อ่านสรุป ตอนที่ 1068 ปราณเหมันต์หลานเกิง จาก ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 1068 ปราณเหมันต์หลานเกิง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
กลุ่มเมฆสีฟ้าเพิ่งเหาะออกไปได้ไม่กี่สิบจั้ง แสงสีเลือดก็สว่างขึ้นเบื้องหน้า เงาภูตสีเลือดสามตนปรากฏตัวขึ้นดุจภูตพราย ความเร็วทำให้หลิ่วหมิงที่หลบอยู่ในที่ซ่อนถึงขั้นกัดลิ้น
เวลานี้เงาภูตสีเลือดเหล่านี้กลายเป็นผีร้ายหน้าตาโหดเหี้ยมตัวแล้วตัวเล่าเรียบร้อยแล้ว มือกับเท้ามีกรงเล็บคมสีเลือดยาวหลายฉื่องอกออกมา เงากรงเล็บร่อนเข้าตะปบกลุ่มเมฆสีฟ้าอย่างฉับพลัน
แถบแสงสีเลือดหลายสายโจมตีลงบนกลุ่มเมฆสีฟ้าดังเปรี้ยง กลุ่มเมฆสีฟ้าสะเทือนอย่างรุนแรง แม้ไม่ถูกโจมตีทลายแต่ก็ถูกขวางเอาไว้ได้
ฟึบ ฟึบ ฟึบ!
ภูตยมโลกโลหิตอีกหกตนพาเงาติดตาเป็นสายมาปรากฏตัวรอบด้านกลุ่มเมฆสีฟ้า
แสงสีเลือดสว่างขึ้นบนสองแขนของภูตยมโลกโลหิตเก้าตน แสงกรงเล็บยืดยาวออกจากมือไม่หยุดก่อนจะระเบิดแสงสีเลือดที่ทำให้คนแสบตาสายแล้วสายเล่าออกมา
“ฟึบๆ” เสียงแหวกอากาศดังสนั่น!
แสงกรงเล็บสีเลือดนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นเบื้องหน้าแล้วล้อมตัวเป็นวงราวกับตาข่ายเส้นไหมขนาดมหึมา จากนั้นหุบฉับเข้าหากลุ่มเมฆสีฟ้าที่อยู่ตรงกลางอย่างรวดเร็ว
ผิวของกลุ่มเมฆปั่นป่วนรุนแรงทันที มันถูกแสงสีเลือดทั่วทุกสารทิศโจมตีจนเปลี่ยนรูปไม่หยุด เมฆสีฟ้ากระเจิงไปรอบด้าน หลังจากทนอยู่ได้ไม่กี่ลมหายใจ ในที่สุดก็ถูกฉีกทึ้ง
ใจกลางหมอกควันสีฟ้าที่กระจายไปรอบด้าน บุรุษร่างยักษ์กระอักเลือดออกมาจากปากหลายคำ อาวุธเวทมุกกลมสีฟ้าเหนือศีรษะหม่นแสงลงไม่น้อย ทั้งร่างถูกพลังมหาศาลโจมตีจนปลิวกระแทกพื้นดินเบื้องล่างอย่างหนักหน่วง
“ปึง” เสียงดังสนั่น!
พื้นดินฉับพลันถูกกระแทกเป็นหลุมยักษ์ขนาดหลายจั้งหลุมหนึ่ง เศษหินปลิวว่อน
“วิชาร้ายกาจนัก!”
หลิ่วหมิงที่อยู่หลังก้อนหินยักษ์ไกลๆ มองภาพที่ชวนให้ตาพร่าแล้วสูดหายใจดังเฮือก
ภูตยมโลกโลหิตเก้าตนนี้ที่เหลิ่งเหมิงเรียกออกมา แต่ละตนมีพลังใกล้เคียงระดับแก่นแท้ ความเร็วรวดเร็วดุจภูตพราย ล้อมโจมตีเช่นนี้ เกรงว่ายอดฝีมือระดับแก่นแท้ตนใดล้วนทนได้ไม่เกินสิบกระบวนท่า
หลานซวี่ผู้นี้ใช้กำลังของตนเพียงคนเดียวยื้อมาได้จนถึงตอนนี้ก็ไม่ง่ายแล้ว
ลองเปลี่ยนเป็นเขาที่สู้กับเหลิ่งเหมิงเช่นนี้ หากชิงสังหารอีกฝ่ายอย่างสายฟ้าแลบก่อนหน้าเขาเรียกภูตยมโลกโลหิตเหล่านี้ออกมาไม่ได้ ทันทีที่อีกฝ่ายใช้กระบวนท่านี้ โอกาสชนะคงไม่สูงสักเท่าไร
อันดับหนึ่งใต้ระดับดาราพยากรณ์แห่งเมืองเหลิ่งเยวี่ย ไม่ใช่แค่พูดจริงๆ!
จะว่าไปแดนมืดทั้งเก้าของยมโลก แต่ละแห่งก็กว้างใหญ่ไพศาล กลุ่มอำนาจน้อยใหญ่ในนั้นมีไม่รู้เท่าไร แค่แม่ทัพมืดตัวเล็กๆ คนหนึ่งในกลุ่มอำนาจระดับกลางของแดนวารีมืดยังมีพลังเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นเก้าราชายมโลกผู้ลึกลับนั่นพลังคงยิ่งไม่อาจจินตนาการ ก็ไม่รู้ว่าเทียบกับผู้แข็งแกร่งระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ของสี่ยอดนิกายใหญ่แห่งเผ่ามนุษย์จะเป็นอย่างไร?
ระหว่างที่หลิ่วหมิงครุ่นคิด สถานการณ์ระหว่างเหลิ่งเหมิงกับหลานซวี่ด้านนั้นก็แปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็วอีกครั้ง!
แสงสีเงินแสบตาสายหนึ่งพุ่งเร็วรี่มาบนท้องฟ้า!
มือของเหลิ่งเหมิงกำทวนวงเดือนสีเงินยาวสองจั้งเล่มหนึ่งไว้ตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ ใบหน้าเผยจิตสังหารก้มลงมองเบื้องล่าง
ทวนวงเดือนสีเงินสะบัดกลายเป็นเงาทวนวงเดือนมหึมามากมายกลางอากาศรอบตัวเขา แล้วแทงเข้าใส่บุรุษร่างยักษ์ชุดสีฟ้าด้านล่างดุจพายุฝนกระหน่ำ
ด้านในหลุมยักษ์เบื้องล่าง บุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าลุกขึ้นยืนได้ทันหวุดหวิด เวลานี้เขาสีหน้าซีดเผือด ทั้งร่างบนจรดล่างถูกกรีดเป็นบาดแผลแห่งแล้วแห่งเล่า เลือดไหลโทรมกาย
แต่เขายังไม่หมดใจจะสู้ เมื่อเห็นเหลิ่งเหมิงก้มลงมอง สีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันใด เกราะแสงป้องกันสีฟ้าอ่อนลอยขึ้นรอบร่างอย่างเร็วไว พร้อมกับพลิกกาย กระโดดออกจากหลุมยักษ์ทันที
เสียงแหวกอากาศดังฟึบๆ ขึ้นหลังร่างเขา เงาทวนวงเดือนสีเงินมากมายพุ่งเฉียดหัวไหล่ของเขาไป
“ปึง” เสียงแผ่วเบาดังขึ้น!
เกราะแสงคุ้มกันร่างของบุรุษร่างยักษ์ไม่อาจต้านทานได้แม้แต่น้อยจึงพังทลายลงทันที หากปฏิกิริยาไม่ไวพอเกรงว่าเขาคงถูกเงาทวนวงเดือนแทงทะลุจนพรุนแล้ว
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พักหายใจ เสียงฟึบๆ เช่นเดิมก็ดังขึ้นระรัวข้างตัวเขาอีก
เงาทวนวงเดือนสีเงินเต็มฟ้าพุ่งเร็วรี่ตามมาดุจเงาตามตัว ชั่วขณะที่แสงสีเลือดกะพริบวูบวาบ ภูตยมโลกโลหิตเก้าตัวก็พาเงาติดตาร่างแล้วร่างเล่าโถมเข้าใส่บุรุษร่างยักษ์ชุดสีฟ้า
เหลิ่งเหมิงสีหน้าเหี้ยมเกรียม เห็นชัดว่าต้องการสังหารบุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าให้ตายสนิทเสียที่นี่!
บุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าอ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์คำหนึ่งออกมาอย่างแทบจะไม่ต้องคิด มันกลายเป็นลูกศรสีเลือดดอกหนึ่งพุ่งจมเข้าไปในมุกกลมสีฟ้าเหนือศีรษะ
มุกกลมเปล่งแสงสีฟ้าเจิดจ้า ทันใดนั้นมันก็หมุนติ้วอยู่ที่เดิมแล้วขยายใหญ่จนกลายเป็นลูกแก้วกลมสีฟ้าขนาดเท่าโอ่งน้ำขวางอยู่เบื้องหน้า
ชิ้งๆ เสียงดังสนั่น!
เสียงโลหะปะทะกันดังขึ้นครั้งหนึ่ง เงาทวนวงเดือนสีเงินกับแสงกรงเล็บสีเลือดแทงเข้าใส่มุกกลมสีฟ้าขนาดมหึมาดุจเม็ดฝน
ลูกแก้วกลมสีฟ้าขนาดมหึมาทอแสงวูบวาบ บนผิวของเงาทวนวงเดือนและแสงกรงเล็บด้านล่างเกิดหยดน้ำสีฟ้าใสหยดแล้วหยดเล่า ต่อจากนั้นหยดน้ำก็ค่อยๆ รวมตัวกันกลายเป็นของเหลวสีฟ้าราวกับน้ำซัดออกมาจากลูกแก้วกลมในทันใด
หยดน้ำสีฟ้าไหลแผ่มายังทวนวงเดือนสีเงินด้านล่าง เหลิ่งเหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
ของเหลวสีฟ้าไม่ทราบชื่อนี้มีแรงดูดพิเศษบางอย่าง เงาทวนวงเดือนสีเงินในมือเขาถูกของเหลวเหล่านี้ตรึงไว้แน่น ไม่ว่าเขาจะบังคับเคล็ดวิชาอย่างไรก็สลัดไม่หลุดสักนิด
เหลิ่งเหมิงกับภูตยมโลกโลหิตอีกเก้าตนถูกผลึกน้ำแข็งสีฟ้าชั้นหนึ่งเยือกแข็งไว้ กลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งสีฟ้าที่ดูราวกับมีชีวิตสิบตัว
มีเพียงบุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าคนเดียวเท่านั้นที่ไม่เป็นไร เวลานี้ทั้งร่างจากหัวจรดเท้าของเขาถูกม่านแสงสีฟ้าอ่อนชั้นหนึ่งหุ้มอยู่
“นี่มันปราณเหมันต์หลานเกิง!”
สายตาของหลิ่วหมิงจับอยู่บนผลึกน้ำแข็งสีฟ้าบนร่างเหลิ่งเหมิง นึกย้อนถึงไอหมอกสีฟ้าที่เพิ่งเห็นเมื่อครู่ ในใจมีชื่อในตำนานชื่อหนึ่งผุดขึ้นมา
ปราณเหมันต์หลานเกิงนี่เป็นสมบัติล้ำค่าที่ผู้ฝึกฝนวิชาธาตุน้ำแข็งใฝ่ฝันปรารถนา เพียงเสี้ยวเดียวก็เพียงพอเยือกแข็งทุกสรรพสิ่งบนโลก!
สิ่งที่มหัศจรรย์ก็คือของที่ถูกเยือกแข็งจะหลุดพ้นจากกาลเวลาชั่วคราว อีกทั้งยังแข็งแกร่งประหนึ่งหินผา แม้แต่คมของอาวุธเวทก็ไม่อาจทำร้ายได้สักนิด เพียงจุดนี้ก็ใช้ประโยชน์ได้ไม่หมดสิ้นแล้ว
และหากเสริมปราณเหมันต์หลานเกิงเพียงน้อยนิดให้แก่อาวุธจิตวิญญาณหรืออาวุธเวทธาตุน้ำแข็ง พลังของพวกมันย่อมมากขึ้นร้อยเท่า
แต่ปราณเหมันต์หลานเกิงนี้หาพบยากยิ่ง แม้ที่แผ่นดินจงเทียนก็มีเพียงในถ้ำลึกใต้ธารน้ำแข็งหมื่นปีเหนือสุดของดินแดนเท่านั้นจึงจะมีโอกาสหาพบสักเสี้ยวได้ แทบจะหายสาบสูญไปแล้ว
แรกเริ่มเดิมทีหลิ่วหมิงไม่รู้เกี่ยวกับปราณเหมันต์นี้ แต่เขาเคยอ่านคัมภีร์เกี่ยวกับธาตุน้ำมากมายตอนที่ทดลองกลั่นหยดพลังวารีด้วยตัวเองเมื่อตอนนั้น จึงบังเอิญอ่านพบเกี่ยวกับปราณเหมันต์หลานเกิงชนิดนี้
วันนี้ได้เห็น พลังน่าทึ่งอย่างแท้จริง!
เขาเดาว่าภายในอาวุธยมโลกหน้าตาเหมือนลูกแก้วกลมที่อยู่เหนือศีรษะของหลานซวี่ผู้นี้น่าจะมีปราณเหมันต์หลานเกิงอันบริสุทธิ์อย่างยิ่งสายหนึ่งอยู่ เมื่อระเบิดตัวเองจึงมีพลังมหาศาลสะเทือนฟ้าสะเทือนดินเช่นนี้
ในตอนนี้เอง ม่านแสงสีฟ้าอ่อนบนร่างของบุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าก็สั่นไหววูบหนึ่งแล้วพังทลาย
สีหน้าของเขาเห็นชัดว่าดูแก่ชราขึ้นกว่าเมื่อครู่หลายส่วน สายตากวาดมองบนร่างเหลิ่งเหมิงกับภูตยมโลกโลหิตเก้าตนนั้น ใบหน้าเผยรอยยิ้มหยันน้อยๆ แต่ไม่ทันไรร่างกายก็ส่ายโอนเอน ดูโงนเงนใกล้จะล้ม
เห็นชัดว่าหลังจากผ่านศึกใหญ่เมื่อครู่ แล้วยังระเบิดอาวุธล้ำค่าของตนเองไปชิ้นหนึ่ง ไม่ว่าในด้านพลังเวทหรือพลังกายบุรุษร่างยักษ์ล้วนเป็นศรสิ้นแรง
เขารีบพลิกมือเรียกขวดหยกใบหนึ่งออกมาเทเข้าปาก สีหน้าจึงดีขึ้นบ้าง ต่อจากนั้นจึงบ่ายหน้าหมายจะเหาะหนีไปไกล
หลิ่วหมิงที่หลบอยู่ไกลๆ เห็นเช่นนี้ สายตาพลันทอประกายวูบหนึ่ง ขณะที่กำลังจะเคลื่อนไหว ทันใดนั้นหูก็ได้ยินเสียงเปรี๊ยะแผ่วเบาดังขึ้น
เขาตกตะลึงหลบกลับไปที่เดิมไม่ขยับแม้แต่นิด
ร่างกายของบุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าที่กำลังจะเหาะหนีชะงักในทันใด เขาหันกลับมามองด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา