ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 1087

สรุปบท ตอนที่ 1087 ผียักษ์แห่งแม่น้ำมืด: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1087 ผียักษ์แห่งแม่น้ำมืด – ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet

บท ตอนที่ 1087 ผียักษ์แห่งแม่น้ำมืด ของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

“ในเมื่อน้ำจากแม่น้ำมืดมีผลทำให้การฝึกฝนเคล็ดวิชากระดูกดำก้าวหน้า บางทีอาจลองใช้หยดพลังวารีแม่น้ำมืดเหล่านี้ผสานเข้าไปในวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬได้” ความคิดของหลิ่วหมิงแล่นเร็วไว

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เขาก็ทนรอไม่ไหวเปิดจุกของน้ำเต้าสีดำ มือข้างหนึ่งยกขึ้นกวัก หยดน้ำสีดำขนาดเท่าเมล็ดถั่วหยดหนึ่งลอยออกมาจากในน้ำเต้า หยดพลังวารีแม่น้ำมืดนั่นเอง

ปราณสีดำทะลักออกมาจากร่างของหลิ่วหมิงกลายเป็นพยัคฆ์หมอกสีดำตัวหนึ่งอ้าปากกลืนหยดน้ำสีดำเข้าไป จากนั้นสองมือของหลิ่วหมิงก็ทำท่าเคล็ดวิชา ปากเริ่มท่องมนตร์

ผ่านไปไม่นานนัก ร่างกายของพยัคฆ์หมอกก็ค่อยๆ มีไอน้ำสีดำสนิทชั้นหนึ่งห้อมล้อม

“ใช้ได้จริงๆ !”

หลิ่วหมิงตาวาว

หยดพลังวารีแม่น้ำมืดผสานเข้ากับวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬได้อย่างง่ายดายยิ่งนัก ทำให้เงาพยัคฆ์หมอกที่เดิมทีก็ก่อตัวชัดอยู่แล้ว มีร่างชัดเจนขึ้นอีก

หลิ่วหมิงย่อมยินดียิ่ง แม้หยดพลังวารีแม่น้ำมืดเหล่านี้เตรียมไว้สำหรับฝึกฝนเคล็ดวิชากระดูกดำในภายหลัง แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่มีเวลาสนใจมากมายปานนั้น

เขาวางน้ำเต้าหยกดำไว้ตรงที่ว่างเบื้องหน้าทันที มือข้างหนึ่งหยกขึ้นกวัก หยดพลังวารีสิบกว่าหยดลอยออกมาจากในน้ำเต้า ขณะที่ปากเอ่ยท่องมนตร์ ปราณดำก็ทะลักออกจากร่างเขาอย่างไม่เหลือเผื่อไว้แม้แต่น้อย

ต่อจากนั้นเคล็ดวิชาที่มือเขาก็เร่งเร็วขึ้น เสียงมังกรกู่ร้องพยัคฆ์คำรามดังออกมา มังกรหมอกสีดำสนิทดุจหมึกหกตัวกับพยัคฆ์หมอกที่ดูราวกับมีชีวิตหกตัวก่อตัวเหาะออกมาจากปราณดำ พวกมันกระโจนขย้ำไม่กี่หนก็กลืนหยดพลังวารีสิบกว่าหยดนี้เข้าไปด้านใน…

เวลาสองเดือนผ่านไปดุจพริบตาเดียว

ช่วงเวลานี้หลิ่วหมิงผสานหยดพลังวารีแม่น้ำมืดเกือบทั้งหมดในมือเข้าไปในวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬแล้ว วิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬมีพลังเพิ่มขึ้นจริงดังว่า

สิ่งที่เห็นอยู่ในห้องลับของโรงเตี๊ยมยามนี้ก็คือปราณสีดำที่ถาโถมเป็นผืนพร้อมกับความหนาวเย็นที่อาบไปทั่ว

พื้นที่ขนาดไม่ใหญ่แห่งนี้กลายเป็นมิติสีดำสนิทที่ยื่นมือออกมาก็มองไม่เห็นนิ้ว นี่ก็คือพลังคุกมืดของวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬนั่นเอง

หลิ่วหมิงหลับตายืนอยู่ใจกลางมิติคุกมืด หน้าอกพองขึ้นยุบลง ร่างกายนิ่งไม่ขยับ

ทันใดนั้นเขาก็สะบัดมือทั้งสองข้างแล้วลืมตาขึ้น โพล่งคำว่า “ลุกขึ้น” ออกมาเบาๆ

“ซ่า” เสียงน้ำไหลดังออกมาจากสี่ด้านแปดทิศในทันใด ปราณวารีอันหนาวเย็นและเข้มข้นสายแล้วสายเล่าโถมเข้าจู่โจม

มิติสีดำสนิทที่มีหลิ่วหมิงเป็นใจกลางฉับพลันเกิดประกายน้ำสีดำระลอกแล้วระลอกเล่าผุดขึ้นมา ต่อจากนั้นเสียงภูตผีกรีดร้องแหลมสูงก็ดังระงมจากตรงนั้นตรงนี้

ประกายน้ำสีดำสั่นไหววูบหนึ่ง ภูตผีสีดำสูงหนึ่งจั้งกว่าตนแล้วตนเล่าก็ทยอยกระโดดออกมาจนมากมายยั้วเยี้ย มีเกือบร้อยตน

ภูตผีเหล่านี้สองตาดุจกระบวย บนศีรษะมีเขายาวสีขาวสลับดำเขาหนึ่ง ในปากมีเขี้ยวโง้งคู่หนึ่งโผล่ออกมาด้านนอก บนแผ่นหลังมีครีบหน้าตาเหมือนคลื่นงอกยาวจรดหางที่เหมือนกิ้งก่าด้านหลัง ระหว่างที่แยกเขี้ยวสะบัดกรงเล็บ รอบตัวก็เกิดประกายน้ำสีดำสนิทเป็นชั้นๆ แลดูดุร้ายยิ่งนัก

หลิ่วหมิงมองภูตผีเหล่านี้แล้วเผยสีหน้ายินดีออกมาเล็กน้อย

ภูตผีเหล่านี้ก็คือผีน้อยแม่น้ำมืดที่เขาสร้างขึ้นมาจากการผสานพลังของหยดพลังวารีแม่น้ำมืดเข้ากับวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬ

สิ่งที่แตกต่างจากจินตนาการก่อนหน้าก็คือภูตผีเหล่านี้ล้วนมีร่างจริง อีกทั้งแต่ละตนล้วนผสานหยดพลังวารีแม่น้ำมืดไว้ราวเจ็ดแปดหยด

ด้วยระดับพลังของเขาวันนี้ ตอนนี้เรียกออกมาได้ทั้งหมดราวหนึ่งร้อยตน พลังของภูตผีแต่ละตนไม่เป็นรองผู้ฝึกฝนระดับของเหลวจิตวิญญาณขั้นปลาย

นอกจากนี้หากเขาถ่ายเทพลังเวทเข้าไปต่อเนื่องไม่ขาดสาย หลังจากภูตผีเหล่านี้ถูกโจมตีจนร่างสลายก็ยังก่อตัวขึ้นใหม่ได้ทันที

ลองนึกดู หากถูกภูตผีระดับของเหลวจิตวิญญาณขั้นปลายมากมายเช่นนี้รุมเข้าใส่ไล่หลังตามกันมาไม่ขาด ต่อให้ผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ตกอยู่ด้านใน ชั่วครู่ชั่วยามก็คงไม่อาจหลุดออกมาได้ง่ายๆ

หลิ่วหมิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็โบกสองมืออย่างต่อเนื่อง แสงสว่างสีเหลืองเข้มผืนหนึ่งสว่างขึ้นวูบหนึ่งก่อนจะหายไป เขาเรียกมุกบรรพตธาราทั้งสิบสองเม็ดออกมานั่นเอง

เขาท่องมนตร์พักหนึ่ง ผิวของมุกบรรพตธาราทั้งสิบสองเม็ดก็เปล่งแสงจิตวิญญาณวูบหนึ่ง ประกายน้ำสีดำส่องสว่าง เสียงคลื่นโถมซัดดังออกมาจากด้านใน

ประกายแสงสีดำที่เปล่งออกมาจากมุกบรรพตธาราผสานเข้ากับปราณดำของมิติคุกมืด พร้อมกับที่เสียงท่องมนตร์จากปากของหลิ่วหมิงเร่งเร็วขึ้น มุกบรรพตธาราทั้งสิบสองเม็ดก็เปลี่ยนไป กลายเป็นผียักษ์สีดำสนิททั้งร่างขนาดสิบกว่าจั้งยี่สิบตน

ผียักษ์สิบสองตัวนี้คล้ายคลึงกับผีน้อยแม่น้ำมืดก่อนหน้านี้อยู่มาก แต่หน้าตาดุร้ายยิ่งกว่า โหดเหี้ยมยิ่งกว่า เขาประหลาดบนศีรษะของมันจากหนึ่งเขาก็เปลี่ยนเป็นสองเขา อีกทั้งบนร่างยังมีเกล็ดสีดำขนาดเท่าฝ่ามือเกล็ดแล้วเกล็ดเล่าแผ่ไปทั่ว ครีบบนแผ่นหลังตั้งแต่ต้นจรดปลายมีกระดูกแหลมสีขาวประหนึ่งหอกยาวเจ็ดแปดแท่งงอกออกมา สองแขนยาวผิดปกติจนแทบห้อยถึงตำแหน่งของหัวเข่า

หลังจากผสานหยดพลังวารีแม่น้ำมืดเข้าไปในวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬแล้ว มันก็ยิ่งเข้ากันกับมุกบรรพตธารา!

หลิ่วหมิงอาศัยข้อคิดในการฝึกฝนบางส่วนของราชายมโลกหมิงอวี้จนเข้าใจถ่องแท้ ผสานมุกบรรพตธาราสิบสองลูกนี้เข้ากับมิติคุกมืดสำเร็จ!

มุกบรรพตธาราเดิมก็มีพลังไร้ขีดจำกัด เมื่อมีพลังของคุกมืดเสริมจนจำแลงเป็นผียักษ์แม่น้ำมืด แต่ละตนก็แทบจะมีพลังใกล้เคียงกับผู้ฝึกฝนระดับแก่นเสมือน นอกจากนี้หลิ่วหมิงคาดการณ์ว่าเมื่อระดับพลังของเขาสูงขึ้น พลังของผียักษ์เหล่านี้ก็คงจะร้ายกาจขึ้นเรื่อยๆ ด้วย

เขาฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาจึงคลายเคล็ดวิชาที่มือทั้งสองข้าง มิติคุกมืดกับภูตผีด้านในสลายไปพร้อมเสียงกึกก้อง กลายเป็นปราณสีดำนับไม่ถ้วนกลืนเข้ามาในร่างของเขาราวกับวาฬสูบน้ำ จากนั้นมุกบรรพตธาราสิบสองเม็ดก็ลอยเข้ามาในแขนเสื้อของเขา

“พลังของวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬเพิ่มขึ้นมาถึงระดับนี้ น่าจะพอบรรลุเงื่อนไขของปี้เหยียนแล้วกระมัง” หลังจากเขาพึมพำประโยคหนึ่งก็นั่งขัดสมาธิ

วันนี้หลิ่วหมิงกำลังศึกษาข้อคิดระหว่างการฝึกฝนของราชายมโลกหมิงอวี้อยู่ในห้องลับ แสงสีขาวเส้นหนึ่งก็พุ่งพรวดมาจากด้านนอก พร้อมกับเสียงใสกังวาน

เขาลืมตาขึ้น สะบัดมือส่งแรงดูดสายหนึ่งออกมา ดึงแสงสีขาวมาไว้ในมือ มันคือยันต์ถ่ายทอดเสียงแผ่นหนึ่ง

“ถ้าเช่นนั้นก็ดี ไม่สู้ตอนนี้ให้ข้าทดสอบสักหน่อย ดูว่าวิชาของพี่อิ่นหานฝึกปรือเป็นอย่างไรแล้ว” ปี้เหยียนฟังแล้วก็ยินดี จากนั้นตบถุงสีเทาใบหนึ่งข้างเอวทันที

แสงสีเขียวสว่างวูบหนึ่ง ภูตวานรขนยาวสีเขียวเต็มตัวตนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในห้องโถง

เผ่ายมโลกที่นั่นเห็นเช่นนี้ สีหน้าล้วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย

วานรขนเขียวตัวนี้เป็นภูตระดับแก่นแท้ตนหนึ่ง

“นี่คือภูตรับใช้ตนหนึ่งของข้า พลังนับว่าไม่เลว พี่อิ่นหานใช้พลังคุกมืดขังภูตรับใช้ตัวนี้เอาไว้ให้ได้ก็นับว่าผ่านด่าน” ปี้เหยียนเอ่ยเรียบๆ

เพิ่งเอ่ยจบ เขาก็ยกมือยิงเคล็ดวิชาสีน้ำเงินสายหนึ่งออกมา มันพุ่งหายวับจมเข้าไปในกระหม่อมของวานรขนเขียว

ดวงตาสองข้างของวานรขนเขียวฉับพลันเปล่งแสงสีเขียวออกมา ทันใดนั้นมันก็หันหน้ามามองหลิ่วหมิง ร่างกายขยับวูบเดียวกลายเป็นเงาลวงสีเขียวสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้าใส่หลิ่วหมิง

แม้วานรขนเขียวจะรวดเร็วไม่เลว แต่สำหรับหลิ่วหมิงแล้วกลับไม่นับเป็นอันใด มือข้างหนึ่งของเขาใช้เคล็ดวิชา ปราณสีดำทะลักออกมากลายเป็นมังกรหมอกหกตัวกับพยัคฆ์หมอกหกตัว

ทันใดนั้นลมปราณหนาวยะเยือกเสียดแทงกระดูกสายหนึ่งก็ท่วมห้องโถงใหญ่ อุณหภูมิลดลงอย่างฉับพลัน!

มังกรหมอกหกตัวพุ่งพรวดเข้าไปขวางเบื้องหน้าวารขนเขียว

วานรขนเขียวเกรี้ยวกราด อ้าปากพ่นลำแสงสีเขียวสายแล้วสายเล่าออกมาโจมตีมังกรหมอกสลายไปสามตัวติด แต่ร่างกายของมันก็ถูกขวางไว้ได้

ดวงตาของหลิ่วหมิงทอประกายวูบหนึ่ง จากนั้นเลิกคิ้วสองข้าง สองมือทำท่าเคล็ดวิชา เอ่ยคำว่า “คุกมืด” ออกมาจากปากอย่างรวดเร็ว

มังกรหมอกสามตัวที่เหลือกับพยัคฆ์หมอกหกตัวที่ตามมาติดๆ ระเบิดกลายเป็นแสงสีดำผืนใหญ่ล้อมวานรขนเขียวไว้ด้านใน

ปี้เหยียนเห็นเช่นนี้ ในดวงตาก็ฉายแววตื่นเต้นยินดีอันยากจะสังเกตเห็นแวบหนึ่งก่อนจะพยักหน้า

ผู้ฝึกฝนอิสระเผ่ายมโลกสามตนเวลานี้ถอยไปอยู่มุมห้องนานแล้ว พวกเขาสบตากันแล้วผงกศีรษะเล็กน้อย เห็นชัดว่าค่อนข้างยอมรับหลิ่วหมิง

ส่วนเผ่ายมโลกครึ่งแมลงกับเผ่ายมโลกใบหน้าพยัคฆ์อีกด้านหนึ่งกลับสีหน้าราบเรียบ คล้ายกับว่ามิติคุกมืดที่หลิ่วหมิงใช้ไม่มีค่าให้ชายตาแล

ด้านในมิติสีดำ วานรขนเขียวกระโดดขึ้นลงอยู่พักหนึ่ง หลังจากพบว่าไม่อาจหลุดจากการคุมขังไปได้ก็โกรธจัดทันที

มันอ้าปากร้องเสียงประหลาดครั้งหนึ่ง ร่างกายพลันมีเปลวเพลิงสีเขียวชั้นหนึ่งปรากฏขึ้นมา สิบนิ้วมีกรงเล็บแหลมคมยาวหนึ่งฉื่อกว่างอกออกมาอย่างรวดเร็วก่อนจะวาดไปซ้ายขวาเบื้องหน้า แสงกรงเล็บสีเขียวหยกที่มีเปลวเพลิงสีเขียวหุ้มอยู่วาดตัดสะเปะสะปะเป็นผืนพุ่งพรวดออกไปสะบั้นมิติสีดำรอบด้าน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา