แม้ทั้งร่างของเหลิ่งเหมิงจะถูกเยือกแข็ง แต่สองตายังทอประกายเย็นเยียบ อีกทั้งเวลานี้บนร่างยังปรากฏแสงสีเลือดชั้นหนึ่งออกมาเลือนราง ธงผืนใหญ่สีเลือดเหนือศีรษะทอแสงสีเลือดเดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืดอยู่พักหนึ่ง
เมื่อแสงสีเลือดไหลวน ผลึกน้ำแข็งสีฟ้าที่ปกคลุมอยู่ด้านบนก็ปรากฏรอยปริที่เล็กจนแทบมองไม่เห็นทีละเส้น แล้วลามออกไปด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่า
บุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าเห็นสถานการณ์เช่นนี้ย่อมหน้าถอดสี จากนั้นกัดฟัน แสงสีดำสว่างขึ้นในมือ ยันต์สีดำขนาดเท่าฝ่ามือแผ่นหนึ่งปรากฏออกมา
เขาทำหน้าตัดใจไม่ลงอยู่ชั่วครู่ แต่หลังจากมุมปากก็กระตุกวูบหนึ่ง ในที่สุดก็เผยสีหน้าตัดสินใจได้
ปากท่องมนตร์แผ่วเบาพร้อมสะบัดมือ ยันต์สีดำกลายเป็นลำแสงสายหนึ่งพุ่งไปถึงข้างกายเหลิ่งเหมิง
“ปุ้ง” ยันต์ระเบิด คลื่นสั่นสะเทือนล่องหนชั้นหนึ่งแผ่ออกมาล้อมอาณาเขตสิบกว่าจั้งรอบด้านไว้ด้านใน
ทุกสิ่งในขอบเขตที่ยันต์ล้อมอยู่หยุดนิ่งในพริบตา นี่เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดยิ่งนัก แม้แสงสีเลือดบนร่างของเหลิ่งเหมิงยังอยู่ แต่นับจากนาทีนี้มันกลับไม่ขยับแม้แต่นิด
แสงสีแดงบนธงจิตวิญญาณสีเลือดก็เช่นกัน รอยแตกที่แผ่ไม่หยุดบนผิวผลึกน้ำแข็งฉับพลันหยุดทันใดด้วย
“นี่มันยันต์อะไรกัน เหมือนจะผนึกมิติบริเวณหนึ่งได้! หากไม่มีพลังมากพอจะทำลายมิติออกมา ชั่วครู่ชั่วยามคงอย่าได้คิดออกมาจากด้านใน…” หลิ่วหมิงที่อยู่ห่างออกไปถูกภาพตรงหน้าทำให้ตกตะลึงจนตาหวิดจะถลนออกมา
ยันต์กักขังที่มหัศจรรย์เช่นนี้ แม้แต่ในตำราเก่าแก่ของนิกายยอดบริสุทธิ์ เขาก็ไม่เคยอ่านพบมาก่อน
หลังจากบุรุษร่างยักษ์ชุดสีฟ้าทำสิ่งเหล่านี้เสร็จสิ้น สีหน้าก็ผ่อนคลายลงทันที แสงเรืองรองสีฟ้าโผล่ออกมาใต้ร่างยกตัวเขาลอยขึ้นเหาะจากไปไกลอย่างรวดเร็ว
เหลิ่งเหมิงถูกขังอยู่ที่เดิม สองตานิ่งไม่ขยับ เบิ่งตามองบุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าเหาะจากไป แววตาบ้าคลั่งปรากฏขึ้นเลือนรางลึกลงไปในดวงตา
ในตอนนี้เองหลิ่วหมิงที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยจั้งด้านหลังเหลิ่งเหมิงพลันกลายเป็นเงาสีน้ำเงินอ่อนสายหนึ่ง เหาะออกจากด้านหลังศิลายักษ์ อ้อมหลบสายตาของเหลิ่งเหมิงไล่ตามไปยังทิศที่บุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าหนีไป
บุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าหนีพ้นเขารกร้างแห่งนี้ก็กลายเป็นลำแสงสีฟ้าสายหนึ่งเหาะจากไปไกลอย่างรวดเร็ว
ตลอดทางเขาไม่กล้าหย่อนความระวังแม้แ ต่น้อย หากมีลมพัดหญ้าไหวแม้แต่นิดในระยะร้อยลี้เขาก็จะเปลี่ยนทิศทางทันที
เปลี่ยนทิศทางหลายครั้งหลายหนเช่นนี้จนเหาะออกมาไกลหลายพันลี้ เขาจึงร่อนลงบนหุบเขาชันที่อยู่ลึกเข้าไปในภูเขาแห่งหนึ่งใกล้ๆ หุบเขาสิ้นสูญ
บุรุษร่างยักษ์เพิ่งจะร่อนลงพื้นก็หอบหายใจแผ่วเบาทันที จิตสัมผัสกวาดไปรอบด้าน เมื่อพบว่าปลอดภัยจึงดีดนิ้วระรัว แสงสีฟ้าหลายสายทยอยร่วงลงรอบด้านวางค่ายกลชั้นจำกัดง่ายๆ อันหนึ่งขึ้นมา
เมื่อทำทุกสิ่งนี้เสร็จสิ้น บุรุษร่างยักษ์ถึงพรูลมหายใจออกมา เขาพลิกมือเรียกโอสถสีฟ้าครามเม็ดหนึ่งออกมากิน หลังจากโคจรพลังเวทกระจายฤทธิ์ยา สีหน้าจึงดีขึ้นอยู่บ้าง
ในตอนนี้เองแสงกระบี่สีเทาสายหนึ่งพลันดีดออกมาจากกองหินระเกะระกะซึ่งอยู่ห่างไปสามสิบกว่าจั้ง แล้วพุ่งแทงบุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าอย่างเร็วจี๋
ชั้นจำกัดที่บุรุษร่างยักษ์วางไว้พริบตาเดียวก็ถูกแสงกระบี่โจมตีพังทลายดังกึกก้อง
บุรุษร่างยักษ์ถูกลอบเล่นงานซ้ำหลายครั้งย่อมเป็นนกตื่นธนูอยู่ก่อนแล้ว เวลานี้เห็นการโจมตีที่โผล่มากะทันหันนี้จึงไม่สนใจภาพลักษณ์ กลิ้งตัวกับพื้นหนีออกไปสิบกว่าจั้งประหนึ่งปลาว่ายน้ำทันที
“เปรี้ยง!”
เงากระบี่สีเทาสายหนึ่งแทงเข้าไปในพื้นตรงที่เขายืนอยู่ก่อนหน้านี้ ก่อนจะระเบิดจนกลายเป็นหลุมยักษ์
แม้บุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าจะหลบได้ว่องไว แต่แขนข้างซ้ายก็ยังถูกเสี้ยวแสงกระบี่หลังระเบิดฟันเป็นแผลเส้นหนึ่ง เลือดไหลรินออกมาอย่างรวดเร็ว
“ผู้ใด กล้าลอบโจมตีข้า จงออกมารับความตาย!”
เพียงครู่เดียวบุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าก็เหาะขึ้นฟ้า เรียกร่มยักษ์สีขาวคันหนึ่งออกมาปกป้องร่างกายไว้ ปากตวาดเสียงเหี้ยม ขณะเดียวกันก็กวาดสายตามองไปรอบด้านอย่างเร็วไว สีหน้าตกตะลึงยังไม่เลือนหายไปจากใบหน้า
ผลปรากฏว่าทันทีที่กระบี่บินสีเทาเล่มนั้นโจมตีพลาดเป้าก็เลี้ยวอย่างว่องไว พุ่งเข้าใส่บุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าอีกครั้ง แสงส่องสว่างขึ้นวูบหนึ่ง มันพลันกลายเป็นเงากระบี่สีเทาขมุกขมัวมากมายถี่ยิบนับไม่ถ้วนล้อมเข้ามามืดฟ้ามัวดิน
บุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าแผ่จิตสัมผัสนานแล้ว แต่สัมผัสตำแหน่งเจ้าของกระบี่บินสีเทาเล่มนี้ไม่ได้ เมื่อเห็นเงากระบี่นับไม่ถ้วนพุ่งเร็วรี่เข้ามาอีกครั้ง เขาจึงได้แต่โบกมือยิงเคล็ดวิชาสายหนึ่งควบคุมร่มสีขาวเหนือศีรษะให้เข้าไปประจันหน้า
เงากระบี่นับไม่ถ้วนแทงลงบนร่มสีขาว โจมตีผิวร่มจนส่องสว่างวูบวาบ สั่นไหวอย่างต่อเนื่อง
ร่มสีขาวคันนี้เป็นเพียงต้นแบบอาวุธเวทชิ้นหนึ่ง พลังด้อยกว่าอาวุธยมโลกมุกเหมันต์สลัวอยู่ไกลนัก แต่ตอนนี้มุกล้ำค่าระเบิดตัวเองไปแล้ว ตอนนี้บุรุษร่างยักษ์จึงได้แต่ใช้ร่มสีขาวคันนี้ป้องกันศัตรู
เมื่อเงากระบี่ร่วงลงมา พลังมหาศาลสายแล้วสายเล่าพลันส่งผ่านผิวร่มยักษ์สีขาวมายังร่าง ทำให้หลานซวี่ผู้พลังปราณเสียหายหนักอยู่แล้ว สีหน้าเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาวสลับไปมาอยู่พักหนึ่ง แต่ยังดีที่ในที่สุดก็ต้านไว้ได้อย่างหวุดหวิด
หลังจากเงากระบี่สีเทานับไม่ถ้วนโจมตีอย่างบ้าคลั่งแต่ไร้ผลลัพธ์อยู่พักหนึ่ง แสงสีเทาก็กะพริบวูบหนึ่งแล้วพากันพุ่งถอยกลับไปทันที
บุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้ารู้สึกว่าร่างกายได้พักวูบหนึ่งจึงยินดียิ่ง คิดจะเรียกอาวุธเวทป้องกันออกมาอีกชิ้นหนึ่งเพื่อซื้อโอกาสพักหายใจต่ออีกนิด
ทว่าเงากระบี่สีเทาที่อยู่ไกลๆ กลับส่งเสียงดังกังวาน พริบตาเดียวผสานรวมกันเป็นหนึ่งกลายเป็นกระบี่ยักษ์สีเทาขนาดสิบกว่าจั้งเล่มหนึ่งฟันลงมาหาบุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา