“ดี! ได้เวลาอันสมควรแล้ว ข้าควรจะประกาศการประลองเพื่อจัดอันดับศิษย์แกนนำสิบอันดับแรกในวันพรุ่งนี้ได้แล้ว” ประมุขนิกายปีศาจเห็นเช่นนี้ก็พยักหน้า แล้วเหาะออกไปจากลานหยกประกาศรายชื่อศิษย์แกนนำสิบอันดับแรก และเรื่องราวอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการประลองจัดอันดับในวันพรุ่งนี้
แต่ในขณะนั้นเอง พลันมีเสียงสะเทือนเลือนลั่นดังมาจากท้องฟ้านอกเขาหิน จากนั้นไอหมอกอันหนาแน่นก็แยกออกจากกัน นกห้าสีแปลกประหลาดขนาดลำตัวยาวหลายจั้งบินออกมาจากในนั้น หัวมันดูคล้ายกับอีแร้ง แต่ขนตรงหางกลับยาวเป็นอย่างมาก และยังมีกรงเล็บยักษ์แปลกประหลาดสีแดงสดราวกับเลือด
พอนกตัวนี้ปรากฏมันก็บินพุ่งมายังเขาหิน ทำให้ศิษย์จำนวนมากฮือฮาขึ้นมาในทันที
“ไม่ตกตื่นตระหนกไป นี่เป็นนกจิตวิญญาณของอาจารย์ปู่เยี่ยนของพวกเจ้า” พอประมุขนิกายเห็นนกประหลาดนี้ก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก แต่ครู่เดียวก็กล่าวออกมาด้วยเสียงอันดัง
น้ำเสียงของเขาดังก้องฟ้าและสะท้อนกลับมาอยู่ไม่หยุด ศิษย์ที่อยู่ด้านล่างเข้าใจในฉับพลัน แล้วก็ใช้สายตาที่ดูเคารพ และยำเกรงมองไปยังนกประหลาดห้าสีที่กำลังบินใกล้เข้ามา
ในนิกายยังมีอาจารย์ปู่ผู้มีพลังมหาศาลผู้หนึ่ง ซึ่งศิษย์ทุกคนต่างก็เคยได้ยินเรื่องราวของเขา
แต่อาจารย์ปู่ผู้นี้กลับไม่เคยโผล่หน้าออกมาให้เห็นเลย แม้แต่อาจารย์จิตวิญญาณในนิกายก็มีน้อยมากที่ได้เจอหน้าเขา ด้วยเหตุนี้ยิ่งทำให้ผู้อาวุโสสูงส่งของนิกายท่านนี้ดูลึกลับมากขึ้นกว่าเดิม
ผ่านไปชั่วครู่ นกประหลาดก็บินมาถึงเหนือลานหยก หลังจากมันบินวนหนึ่งรอบแล้วก็ปล่อยกรงเล็บสีแดงของมันออกมา แผ่นหยกสีเขียวชิ้นหนึ่งหล่นออกมาจากในนั้น จากนั้นก็หมุนตัวบินกลับไปยังทิศทางที่บินมา
พอประมุขนิกายปีศาจเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ยื่นมือข้างหนึ่งออกไป แผ่นหยกสีเขียวก็พุ่งเข้ามาในมือเขา และเขาวางมันไว้บนหน้าผากอย่างรวดเร็ว
ครู่ต่อมาแผ่นหยกสีเขียวก็เปล่งแสงจางๆ ออกมา สีหน้าประหลาดใจของประมุขนิกายปีศาจก็หายไปอย่างรวดเร็วเปลี่ยนเป็นอาการสะดุ้งตกใจอย่างสุดขีด
คนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ต่างก็มองหน้ากันอย่างอดไม่ได้
“ศิษย์พี่ท่านประมุข เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ฉู่ฉีรอจนประมุขนิกายปีศาจหยิบแผ่นหยกออกจากหน้าผาก แล้วถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“อาจารย์อาเยี่ยนออกคำสั่งมาว่า ไม่ต้องดำเนินการประลองการจัดอันดับในวันพรุ่งนี้แล้ว ให้ศิษย์แกนนำทั้งสิบคนรีบออกเดินทางไปเกาะสยบมังกรในวันพรุ่งนี้” ประมุขนิกายปีศาจสงบอารมณ์ได้แล้ว จึงได้กล่าวประโยคที่ทำให้ทุกคนต่างก็ตกใจเป็นอย่างมาก
“อะไรนะ ทำไมอาจารย์อาเยี่ยนถึงได้ออกคำสั่งเช่นนี้ ทั้งยังให้เฉียนเอ๋อร์ และศิษย์คนอื่นๆ ไปทำอะไรที่เกาะสยบมังกร?” ฉู่ฉีถามด้วยความตกใจอย่างสุดขีด
“อาจารย์อาเพิ่งจะได้รับจดหมายจากผู้อาวุโสหมิงอวี้ ในนั้นบอกว่าตอนที่ผู้อาวุโสระดับผลึกของนิกายจันทราสวรรค์ และหอสายธารโลหิตตามล่ามังกรแดงนั้น ค้นพบว่าสถานที่ที่ไฟใต้พิภพระเบิดออกมามีทางเข้าแดนลึกลับที่ไม่ทราบชื่อ แต่ทางเข้านี้ถูกมังกรแดงตัวนั้นทำลายจนพังทลายไปครึ่งหนึ่งแล้ว ตอนนี้มีแต่ศิษย์จิตวิญญาณเท่านั้นที่เข้าไปได้ และเพื่อคุ้มครองไม่ให้ทางเข้านี้พังทลายลงมายังจำเป็นต้องให้ผู้อาวุโสระดับผลึกของแต่ละนิกายลงมือช่วยจึงจะประคองไว้ได้ ด้วยเหตุนี้หลังจากที่อาจารย์อาเยี่ยน และผู้อาวุโสท่านอื่นๆ ได้ปรึกษากันแล้ว จึงได้ตัดสินใจให้ทำการทดสอบความเป็นความตายก่อนกำหนด โดยให้ศิษย์แกนนำทั้งสิบคนของแต่ละนิกายเข้าไปในนั้น และจะตัดสินลำดับของพวกเขาจากของล้ำค่าที่หาได้ในนั้น ด้วยเหตุนี้เราจะเสียเวลาไม่ได้แล้ว จำเป็นต้องพาศิษย์ทั้งสิบคนไปเกาะสยบมังกรให้เร็วที่สุด” ประมุขนิกายปีศาจกล่าวด้วยท่าทีที่ร้อนรนเป็นอย่างมาก
“อะไรนะ ค้นพบทางเข้าแดนลึกลับที่ไม่รู้จัก!”
“มีพื้นที่เท่าไหร?”
“เคยมีคนเข้าไปไหม?”
“มีผนึกจำกัดหรือไม่?”
ฉู่ฉี กุยหรูฉวน ชายฉกรรจ์แซ่เหลย ได้ยินเช่นนี้ก็เหมือนจะอุทานออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจระคนดีใจ ในขณะเดียวกันน้ำเสียงของพวกเขาก็แฝงไปด้วยความหวาดกลัว
มิน่าเล่าพวกเขาถึงเป็นเช่นนี้!
แดนลึกลับที่กล่าวถึง แท้จริงแล้วเป็นแดนที่ไม่เคยมีคนค้นพบมาก่อน ซึ่งมีอยู่ด้วยกันสองรูปแบบ รูปแบบแรกมันเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ส่วนอีกรูปแบบหนึ่งนั้นถูกสร้างโดยมนุษย์ที่มีพลังแข็งแกร่ง
ภายในแดนลึกลับแบบแรกเต็มไปด้วยของล้ำค่าอย่างสมุนไพรจิตวิญญาณ หินจิตวิญญาณ ซึ่งสถานที่แบบนี้จะมีอันตรายค่อนข้างน้อย ส่วนอีกแบบหนึ่งจะซ่อนของล้ำค่าที่ตกทอดต่อๆ กันมา แต่ในนั้นจะอันตรายเป็นอย่างมาก และไม่รู้ว่ามีกับดักอันน่ากลัวที่ทำให้สูญสิ้นคนไปมากมายเท่าไหร่
ไม่ว่าจะเป็นแดนลึกลับแบบไหนก็ตาม พอมีคนหาผลประโยชน์ในนั้นออกมาได้ มันก็มากพอทำสำหรับใช้ทั้งนิกายหรือหลายนิกาย แม้กระทั่งเคยมีนิกายเล็กๆ บางนิกายที่โชคดีได้รับชุดวิชาที่ยอดเยี่ยมจากในแดนลึกลับบางแห่ง จากนั้นก็ใช้เวลาภายในไม่กี่ร้อยปีก็สามารถประกาศตัวเป็นใหญ่ในบริเวณแคว้นแถบนั้นได้
แน่นอนว่าวิกฤตกับโอกาสล้วนเป็นของคู่กัน มีบางนิกายที่เคยเป็นนิกายใหญ่แต่เพื่อที่จะตั้งตัวเป็นใหญ่ จึงส่งกำลังทั้งหมดที่มีเข้าไปแดนลึกลับสุดท้ายก็โดนทำลายจนย่อยยับ จนถูกลบชื่อออกไปจากโลกแห่งการฝึกฝน
ตอนนี้แดนลึกลับที่ถูกค้นพบมีอยู่น้อยมาก ทางเข้าบางแห่งปรากฏอยู่ได้ไม่นานแล้วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ทางเข้าแดนลึกลับบางแห่งต้องใช้วิธีการเปิดที่รุนแรง และมีข้อจำกัดในเรื่องของระยะเวลาในการเปิด ยิ่งไปกว่านั้นแดนลึกลับบางแห่งยังถูกวางกับดักอันลึกลับไว้ โดยที่นิกายทั่วไปไม่สามารถทำลายมันได้ทำได้เพียงมองดูแล้วทอดถอนใจเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา