใช่ปัญหา หลังแบ่งสมาธิทำงานสองอย่างอยู่ทั้งวันทั้งคืน เขาใช้เวลาไม่เท่าไรก็ผูกพันธะสำเร็จ

ในเมื่อกระบี่เล่มนี้มีคำว่า ‘แม่ลูก’ อยู่ในชื่อ ย่อมหมายความว่าเป็นกระบี่ชุดหนึ่งที่มีสองเล่ม เล่มใหญ่กับเล่มเล็ก เล่มยาวกับเล่มสั้น

แต่จุดที่เยี่ยมยอดของมันอยู่ที่กระบี่ลูกซ่อนอยู่ในตัวกระบี่แม่ กระบี่แม่มุ่งโจมตี กระบี่ลูกช่วยลอบจู่โจม ศัตรูที่จดจ่อป้องกันการโจมตีจากกระบี่แม่อยู่จึงมักถูกกระบี่ลูกที่ปรากฏขึ้นกะทันหันทำร้ายอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว

เมื่อผนวกกับกระบี่ชุดนี้เป็นอาวุธยมโลกที่ใช้ปราณหยินในการควบคุม หากประสานกับวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬย่อมได้ผลลัพธ์เยี่ยมยอด

เทียบกับการลงมือสองครั้งก่อน ครั้งนี้แรงกดดันจิตวิญญาณของหลิ่วหมิงเพิ่มขึ้นมหาศาลอย่างกะทันหัน นี่ทำให้ผู้ชมที่อยู่รอบเวทีประลองอดไม่ได้ตกตะลึง

เสียงมังกรกู่ร้องพยัคฆ์คำรามดังก้องท้องฟ้า!

มังกรหมอกสีดำยาวยี่สิบกว่าจั้งห้าตัวกับพยัคฆ์หมอกสีดำขนาดเกือบสิบจั้งห้าตัวพุ่งออกมาพร้อมกัน ปราณยมโลกสีดำพลุ่งพล่านแลดูทรงพลังยิ่งนัก แม้แต่ม่านแสงชั้นจำกัดสีเทาที่กั้นอยู่นอกเวทีประลองก็สั่นไหวตามไปด้วย

บุรุษชุดผ้าไหมเผชิญหน้ากับพลังยิ่งใหญ่เช่นนี้กลับไม่เปลี่ยนสีหน้า เขาเพียงยื่นมือข้างหนึ่งขึ้นบนฟ้า แสงสีดำสว่างขึ้นบนท่อนแขน ทันใดนั้นเงาลวดลายจิตวิญญาณสีเทาเลือนรางนับไม่ถ้วนก็ปรากฏ

เสียงครวญทุ้มต่ำดังขึ้น หลังจากนั้นเสียงฟึบก็ดังขึ้นอีกหลายครั้ง แสงสีดำห้าวงพุ่งออกมาจากแขนของเขา พวกมันหมุนกลางอากาศรอบหนึ่งแล้วกลายเป็นวงแหวนสีดำแลดูโบราณที่คล้องกันอยู่ห้าวง

วงแหวนเหล่านี้แต่ละวงใหญ่เท่าฝ่ามือ เมื่อบุรุษชุดผ้าไหมท่องมนตร์งึมงำออกมาจากปาก ลวดลายยมโลกสีเทาประหลาดตัวแล้วตัวเล่าบนผิวก็ส่องสว่างดูเหมือนไส้เดือนนับไม่ถ้วนกำลังคืบคลานทับกันอยู่ ทำให้คนมองรู้สึกร้อนรนยิ่งนัก

“นี่…นี่มันวงแหวนยมโลกคลั่งต้นแบบอาวุธเวทที่มีเป็นชุด!” ด้านล่างของเวที ไม่รู้ว่าใครหลุดปากออกมา

หลิ่วหมิงได้ยินคำนี้ก็ตะลึงไปเล็กน้อย ตนเหมือนจะเคยได้ยินคนเอ่ยถึงวงแหวนยมโลกคลั่งนี้ในตลาดมาก่อน แต่ชั่วขณะนึกไม่ออกว่าอิทธิฤทธิ์ของมันคืออะไรกันแน่

ระหว่างที่เขาครุ่นคิดอยู่นั่นเอง วงแหวนทั้งห้าวงก็พลันสั่นไหวกลางสายลมกลายเป็นเงาวงแหวนขนาดหลายจั้ง ทันทีที่มังกรหมอกสีดำกับพยัคฆ์หมอกสีดำห้าตัวสัมผัส ไอหมอกสีดำบนร่างก็พลันส่งเสียงหวีดแหลมมุดเข้าไปในวงแหวนทั้งห้าอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย

พริบตาเดียวขนาดร่างของมังกรหมอกจากยี่สิบกว่าจั้งตอนเริ่มแรกก็หดเล็กลงเหลือเพียงสิบกว่าจั้ง และยังหดเล็กลงอย่างรวดเร็วอยู่

สภาพของพยัคฆ์หมอกสีดำก็ไม่ได้ดีไปถึงไหน ปราณดำบนร่างถูกวงแหวนทั้งห้าสูบเข้าไปอย่างประหลาดและบ้าคลั่งราวกับสาวเส้นไหมจากดักแด้

ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ มังกรกับพยัคฆ์เหล่านี้ยังไม่ทันแตะถูกอีกฝ่ายก็คงสลายไปเพราะปราณหยินไม่พอเสียก่อน

การโจมตีเต็มกำลังด้วยมังกรและพยัคฆ์อันทรงพลัง ถูกลดทอนพลังไปมากในพริบตา!

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็เข้าใจทันที ชั้นจำกัดที่สลักอยู่บนวงแหวนยมโลกคลั่งนี้เป็นชั้นจำกัดอันลี้ลับที่ดูดกลืนปราณยมโลกได้

หากมีวงแหวนยมโลกวงเดียว ความเร็วในการสูบปราณยมโลกจะค่อนข้างช้า ได้ผลไม่มากนัก แต่เมื่อมีเป็นชุด ประสานเพิ่มพลังแก่กันย่อมน่าทึ่งอย่างยิ่ง

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลิ่วหมิงก็สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา เขาแค่นเสียงคำรามแล้วหยุดเคล็ดวิชา ไอหมอกสีดำที่ทะลักออกมาทั่วร่างเริ่มแทรกกลับเข้าไปในผิวหนังของตนทีละน้อย

“ท่านดูเป็นคนฉลาด เป็นฝ่ายยอมแพ้ลงไปเองย่อมเป็นทางเลือกที่ฉลาดแล้ว” บุรุษชุดผ้าไหมอีกฝั่งของเวทีประลองเห็นสถานการณ์ก็หัวเราะหึๆ เอ่ยขึ้นมา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา